top of page
Writer's pictureหลังอ่าน: รีวิวหนังสือ

รีวิว สกิลขั้นเทพของนักบริหารเวลาที่รู้ใจสมอง




รีวิว สกิลขั้นเทพของนักบริหารเวลาที่รู้ใจสมอง

.

‘เทคนิคการบริหารเวลาฉบับจิตแพทย์ชื่อดังจากญี่ปุ่น ที่ช่วยให้เอาชนะขีดจำกัดทางกายภาพได้’

.

หนังสือเล่มใหม่ของอาจารย์ ชิอน คาบาซาวะ ผู้เขียนหนังสือชื่อดังอย่าง The power of output, เทคนิคการอ่านให้ไม่ลืม และเทคนิคการจำที่จิตแพทย์อยากบอกคุณ

เล่มนี้จัดเต็มเรื่องเทคนิคการบริหารเวลา

.

ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเทคนิคส่วนตัวที่คุณชิอนใช้มานานกว่า 7 ปี

และทำให้เขาบริหารเวลาได้อย่างโคตรมีประสิทธิภาพ

เพราะในแต่ละวัน เขาทำงานมากกว่าคนอื่นถึง 4 เท่า แต่ก็ยังมีเวลาพักมากกว่าคนอื่น 2 เท่า

นอกจากนี้คุณชิอนยังนอนได้เต็ม ๆ วันละ 7 ชั่วโมงอีกด้วย

.

แต่ที่สำคัญคือ เทคนิคที่นำเสนอในเล่มไม่ใช่เทคนิคที่คิดขึ้นมาลอย ๆ

แต่ทุกอย่างมีหลักการรองรับอย่างเป็นวิทยาศาสตร์

ทำให้น่าเชื่อถือ และน่าเอาไปลองปฏิบัติมากขึ้น

.

เทคนิคที่พูดถึงในเล่มก็มีตั้งแต่ เทคนิคการรีเซตสมาธิในแต่ละวัน

เทคนิคการใช้เวลาในแต่ละช่วงวันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งเช้า กลางวัน เย็น

รวมถึงเทคนิคการบริหารเวลาพัก

.

โดยรวมแล้วเนื้อหาอาจมีความซ้ำกับเล่มก่อน ๆ อยู่บ้าง

เพราะเดี๋ยวนี้มีหนังสือเรื่องการบริหารเวลาออกมาวางจำหน่ายกันเป็นจำนวนมาก

แต่อ่านแล้วก็เป็นความรู้ไว้ก็นับเป็นการทวนความจำ

และอาจมีเทคนิคอื่น ๆ ที่ตรงจริตกับผู้อ่านแต่ละคนมากกว่า ที่เคยอ่าน ๆ มาในเล่มก่อน ๆ

.

5 เทคนิคการบริหารเวลาขั้นเทพ ที่ช่วยให้เราเอาชนะขีดจำกัดในร่างกายได้

1) รู้จักช่วงเวลาทองของสมอง

สมองของเรามีประสิทธิภาพไม่เท่ากันในแต่ละช่วงเวลา

โดยปกติช่วงเวลาทองของสมอง ที่ทำให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากที่สุดจะอยู่ในช่วง 2-3 ชั่วโมงหลังจากเราตื่นนอน

.

ซึ่งถ้านับเป็นเชิงประสิทธิภาพแล้ว การทำงานในช่วงเช้า อาจทำให้เกิดประสิทธิภาพงานสูงกว่าช่วงกลางคืนถึง 4 เท่า

แต่หลายคนกลับใช้ช่วงเช้าไปกับการทำงานที่ไม่สำคัญอย่าง งานเช็คอีเมล การเดินทาง เป็นต้น

.

ดังนั้นเราต้องลองปรับตารางใหม่

เอาช่วงเช้าในแต่ละวันของเรามาทำงานที่ได้ใช้ความคิด

เช่น งานเขียน งานหาวิธีแก้ปัญหา การเรียนภาษาใหม่ หรืองานที่ต้องใช้สมาธิสูงอื่น ๆ

.

