top of page
  • Writer's pictureหลังอ่าน: รีวิวหนังสือ

รีวิว ถ้าสอนงานแบบนี้ ฉันก็เก่งไปนานแล้ว



สรุป 10 วิธีคิดเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

จากหนังสือ ถ้าสอนงานแบบนี้ ฉันก็เก่งไปนานแล้ว

.

.

1.เริ่มพูดจากข้อสรุป

เพื่อให้อีกฝ่ายเห็นภาพรวมก่อน แล้วค่อยเพิ่มรายละเอียด

นอกจากจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจได้ง่ายแล้ว ยังทำให้สื่อสารได้เร็วขึ้นด้วย

.

โดยผู้เขียนแนะนำหลักการ PREP

Point = เริ่มด้วยประเด็นสำคัญที่เป็นข้อสรุป

Reason = ให้เหตุผลขยาย

Example = ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ

Point = เน้นย้ำด้วยข้อสรุปอีกที

.

.

2. พูดด้วยตัวเลข

เพราะตัวเลขนับว่าเป็นข้อเท็จจริง

ตัวเลขคือภาษาสากล ที่ไม่ว่าใครก็เปลี่ยนแปลงหรือปฏิเสธไม่ได้

.

เวลาอยากหาหลักฐานมาอ้างอิงสิ่งที่พูด ให้ใช้ตัวเลขเป็นหลักฐาน

เช่น จะบอกว่ายอดขายคู่แข่งเดือนนี้ตกลง ก็ต้องเอาตัวเลขมาขยายให้เห็นภาพชัด ๆ ว่าตกลงเท่าไหร่ มากน้อยแค่ไหน

.

.

3. รู้ความคาดหวังของอีกฝ่าย และทำให้เหนือความคาดหวังนั้นนิดนึงเสมอ

สิ่งสำคัญคือ อย่าไปทำในสิ่งที่อีกฝ่ายไม่ได้คาดหวัง เพราะมันจะไม่เกิดประโยชน์อะไร

แต่ต้องทำให้ครบตามที่อีกฝ่ายคาดหวังไว้ 100%

และควรทำมากกว่านั้นเล็กน้อย เท่าที่ทำได้ เพื่อสร้างความประทับใจ

.

.

4. ฝึกคิดวิธีคิด

การคิดวิธีคิด คือการคิดก่อนเริ่มงานว่า เราต้องทำอะไรบ้างถึงจะได้มาซึ่งคำตอบ

ซึ่งหมายรวมถึง กระบวนการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน

.

ถ้าเปรียบเทียบกับการก่อนสร้าง

ก่อนจะเริ่มงานเราต้อง มีภาพในหัว วางแบบแปลน และคิดวิธีในการทำงานอย่างละเอียด

.

ยกตัวอย่างเช่น งานการจัดทริปเที่ยวกับเพื่อน 3 คน

เราก็ต้องเริ่มจาก

- เช็ควันลาของทุกคนให้ลาตรงกันได้

- ลิสต์สถานที่ที่อยากไป

- ประเมินด้านต่าง ๆ ตั้งแต่สถานที่เที่ยว อาหาร กิจกรรม อากาศ ค่าใช้จ่าย การเดินทาง

- ลงความเห็น และตัดสินใจ

.

การจัดลำดับการทำงานให้ชัดเจน จะทำให้ทำงานจัดทริปได้ง่ายขึ้น

เพราะถ้าเราเอาทุกอย่างมาปนกันหมด เรากับเพื่อนก็คงต่างฝ่ายต่างสับสน

นอกจากนี้ เรายังควรจัดลำดับความสำคัญในการตัดสินใจในตอนท้ายด้วย

.

.

5. นำเสนอความคิดด้วยเทคนิค เมฆ-ฝน-ร่ม

เมฆ = ข้อเท็จจริงสิ่งที่สังเกตได้

ฝน = สิ่งที่จะเกิดขึ้น โดยเป็นข้อสันนิษฐานจากข้อเท็จจริงที่มี

ร่ม = สิ่งที่ควรทำเพื่อรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

.

เวลาเรานำเสนองาน หรือส่งงานให้คนอื่น

เราต้องนำเสนอทั้ง เมฆ-ฝน-ร่ม ให้ครบถ้วน

คนฟังจะได้เข้าใจที่มาที่ไป และความสำคัญของแผนการที่เรากำลังจะเสนอให้ไปปฏิบัติ

.

