7 ข้อคิดจากหนังสือเพราะการลาออกไม่ใช่แค่เดินไปบอกเจ้านาย
.
1. เงิน/รายได้ = เวลา x แรงกาย x ประสิทธิภาพ
นั่นหมายความว่า ถ้าเราอยากมีรายได้ที่สูงขึ้น เราก็ต้องทุ่มเทเวลา แรงกาย และประสิทธิภาพในการทำงานให้มากขึ้่น
เช่นเซลล์ขายสินค้า ที่อาจต้องเดินทางตามหาลูกค้าให้มากขึ้น ก็จะเหนื่อยกายมากขึ้น และต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดการขายให้ได้มากขึ้น
.
2. 3 สาเหตุหลักที่คนไม่อยากทำงานประจำ
1) ขาดอิสระในการเลือก – ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องสถานที่ทำงาน
เราอาจต้องทำตามกรอบที่หัวหน้างานกำหนด หรือตามนโยบายบริษัท
ซึ่งในส่วนนี้่ก็มักจะขึ้นอยู่กับโชคว่าเราจะเจอหัวหน้างานที่ดี เพื่อนร่วมงานที่ใช่ สถานที่ทำงานที่เหมาะกับตัวเรา
.
2) คิดว่าเราเอาเวลาที่ทำงานประจำไปสร้างคุณค่าอย่างอื่นได้มากกว่า
โดยเฉพาะกับงานที่ต้องทำมากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน เราอาจสูญเสียชีวิตด้านอื่น เช่นด้านความสัมพันธ์ ด้านครอบครัว และเรื่องสุขภาพ
นอกจากนี้เรายังอาจมีความฝันอื่น ๆ ที่ทำไม่ได้เพราะไม่มีเวลา
.
3) ผลตอบแทนที่ได้ไม่เหมาะสมกับความสามารถ
โดยเฉพาะถ้าเราคิดว่าเราทำอะไรได้มากกว่างานที่ทำอยู่ประจำ
.
3. ก่อนจะลาออกจากงานประจำ เริ่มจากการวางแผนให้ดีก่อน
ค้นหาความหมายและเป้าหมายของชีวิตเรา
และตอบตัวเองให้แน่ชัดก่อน
.
4. จัดการด้านการเงินให้เรียบร้อย
เมื่อเราลาออกมาแล้วไม่มีรายได้ประจำ เราก็อาจจำเป็นที่ต้องลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
รู้จักเก็บออมให้มากขึ้น
เลือกใช้จ่ายไปกับสิ่งที่มีคุณค่าต่อตัวเราจริง ๆ เท่านั้น
.
5. เริ่มมองหารายได้ทางใหม่ก่อนลาออกจากงานประจำ
นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงด้านการเงินแล้ว ยังช่วยให้เรารู้สึกมีคุณค่าในการทำงานอย่างอื่นด้วย
โดยเราอาจเริ่มทำธุรกิจเล็ก ๆ ควบคู่กับการทำงานประจำไปในช่วงแรก
และอดทนและทำให้นานพอ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม หลายครั้งเวลาเป็นปัจจัยสำคัญในการที่จะช่วยให้สิ่งที่ทำออกดอกออกผล
.
6. จัดการหนี้สิน เช็คสภาพคล่องและโอนย้ายความเสี่ยง
อย่าสร้างหนี้บริโภค ให้สร้างเฉพาะหนี้ที่เป็นทรัพย์สินสร้างรายได้ให้กับเรา
หนี้คือเชือกพันธนการที่เราควรตัดออกก่อนจะลาออกจากงานประจำ
นอกจากนี้เราควรเตรียมเงินสดสำรองไว้ไม่ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย 6 เดือนของเรา
และอย่าลืมซื้อประกันเพื่อโอนถ่ายความเสี่ยง
.
7. ก้าวออกจาก comfort zone และเริ่มทำตามแผนการที่วางไว้
ลาออก และเริ่มชีวิตที่่มีความสุขในแบบที่เราต้องการได้เลย
.
.
รีวิสั้น ๆ หลังอ่าน
ผลงานหนังสือเล่มแรกโดยคุณมนตรี ร่มโพธิ์ น้องชายของอ.นภดล ร่มโพธิ์ เจ้าของ Nopadol’s story
นับว่าเนื้อหาตรงไปตรงมา อ่านง่าย เหมือนอ่านบันทึกสั้น ๆ ของคุณมนตรีที่ตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่ทำมาเกือบ 20 ปี
และใช้ชีวิตอิสระ โดยคุณมนตรียังเป็นเจ้าของเพจ งานประจำวันสุดท้ายอีกด้วย
.
Comments