.

2) นอนให้พอ ถ้าไม่อยากลดอายุไขตัวเอง

การนอนนับเป็นกิจกรรมสำคัญที่ช่วยรีเซตสมาธิ และยังช่วยลดอายุไขอีกด้วย

.

แม้การจะเพิ่มระดับสมาธิของตัวเองจาก 100 เป็น 120 อาจเป็นเรื่องยาก

แต่การรีเซตสมองที่เหนื่อยล้าและเพิ่มพลังสมาธิจาก 70 ให้กลับมาเป็น 90 นั้นอาจทำได้โดยไม่ยาก

เพราะวิธีที่ดีที่สุดในการรีชาร์จพลังสมาธิคือการนอน

.

ถ้าเรานอนให้พอในระดับเวลานอนมาตรฐาน 8 ชั่วโมง

จากสมองที่เหนื่อยล้าของเรา ที่มีสมาธิเพียงระดับ 50 ก็จะกลับมาเป็น 100 ได้เมื่อเริ่มวันใหม่

.

แต่ถ้าเรานอนไม่พอ การรีเซตพลังสมาธิก็อาจทำได้ไม่สมบูรณ์

เช่น ถ้าเรานอนเพียง 5 ชั่วโมงต่อวัน

เมื่อตื่นขึ้นมาเราก็อาจมีพลังสมาธิอยู่เพียงแค่ระดับ 80 แทนที่จะเต็ม 100

.

แต่สิ่งสำคัญกว่าคือ ถ้าเรานอนน้อยติดต่อกันนาน ๆ สมองส่วนการรับรู้ และการรักษาสภาวะตื่นตัวจะทำงานแย่ลงเรื่อย ๆ ก

เราจะเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง หลอดเลือดสมอง หัวใจวาย เบาหวาน และความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

และอายุไขก็มีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญด้วย

.

.

3) อ่านหนังสือ แทนการเล่มเกม

ในเวลาว่าง ถ้าเราอยากใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาตัวเอง

จนหา ‘ความบันเทิงเชิงรุก’ แทน ‘ความบันเทิงเชิงรับง

.

ความบันเทิงเชิงรับ เช่น การเล่นเกม หรือดูทีวี

เหมือนเป็นการที่เรานั่งเฉย ๆ แต่ไม่ได้เอาตัวเองไปมีส่วนร่วมใด ๆ กับสิ่งที่ทำอยู่

.

ในทางกลับกัน ความบันเทิงเชิงรุก เช่น การอ่านหนังสือ เล่นดนตรี เล่นกีฬา หรือเล่นบอร์ดเกม

จะช่วยทำให้เราได้เอาตัวเองไปมีส่วนร่วม และก่อให้เกิดการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะการนำสิ่งที่ได้จากการความบันเทิงเหล่านี้มาต่อยอดงานที่เราทำอย่างสร้างสรรค์

.

สุดท้ายการลงทุนเวลาว่างไปกับการพัฒนาตัวเอง จะทำให้เรามีทักษะการทำงานที่ดีขึ้น

เมื่อทำงานได้ดีขึ้น เราก็ทำงานได้มากกว่าเดิมโดยใช้เวลาเท่าเดิม

เราก็จะมีเวลาว่างมากขึ้นไปอีก เป็นวัฏจักรที่เติมเต็มกันและกันต่อไป

.

4) เลือกพื้นที่ทำงานที่มีสมาธิ

วิธีหนึ่งที่ฮารูกิ มูราคามิ ใช้คือการสร้างพื้นที่เขียนนิยายขึ้นมาโดยเฉพาะ

ทุกครั้งที่เขาอยากเขียนนิยาย เขาจะเก็บตัวอยู่แต่ในที่พักที่มีออนเซ็น

เพราะเงียบสงบ ปราศจากเสียงรบกวน และทำให้เขาไม่คิดฟุ้งซ่าน

.

