top of page
  • Writer's pictureหลังอ่าน: รีวิวหนังสือ

รีวิว รุ่งอรุณแห่งการเปลี่ยนแปลง



5 บทเรียนสำคัญจากหนังสือ รุ่งอรุณแห่งการเปลี่ยนแปลง

.

1) จงตั้งใจแปรงฟันในทุกวัน

สิ่งเล็ก ๆ ต่างมากมายที่เราทำกันในทุกวัน อาจไม่ได้ส่งผลให้เห็นความต่างใน 2-3 วัน

แต่มันจะส่งผลต่อชีวิตของเราในระยะยาว อาจเป็นหลักปี หรือหลายปี

.

การแปรงฟันก็เป็นตัวอย่างหนึ่งในนั้น

การแปรงฟันแบบดี ใช้ไหมขัดฟันหลังแปรงเสร็จ แปรงละเอียด ตั้งใจแปรง กับการแปรงฟันห่วย ๆ ให้เสร็จ ๆ ไป

อาจไม่ได้ทำให้เกิดความแตกต่างใน 2-3 วัน

แต่เมื่อผ่านระยะเวลาไปช่วยหนึ่ง

ผลของมันจะค่อย ๆ ปรากฎ

.

คนหนึ่งไม่มีปัญหาสุขภาพฟันใด ๆ เลย อีกคนมีฟันผุ ต้องอุดฟัน ต้องครอบฟัน ไปจนถึงการรักษารากฟันเทียม

ที่ทั้งเจ็บตัว และเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล

.

รู้แบบนี้แล้ว มาตั้งใจแปรงฟันกันในทุก ๆ วันดีกว่า

.

.

2) หุบเขาแห่งการทำธุรกิจ

จากประสบการณ์การทำธุรกิจของคุณรวิศเอง

สามารถแบ่งช่วงเวลาในการทำธุรกิจออกเป็น 5 ช่วงดังต่อไปนี้

.

1. ช่วง Euphoria – ตื่นเต้นไปกับไอเดียธุรกิจใหม่ของตัวเอง จะไม่ค่อยได้ยินเสียงคำเตือนจากคนรอบข้าง

2. ช่วงเริ่มลงหลักปักฐาน – เป็นช่วงที่ความจริงเริ่มปรากฎ เมื่อได้ลองทำธุรกิจนั้นดูจริง ๆ

ยอดขายอาจไม่ได้เยอะอย่างที่คิด หรืออาจติดพันปัญหาอื่น ๆ เช่น การขออนุญาตจากทางการ

.

3. ช่วงดำดิ่ง – เป็นเหมือนหุบเหวของการเริ่มธุรกิจใหม่

หลายคนมักสิ้นหวังกับสภาวะในช่วงนี้ เพราะต้องเจอกับอุปสรรคเช่น ลูกค้าไม่เข้า ยอดขายไม่ถึง ผิดใจกับหุ้นส่วน

ถ้าใครยังไม่อยาก cut loss ถ้าไม่เจ๋งไปเลย ก็จะได้เข้าสู่ช่วงที่ 4

.

4. เริ่มหาที่ของตัวเองเจอ – มองธุรกิจของเราตามความเป็นจริง อาจเล็กกว่าหรือใหญ่กว่าที่ตั้งใจจะทำในตอนแรก

แต่เราจะบริหารความคาดหวังของตัวเองและทีมงานได้

5. ช่วงเวลาแห่งการเติบโต - ค่อย ๆ วางระบบแล้วเติบโตไปในธุรกิจตัวนี้ หรืออาจมองหาภูเขาลูกใหม่ให้กลับไปเริ่มที่ช่วงที่ 1 ใหม่อีกครั้ง

.

บทเรียนสำคัญจากเรื่องนี้คือ ความที่เราควรระวังความดีใจจนเกินไปดีกับไอเดียของตัวเองเมื่อเริ่มธุรกิจ จนไม่ฟังใคร

และการรู้จัก cut loss ธุรกิจในช่วงที่ 3 ถ้าเห็นว่าธุรกิจไปต่อไม่ไหวจริง ๆ

.

.

3) การบริหารแบบ ตึง-ผ่อน-ตึง (tight-loose-tight)

ผู้นำที่ดีตามแบบฉบับของคุณรวิศ คือการรู้จักบริหารแบบ ตึง-ผ่อน-ตึง (tight-loose-tight)

1. ตึง (tight) ตัวแรก - คือการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน สื่อสารความคาดหวังให้คนอื่นเข้าใจ

2. ผ่อน (loose) ตัวที่ 2 – คือการบริหารวิธีการทำงานที่ยืดหยุ่น ปล่อยให้เจ้าของงานมี autonomy หรืออิสระในการจัดการงานตัวเอง

3. ตึง (tight) ตัวสุดท้าย – คือการติดตามวัดผล ที่ต้องมีการให้ฟีดแบ็กในรอบด้าน และประเมินออกมาตามความเป็นจริง

.

ผู้บริหารบางคนบริหารแบบ tight-tight-tight, loose -loose- loose หรือ loose - tight – loose

ถ้าเป็นแบบแรกอาจสร้างความกดดันให้พนักงานมากเกินไป ถ้าเป็นแบบที่ 2 ก็จะไม่มีอะไรชัดเจนเลย เป็นการบริหารแบบปล่อยปะละเลยมาก

ส่วนแบบสุดท้าย คือการเข้าไปจู้จี้จุกจิกกับการทำงานของแต่ละคน โดยไม่รู้แน่ชัดว่าองค์กรเองมีเป้าหมายคืออะไร ทำให้วัดผลอะไรไม่ได้เลย

.

