top of page
Writer's pictureหลังอ่าน: รีวิวหนังสือ

รีวิว เลิกเป็นคนดี แล้วจะมีความสุข





รีวิว เลิกเป็นคนดี แล้วจะมีความสุข

.

‘คนดี คือคนที่ชอบทำให้ผู้อื่นพอใจ โดยไม่สนใจความต้องการของตัวเอง’

.

เลิกเป็นคนดี แล้วจะมีความสุข เป็นหนังสือชื่อดังอันดับต้น ๆ เล่มหนึ่งในตระกูลหนังสือแปลจากญี่ปุ่น

อาจเป็นเพราะชื่อเรื่อง และความเรียบง่ายในหนังสือ

ที่บอก howto เป็นข้อ ๆ ของการเลิกเป็นคนดี หรือคนที่ชอบเอาใจผู้อื่น จนลืมทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

.

ผู้เขียน โกะโด โทคิโอะ เขียนเล่มนี้ออกมาได้แบบตรงไปตรงมา

มีการใส่ความเห็นที่ค่อนข้างสุดโต่ง และเล่าเรื่องของตัวเองที่ออกจะมีความเฉพาะตัวไม่เหมือนใครอยู่พอสมควร

.

ถ้าใครเคยอ่านหนังสือเล่มอื่นของโกะโด โทคิโอะ แล้ว จะรู้สึกชัดเจนว่า สไตล์การเขียนเหมือนกันเป๊ะ

ใช้ภาษาง่าย ๆ เข้าสู่ใจความสำคัญโดยเร็ว ไม่เวิ่นเว่อ ไม่เล่ารายละเอียดเยอะ

จนบางครั้ง ถ้าอ่านแล้วไม่เห็นด้วย ก็อาจรู้สึกตะหงิด ตะหงิดได้ เหมือนกัน

.

แต่โดยรวมหนังสือเล่มนี้ เหมาะมากสำหรับบรรดาคนขี้เกรงใจ หรือคนที่ชอบเอาใจคนอื่น

ไม่กล้าออกนอกกรอบ ไม่กล้าทำอะไรตามใจตัวเองสักที

ทั้ง ๆ ที่ลึก ๆ ในใจก็อาจจะรู้อยู่แล้ว ว่าใจเราต้องการอะไร

.

อ่านจบแล้ว ก็จะเป็นการตบหน้าคนประเภทดังกล่าวแรง ๆ สักที

มีสติหน่อยสิ! เลิกเป็นคนดีกันได้แล้ว !

.

ใครชอบหนังสือแปลญี่ปุ่นสไตล์ที่เขียนตรงไปตรงมา ยังไงเล่มนี้ก็ไม่ควรพลาดครับ

อ่านไม่นานก็จบแล้ว บางเรื่องหยิบมาใช้ได้เลย บางเรื่องเฉย ๆ ก็ปล่อยผ่านไป

.

ขอเลือก 7 เรื่องที่ส่วนตัวผมชอบมากที่สุดมาเล่าให้ฟังครับ

.

1) เลิกเป็น ‘คนดี’

คนที่เลิกไม่ได้ จะเจอแต่ความสัมพันธ์ที่น่าอึดอัด

คนที่เลิกได้ จะเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ

.

‘คนดี’ คือคนที่พยายามทำให้คนอื่นพอใจ หรือคิดถึงความรู้สึกของคนอื่น

แต่หลายครั้งการเป็นคนดีมากเกินไป ก็คือการปิดบังความรู้สึกของตัวเอง และเลือกที่จะแสดงออกแต่การเอาใจคนอื่น

จนหลายครั้ง กลายเป็นเหมือนเราใส่หน้ากากเข้าหาคนอื่น

เพราะไม่มีใครรู้จักตัวตนของเราที่อยู่ข้างใน

.

เมื่อไม่มีใครรู้จักตัวตนจริง ๆ ของเราแล้ว

แม้เราจะเลี่ยงที่จะถูกเกลียดได้

แต่ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นก็คงจะเป็นได้แค่ผิวเผิน

.

หนำซ้ำตัวเราเองอาจขาดความน่าสนใจที่จะให้คนอื่นออกค้นหา

จนกลายเป็นว่า คนอื่นเลิกให้ความสนใจกับเราไปเลย

.

การลองหันกลับมาให้ความสำคัญกับความรู้สึกตัวเองเป็นสิ่งที่ควรทำ

จงตระหนักไว้ว่า ทุกคนล้วนเป็นเหมือนดินสอสีแท่งหนึ่ง ในโลกที่มีมากกว่า 7000 ล้านแท่ง

สีของดินสอแต่ละสีมีความเฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร

และการจะไปบอกว่าสีหนึ่งดีกว่าอีกสี ก็คงเป็นไปไม่ได้

.

นั่นหมายความว่า ทุกคนล้วนมีคุณค่าในแบบที่ตัวเองเป็น

และเราควรแสดงออกตัวตนที่มีคุณค่าออกไป

อย่าเก็บซ่อนมันไว้ เพียงเพราะต้องการเป็น ‘คนดี’

.