วิธีนี้นับเป็นการสร้างกิจวัตรให้สมองจดจำว่า ถ้ามาถึงสถานที่นี้ จะเป็นเวลาแห่งการทำงานอย่างโฟกัส

สมองจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยอัตโนมัติ

พร้อมกับคุมระดับสมาธิให้อยู่สูงแบบนั้นเรื่อย ๆ ตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่แห่งสมาธิดังกล่าว

.

ถ้าเป็นพนักงานออฟฟิศ เวลาต้องคิดงานที่ใช้สมาธิสูง

อาจลองเข้าไปหาห้องประชุมเงียบ ๆ ที่ไม่มีคนอยู่

แล้วลองสร้าง ‘พื้นที่แห่งสมาธิ’ ของตัวเองขึ้นมาดู

สิ่งสำคัญคือ การเลือกหาสภาพแวดดล้อมที่ถูกปิดกั้นจากสิ่งรบกวน และการใช้สถานที่นั้นให้ต่อเนื่องจนกลายเป็นกิจวัตร

.

.

5) ทำตามกฎ 15 -45 -90 นาที

กฎนี้คือ ‘ระดับสมาธิ’ หรือ ‘ช่วงเวลาที่เราจะมีสมาธิจดจ่อกับการทำอะไรสักอย่างหนึ่ง’

.

โดยส่วนใหญ่แล้ว เมื่อครบ 15 นาทีระดับการโฟกัสของเราก็อาจลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

เราจึงต้องพัก และหันไปทำอย่างอื่นคั่นเวลาก่อน

ก่อนจะกลับมาเริ่มทำงานอีก 15 นาทีต่อไป

แล้ววนเป็นลูปแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ

.

แต่สำหรับงานบางประเภท เราก็อาจต้องรักษาระดับสมาธิให้คงที่ไว้ตลอด 45 นาที

เช่น การแข่งฟุตบอลให้จบครึ่งแรก และครึ่งหลัง

หรืองานบางประเภทก็อาจทำให้เราต้องรักษาระดับสมาธิให้ได้นานกว่านั้น

เช่น งานเขียนของอาจารย์ชิอนที่ถ้าได้เข้าสู่ช่วงที่มีสมาธิแล้ว

ก็จะเขียนงานได้ต่อเนื่องถึง 90 นาที

.

ทั้งนี้เราควรรู้ระยะเวลาที่เหมาะสมกับตัวเอง

โดยของแต่ละคนอาจแตกต่างกันได้มากถึง 20 นาที

.

แต่สิ่งสำคัญคือ เราต้องหาเวลาหยุดพักบ้าง

แม้แต่หนังแอคชั่นที่สนุก ยังมีฉากแอคชั่นต่อกันเพียงแค่ 15 นาที แล้วตัดสลับไปฉากอื่น ๆ

เพราะระดับสมาธิทั่วไปของคนดูที่จะทำให้รู้สึกสนุกไปกับหนังมีอยู่เพียง 15 นาทีนั่นเอง

.

.

--------------------------------------------------------------------------------------------------

ผู้เขียน: ชิอน คาบาซาวะ

ผู้แปล: พนิดา กวยรักษา

จำนวนหน้า: 259 หน้า

สำนักพิมพ์: Amarinhowto

เดือนปีที่พิมพ์: 2021

แนวหนังสือ: พัฒนาตัวเอง

--------------------------------------------------------------------------------------------------

.

สนใจสั่งซื้อหนังสือได้ที่

.

#หลังอ่าน #หนังสือควรอ่านก่อนอายุ30 #100ควรอ่านก่อน30 #สกิลขั้นเทพของนักบริหารเวลาที่รู้ใจสมอง





450 views0 comments

Comments


Post: Blog2_Post
bottom of page