.

4) ตั้งใจนำเสนอข้อมูลทุกอย่างให้ดี

เพราะข้อมูลที่เรานำเสนอออกไปใหลูกค้า อาจไม่ได้เป็นการนำไป “บวกเพิ่ม” จากข้อมูลเดิมที่ลูกค้ามีอยู่

แต่เป็นการนำข้อมูลใหม่ไป “เฉลี่ย” กับข้อมูลชุดเดิม

ทำให้ถ้าความเข้มข้นของสาส์นที่สื่อออกไปแตกต่างจากเดิมมาก

ข้อมูลที่เราสื่อสารออกไปเพิ่มก็อาจไปเจือจางข้อมูลเดิมที่ลูกค้ารับรู้อยู่ได้

.

นี่เป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า dilution effect

เช่น การโฆษณายาตัวหนึ่งที่อาจมีผลข้างเคียงเรื่องหัวใจวาย หลอดเลือดอักเสบ บลา ๆ ๆ และอาการคันตามผิวหนัง

ข้อมูฃที่เข้มข้นน้อยกว่าอย่าง อาการคันตามผิวหนัง ก็ช่วย “เจือจาง (dilute)” ความร้ายแรงของเรื่องหัวใจวาย และหลอดเลือดอักเสบได้

คนฟังโฆษณายาตัวนี้จึงไม่ได้กลัวผลข้างเคียงเท่าที่ควร

.

ดังนั้นก่อนจะสื่อสารอะไรก็ตามออกไป ลองคิดถึง dilution effect แล้วนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์

ระวังอย่าให้ข้อมูลที่มีคุณภาพต่ำ มา “เจือจาง” ข้อมูลที่มีคุณภาพสูง

.

.

5) อย่าลืมคิดถึง balance factor balance factor เป็นเหมือน cost ที่ต้องคำนึงถึงเวลาที่เราเลือกตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง

ไม่ว่าจะเป็น การเลือกใช้เงินซื้อของชิ้นหนึ่ง การเลือกคบกับคน ๆ หนึ่ง หรือการเลือกงานที่ทำในแต่ละวัน

.

แน่นอนว่า เรามักเลือกทำสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะซื้อของ คบหาดูใจกับคนรู้ใจ หรือเลือกทำงาน ตาม amount of joy หรือปริมาณความสุข ที่เราคาดว่าจะได้รับ

แต่ต้องไม่ลืมว่าทุก amount of joy ที่เกิดขึ้น ก็มี balance factor ตามมาด้วยเสมอ

.

เช่น คุณรวิศชอบซื้อรถมาก ไม่ใช่รถที่เป็นพาหนะพาจากจุด A ไปยังจุด B

แต่เป็นการซื้อรถที่ทำให้เขาดื่มด่ำกับประสบการณ์การนั่งอยู่ด้านหลังพวงมาลัยอย่างเต็มอิ่ม

เวลาที่คุณรวิศจะซื้อรถแบบนี้ แน่นอนว่า amount of joy มีสูงมาก แต่เขาเองก็ต้องพยายามคิดถึง balance factor หรือราคาของรถที่เขาต้องจ่ายออกไปเช่นเดียวกัน

.

เรื่องความสัมพันธ์เองก็อาจมี balance factor อยู่ในรูปของ responsibility factor

ถ้าเราอยากลงทุนกับความสัมพันธ์ไหน เราก็ต้องทุ่มความรับผิดชอบในความสัมพันธ์นั้นด้วย

.

.

รีวิวหนังสือสั้น ๆ

รุ่งอรุณแห่งการเปลี่ยนแปลง เป็นผลงานลำดับที่ 10 ของคุณรวิศหาญอุตสาหะ

โดยเขียนขึ้นในช่วงที่โควิดกำลังระบาดแรง ๆ และหลายธุรกิจรวมถึงไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตต้องพบกับความเปลี่ยนแปลง

.

อ่านเล่มนี้แล้วก็เหมือนฟังพอดแคสต์คุณรวิศใน Mission to the Moon หลาย ๆ ตอน

เพราะเป็นหนังสือรวมบทความที่คุณรวิศเขียนในหลากหลายมิติ ทั้งเรื่องธุรกิจที่ตัวเองทำ เรื่องการปรับตัว เรื่องปัญหาทางสังคท เช่นปัญหาความเหลื่อมล้ำ หรือปัญหาการเข้าถึงการศึกษา และอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจจากหนังสือที่คุณรวิศอ่าน

แต่เล่มนี้เป็นรวมบทความในช่วงที่คุณรวิศตกผลึกความคิดตัวเองในช่วงหัวเลี่ยวหัวต่อจากวิกฤติโควิด-19

.

ถ้าใครชอบอ่านผลงานของคุณรวิศเล่มก่อน ๆ อยู่แล้ว เล่มนี้ก็ไม่ควรพลาด

ภาษาเรียบง่าย เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน และตรงประเด็น

ยังไงถ้ามีเวลา ลองหยิบมาหาอ่านกันดูครับ

.

....................................................................................................................

ผู้เขียน: รวิศหาญอุตสาหะ

จำนวนหน้า: 240 หน้า

สำนักพิมพ์: KOOB, สนพ.

เดือนปีที่พิมพ์: 2021

....................................................................................................................

.

สั่งซื้อหนังสือได้ที่

.

#หลังอ่าน #หนังสือควรอ่านก่อนอายุ30 #รุ่งอรุณแห่งการเปลี่ยนแปลง



30 views0 comments
Post: Blog2_Post
bottom of page