.

2) เลิกคิดว่า ‘ฉันใช้ชีวิตเพียงลำพังไม่ได้’

คนที่เลิกไม่ได้: กลัวการถูกเกลียดจนเกิดเหตุ

คนที่เลิกได้: กลัวการถูกเกลียดน้อยลงและเป็นตัวของตัวเองได้

.

ถ้าเป็นแต่ก่อน ยังพอเข้าใจได้ว่า เราจำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่น

และอยู่กันเป็นสังคม

แต่ในปัจจุบัน เรามีอินเตอร์เน็ต เรามีเครื่องอำนวยความสะอวกต่าง ๆ ที่ทำให้เราสามารถอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียว

.

มีหลายอาชีพที่ทำได้โดยไม่ต้องพบปะใคร เช่น นักเล่นหุ้น ที่เทรดหุ้นทั้งวัน

หรือแม้แต่ตัวผู้เขียนที่เป็นคนชอบอยู่คนเดียว ในช่วงหลังเลิกงานก็ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง

ไม่ได้ไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนบ้านคนอื่น ๆ

.

แต่สิ่งสำคัญคือ สังคมที่เราอยู่ชอบทำให้เราคิดกันว่าเราอยู่ลำพังไม่ได้

เราต้องอยู่กับคนอื่นตลอดเวลา

ซึ่งเป็นการสร้างความกดดันให้เราต้องเข้าหาผู้อื่น และหลายครั้ง นั่นคือการใส่หน้ากากของความเป็น ‘คนดี’

.

แท้จริงแล้ว เราอยู่ตัวคนเดียวได้

และเราควรจะเลิกกลัวการถูกเกลียดมากเกินไป ถ้าเราตัดสินใจอยู่ตัวคนเดียวดู

การเชื่อว่า ‘เราอยู่ได้ด้วยตัวเอง’ จะช่วยให้เราหลุดพ้นจากความกดดันที่ต้องทำให้ตัวเองเป็นที่ชื่นชอบของคนอื่นได้

.

.

3) เลิก ‘เอาใจทุกคน’

คนที่เลิกไม่ได้: คนจะมองเข้ามเหมือนเราไม่มีตัวตน

คนที่เลิกได้: ได้พบปะผู้คนที่เราชอบ

.

มีหลายคนที่ชอบคิดว่าตัวเองสามารถเอาใจทุกคนได้

แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

ลองนึกถึงดาราคนดังที่พยายาม ตอบคำถามให้ถูกใจทุกคนดูก้ได้

สุดท้ายแล้วก็อาจจะโดนคนเกลียดอยู่ดี

หรือลองนึกถึงคนที่ทำทุกอย่างได้ดี เป็นคนในแบบที่สังคมต้องการสุด ๆ

สุดท้ายก็ยังจะเจอคนเกลียด และบอกว่า ‘ไม่ชอบคนนี้ เพราะเขาทำทุกอย่างได้ดีเกินไป’

.

อีกกรณีคือ การพยายามเอาใจของหนุ่ม ๆ เมื่อตอนจีบสาวสวยใหม่ ๆ

วิธีการหนึ่งคือการเอาใจสาวคนนั้นแทบทุกอย่าง

สาวบางคนก็อาจจะชอบ เพราะรู้สึกว่าเขาดูแลดี แต่บางคนก็อาจจะไม่ชอบ เพราะรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่เป็นผู้นำ และไม่ตัดสินใจอะไรเลย

.

ดังนั้นแล้ว หลายคนที่ทำตัวเป็นคนดี และพยายามเอาใจทุกคน

สุดท้ายก็อาจจะโดนมองข้ามไป เพราะไม่มีตัวตนชัดเจน ไม่มีอะไรให้จดจำ

.

การเลิกเอาใจทุกคน และเป็นตัวเองในแบบที่เราเป็น แม้อาจจะไม่ถูกใจใครหลายคน

แต่เราก็จะได้เจอคนที่ใช่สำหรับเรา

คนที่ชอบตัวเราในแบบที่ตัวเราเป็น และยินดีที่จะคบกับเรา อยู่กับเราในตัวตนแบบนี้

.

แม้จะเจอคนเกลียดบ้าง แต่ให้คิดซะว่า เราก็อาจเลิกคนที่เข้ากับเราไม่ได้

แล้วไปใช้เวลากับคนที่เข้ากันได้ดีกว่า

ยังมีคนบนโลกอีกมารอให้เราคบหาอยู่

.

ดังนั้น เลิกการพยายามเอาใจทุกคน และมาแสดงออกในเป็นตัวเองเป็นกันเถอะ

.

.

4) เลิกเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริง

คนที่เลิกไม่ได้: ไม่มีศัตรู แต่ก็ไม่มีพวกที่แท้จริง

คนที่เลิกได้: แม้มีศัตรู แต่ก็มีพวกที่เชื่อใจกันได้

.

