6 บทเรียนในการเลือกทิ้ง และการกล้าที่จะใช้ชีวิต
จากหนังสือ ทิ้ง 1 ให้ได้ 100 ทิ้งน้อยให้ได้มาก
.
1) การเติบโตคือ ความกล้าหาญที่จะทิ้งตัวตนเดิมของเรา
หลายครั้งเราอาจพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่เลือก ‘บันได’ ผิด
นั่นหมายถึงการเลือกไต่เต้าขึ้นไปในเส้นทางอาชีพที่ไม่ใช่ตัวเรา
.
ในกรณีแบบนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุด
คือ ความกล้าที่จะกระโดดลงมาจากบันไดที่ไม่ใช่ตัวเราอย่างไม่ลังเล
และเตรียมใจให้พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
.
เพราะถ้าเรามัวแต่สเสียดาย และไม่ปล่อยมือจากบันไดอันเดิม
เราก็คงจะไม่ได้เริ่มใหม่เสียที
.
2) เลิกคิดว่า เราได้เงินนั้นมายังไง แต่ให้คิดว่าเราจะใช้เงินที่มีอยู่อย่างไร
ความคิดหนึ่งที่เราควรทิ้งไป โดยเฉพาะคนที่เป็นประธานบริษัทคือ การยึดตัดกับ ‘ที่มาของเงิน’
หลายคนไม่กล้าใช้เงินเพราะ เป็นเงินที่ได้มาจากการเก็บหอมรอมริบกว่า 10 ปี
แต่จริง ๆ แล้วไม่ว่าเงินจำนวนนั้นจะได้มายากเย็นแค่ไหนก็ตาม
มันก็ยังเป็นเงินจำนวนเท่าเดิมอยู่ดี
.
สิ่งสำคัญจึงขึ้นอยู่กับการบริหารเงินที่มีให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
.
3) อย่าคิดว่าบริษัทเป็นของฉันคนเดียว
ประธานบริษัทหลายคนที่สร้างบริษัทมากับมือมักจะยึดติดกับความคิดที่ว่า
บริษัทเป็นของตัวเองคนเดียว และมักคิดว่า ‘เงินในบริษัท’ เป็นของตัวเองคนเดียว
ความคิดอาจใช้ได้ในช่วงที่บริษัทเริ่มตั้งไข่
แต่พออยู่ตัวระดับหนึ่งแล้ว ประธานบริษัทควรเอาความคิดแบบนี้ออกไปเสีย
.
เพราะมันจะทำให้ประธานอยากเก็บเงินไว้กับตัวคนเดียว
และไม่ยอมใช้เงินไปกับการพัฒนาบุคลากรในบริษัท
.
แท้จริงแล้ว เมื่อบริษัทเติบโตมาได้ระดับหนึ่ง บริษัทก็จะกลายเป็นของพนักงานทุก ๆ คน
ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง
การใช้เงิน รวมถึงการตัดสินใจต่าง ๆ จึงไม่ควรขึ้นกับใครเพียงคนเดียว
.
4) จงกู้เงินในตอนที่บริษัทยังมีเงิน
เหตุผลง่าย ๆ เพราะถ้าตอนที่บริษัทขาดทุน คงไม่มีธนาคารไหนอยากปล่อยกู้
แต่ถ้าบริษัทแสดงความสามารถในการทำกำไรได้ ก็มีโอกาสที่ธนาคารจะยอมปล่อยกู้ เพื่อให้บริษัทมาต่อยอดธุรกิจเดิม
.
ส่วนคำถามที่ว่า จะกู้เงินมาทำอะไร
ผู้เขียนแนะนำสั้น ๆ ว่า กู้เงินมาลงใน ‘คน’, ‘ข้อมูล’, และ ‘แบรนด์’
เพราะเป็น 3 สิ่งที่จะทำให้บริษัทได้ผลตอบแทนเป็น 10 เท่าหรือ 100 เท่าจากเงินลงทุน
.
5) ตัวเลขในบัญชีเงินฝาก คือสิทธิที่เปิดทางให้เราทำอะไรสักอย่างได้
หลายคนมักติดกับดักการทำตัวเป็นนักเก็บเงิน หมายถึงทั้งชีวิตเอาแต่หาเงิน
และไม่เคยใช้เงิน เพราะไม่อยากใช้ คิดว่าเงินนั้นหามายาก
.
แต่ในมุมมองของผู้เขียนแล้ว คนที่ใช้ชีวิตได้อย่างรื่นรมย์ ‘พรั่งพร้อมบริบูรณ์จริง ๆ’
ไม่ใช่คนที่มีเงินในบัญชีเงินฝากสูง ๆ
แต่เป็นคนที่มีกระแสเงินหมุนเวียน และได้ใช้เงินเพื่อเติบเต็มความสนุกในชีวิตตัวเอง
.
เงินเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่อาจสำคัญกว่าคือ ความสามารถในการหาเงินเมื่อเราต้องการมัน
.
6) เวลาเป็น ‘เครื่องมือ’ ในการสร้างคุณค่า
หลายคนกลัวการใช้เวลาไปกับสิ่งต่าง ๆ
โดยเฉพาะเมื่ออายุยังน้อย หลายคนเอาแต่ทำงานเก็บเงิน และเสียดายเวลาที่จะเอาไปใช้กับครอบครัว เพื่อนฝูง หรือคนรัก
.
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยิ่งอายุน้อยเท่าไหร่ โดยเฉพาะคนอายุ 20-30 ปี
เรายิ่งควรใช้เวลาไปกับการสร้างการเติบโตให้ชีวิต
ซึ่งหมายความว่า เราควรมองมันเป็นเครื่องมือที่จะพาเราไปสู่ชีวิตในแบบที่เราต้องการ
.
สิ่งสำคัญจึงเป็นการใช้เวลาไปกับการลงทุนในความรู้ ในทักษะ ในความสัมพันธ์ ในการสร้างคอนเนคชั่น
ซึ่งสุดท้ายแล้ว สิ่งเหล่านี้จะออกดอกออกผลมากเกินกว่าที่เราลงทุนไปมาก
เพียงแต่เราต้องรอหน่อยเท่านั้นเอง
.
.
รีวิวหนังสือสั้น ๆ
ทิ้ง 1 ให้ได้ 100 ทิ้งน้อยให้ได้มาก เป็นหนังสือรวบรวมบทเรียนสั้น ๆ กว่า 35 ข้อที่มีเนื้อหาเกี่ยวโยงกับการทำงาน การทำธุรกิจ รวมไปถึงการใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จและมีความรื่นรมย์ไปพร้อม ๆ กัน
ส่วนใหญ่แล้วเนื้อหามาจากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนที่เริ่มเปิดบริษัทของตัวเองตั้งแต่อายุ 25 ปี
และล้มลุกคลุกคลานมาพอสมควร
แต่สุดท้ายก็ประสบความสำเร็จทั้งในแง่การทำธุรกิจ แง่การใช้ชีวิต และแง่การถ่ายทอดเรื่องราวผ่านการเขียนหนังสืออีกด้วย
.
คอนเซ็ปต์หนึ่งที่หนังสือพยายามสื่อ คือเรื่องของ ‘การเลือกทิ้ง’ และการ ‘กล้าที่จะใช้’
สองสิ่งนี้ดูเผิน ๆ ไม่น่าจะมีอะไรมาก แต่ความจริงแล้ว ปัญหาของหลายคนมักจะวนเวียนอยู่กับเรื่องเหล่านี้
กล่าวคือ ไม่ ‘กล้าที่จะทิ้ง’ ของที่ตัวเองมีอยู่บางอย่างไป เช่น ลูกค้าบางส่วนของบริษัท
หรือไม่ ‘กล้าที่จะใช้’ ของที่ตัวเองมีอยู่ไปกับสิ่งที่ควรใช้ เช่น เงินในการลงทุนกับกลยุทธ์ใหม่ หรือเวลาในการลงทุนพัฒนาตัวเอง
.
หลังอ่านจบแล้ว เนื้อหาค่อนข้างกระชับมาก
บทแต่บทค่อนข้างสั้น
บางบทก็ชวนคิดประเด็นน่าสนใจ บางบทก็ยังงง ๆ อยากได้คำขยายต่อ เพราะแอบสั้นเกินไป
สิ่งที่ส่วนตัวคิดว่าเป็นข้อด้อยคือ
เนื้อหาค่อนข้างปะปนกันไปมาระหว่าง เรื่องธุรกิจ เรื่องชีวิตการทำงาน และชีวิตส่วนตัว
เข้าใจว่าหลักการที่หนังสือต้องการจะสื่อ มันใช้ข้ามมาได้
แต่ถ้าข้ามไปมาบ่อยเกินไป คนอ่านก็อาจเกิดความสับสนว่า ทำไมอยู่ ๆ เปลี่ยนเรื่องที่โฟกัสเร็วจังเลย
ทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในบทเดียวกัน
.
อย่างไรก็ตามถ้าใครมีเวลา ลองหยิบอ่านแก้เบื่อกันดูครับ เนื้อหาสั้น ๆ ได้อะไรติดตัวกลับไปแน่นอน
.
.
..........................................................................................................
ผู้เขียน: โยะชิโอะ ยะซุดะ
ผู้แปล: โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์
จำนวนหน้า: 168 หน้า
สำนักพิมพ์: วีเลิร์น, สนพ.
..........................................................................................................
.
.
สั่งซื้อหนังสือได้ที่
.
.
Comentarios