เพราะคนดีมักจะเก็บซ่อนความรู้สึกตัวเองไว้ข้างใน

ทำให้คนอื่นเข้าถึงตัวเขาได้ยาก และมองไม่เห็นเสน่ห์ในตัวเขา

จึงไม่ค่อยไว้ใจ และไม่ค่อยมอบหมายงานสำคัญให้

.

ต่างกับคนที่แสดงตัวตนออกมาชัดเจน แม้อาจจะเป็นการสร้างศัตรู

แต่ถ้าเจอคนที่คิดเหมือนกัน ก็จะกลายมาเป็นพวกพ้องคอยซัพพอร์ตซึ่งกันและกันได้

สุดท้ายคนที่แสดงความรู้สึกออกมาตรง ๆ จึงมีเพื่อนมากกว่า และมีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากกว่า

.

.

5) เลิกเป็นแค่ ‘คนธรรมดา’

คนที่เลิกไม่ได้: เลือกเดินทางที่ปลอดภัย แต่ไม่มีทางประสบความสำเร็จแบบยิ่งใหญ่

คนที่เลิกได้: สร้างความสำเร็จตามทางของตัวเอง

.

ลองทำตัวประหลาดเสียบาง เพราะการทำตัวธรรมดาเหมือนคนทั่ว ๆ ไปออกจะน่าเบื่อ

และไม่ได้สร้างสรรค์อะไรใหม่ ๆ ขึ้นมา

เราอาจลองทำตัวให้คาดเดาไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการทำงาน เรื่องธุรกิจ หรือเรื่องความสัมพันธ์

พยายามหาความคิดหักมุม

.

และถ้ามีใครบอกว่าเราประหลาด

นั่นอาจเป็นคำชมที่ดีที่สุดอันหนึ่งเลยก็ว่าได้

.

.

6) เลิกเป็นคนเถรตรงเกินไป

คนที่เลิกไม่ได้: เถรตรงจนทำให้ผู้อื่นผิดหวัง

คนที่เลิกได้: รู้จักโกหกให้เกิดประโยชน์ และเปลี่ยนโอกาสให้กลายเป็นผลตอบแทน

.

ในบางสถานการณ์การโกหกนิด ๆ ก็เป็นเรื่องจำเป็น

และอาจช่วยกอบกู้สถาการณ์ให้ดีขึ้นได้

แต่ในที่นี้ต้องไม่ใช่การโกหกรุนแรงจนสร้างความเสียหายให้ผู้อื่น

.

ตราบใดที่มนุษย์ยังถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์

การที่เราโกหกนิด ๆ ขี้โกงหน่อย ๆ แต่สร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกับทั้งสองฝ่าย

ก็อาจเป็นการดีกว่า พูดอะไรออกไปแบบเถรตรงเกินไป

.

.

7) เลิกผูกมัดกับกฎเกณฑ์ว่าต้องทำ

คนที่เลิกไม่ได้: ผูกมัดกับกฎเกณฑ์ทางความคิดจนขยับตัวไม่ได้

คนที่เลิกได้: เปลี่ยนสถาการณ์ต่าง ๆ จนเกิดประโยชน์ต่อตัวเองได้

.

หลายคนอาจติดกับกฎเกณฑ์ทางความคิดที่ถูกฝังหัวมาแต่เด็ก

เช่น ถ้าเป็นผู้ชายต้องทำแบบนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงต้องทำแบบนั้น หรือ อย่าไปอยู่ตัวคนเดียวนะ มันดูไม่ดี

.

ถ้าเรามีกฎเกณฑ์พวกนี้อยู่ในหัว อาจลองถามตัวเองดี ๆ ว่ากฎเกณฑ์พวกนี้มันจำเป็นกับชีวิตเราจริง ๆ หรือ

หลายครั้งเพียงการตั้งคำถามเล็ก ๆ ก็ช่วยให้เราเปลี่ยนกรอบความคิด และสลัดตัวเองจากฎเกณฑ์ไม่เข้าท่าหลาย ๆ อย่างได้

.

ลองทิ้งกฎเกณฑ์บางอย่าง และออกไปสนุกกับชีวิตดูบ้าง ชีวิตมีอะไรมากกว่าแค่กฎเกณฑ์ที่ท่องจำกันมาแต่เด็กเยอะ

.

.

……………………………………………………………………………………………………..

ผู้เขียน: โกะโด โทคิโอะ

ผู้แปล: อาคิรา รัตนาภิรัต

สำนักพิมพ์: อมรินทร์ How to

จำนวนหน้า: 182 หน้า

เดือนปีที่พิมพ์: 2018

หมวดหมู่: การพัฒนาตัวเอง , how to

……………………………………………………………………………………………………..

.

สั่งซื้อหนังสือได้ที่ https://bit.ly/3G9m8Ai

.

.

#หลังอ่าน #หนังสือควรอ่านก่อนอายุ30 #100เล่มควรอ่านก่อน30 #เลิกเป็นคนดีแล้วจะมีความสุข




2,915 views0 comments

Comments


Post: Blog2_Post
bottom of page