หลายคนอาจนำเสนอแค่เมฆ แล้วให้อีกฝ่ายไปตีความเอาเอง

แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับ หมอที่ส่งผลตรวจเลือดมาให้ โดยไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม

.

หลายคนบอกแต่เมฆ และร่ม คือเสนอวิธีการแก้ปัญหาไปเลย โดยไม่บอกเหตุผล

แบบนี้ก็จะทำให้แผนการที่นำเสนอไม่น่าเชื่อถือ

.

แต่ที่หนักที่สุดคือ เอาเมฆ ฝน ร่ม มาตีกันมั่วไปหมด

ดังนั้นแล้ว เราควรฝึกเรียบเรียงข้อมูลในการนำเสนอให้เป็นแบบแผน และครบถ้วน

.

.

6. ฝึกคิดหาความเห็นของตัวเองเยอะ ๆ หลังเสพข้อมูล

การเสพข้อมูลเยอะ ๆ อาจไม่ช่วยอะไร ถ้าไม่รู้จักคิดหาเหตุผลของตัวเองบ้าง

เพราะการฝึกคิดคือการที่ทำให้เราได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเอง

.

เราควรหมั่นฝึกคิดไปเรื่อย ๆ คิดไม่ถูกไม่เป็นไร ขอให้ได้ฝึก และเราจะค่อย ๆ เกลาความคิดตัวเองไปเรื่อย ๆ

.

.

7. บันทึกการประชุมให้เป็นระบบ อย่าบันทึกแบบถอดเสียงการประชุม

โดยหัวข้อที่ควรจะบันทึกคือ:

- หัวข้อที่ลงมติ

- หัวข้อที่ยังไม่ลงมติ และยกไปในการประชุมครั้งถัดไป

- เรื่องที่ต้องยืนยันเพิ่มเติม

- สิ่งที่ต้องทำในการประชุมครั้งถัดไป

.

.

8. อ่านหนังสือให้เหมือนอ่านข้อมูลในเว็บไซต์

ลองฝึกอ่านแบบค้นหาคำตอบดู

วิธีนี้คือการเริ่มจากตั้งเป้าหมายก่อนว่า เราจะอ่านหนังสือไปเพื่ออะไร

แล้วไม่ต้องอ่านทุกตัวอักษร แต่ให้กวาดตาอ่านข้าม ๆ ไปยังเป้าหมาย

.

ทำเหมือนกับการเสิร์ช Google เพื่อหาข้อมูลที่เราสนใจแบบเฉพาะเจาะจง

.

.

9. คนทำงานคือ “ผู้ผลิต” ไม่ใช่ “ผู้บริโภค”

ตอนเรียนหนังสือ เราอาจคุ้นชินกับการทำตัวเป็นผู้บริโภค นั่นก็คือการลงเรียนในวิชาที่อยากเรียน

เลือกทำกิจกรรมชมรม งานอาสา เท่าที่ตัวเองสนใจ

แต่การทำงานนั้นต่างกัน เพราะตอนเรียนเราเป็นคนจ่ายเงินให้มหาลัย แต่ตอนทำงานบริษัทจ่ายเงินเรา

เราจึงต้องผลิตงานให้บริษัท อย่าเอาแต่คิดว่า ทำไมบริษัทไม่ทำอันนู้นอันนี้ให้

.

สุดท้ายแล้ว คนที่จ่ายเงินให้บริษัทอีกทีก็คือ ลูกค้า

ดังนั้นแล้ว เราต้องผลิตงานเพื่อตอบสนองต่อลูกค้าให้ดีที่สุด

ถ้าถามว่าคุณค่าของงานที่เราทำอยู่ที่ไหน

คำตอบอาจอยู่ที่การสร้างประโยชน์สักอย่างแก่ลูกค้าก็เป็นได้

.

.

10. จงทำงานแบบ “เร็วและไม่สวย”

ดีกว่าการทำงานที่ สวยแต่ช้า

ว่ากันว่าเวลาที่ใช้ในการทำงาน 0-90% นั้นเท่ากับ 90-99%

และเวลาเท่าเดิมก็อาจใช้ในการทำงาน 99-100% ได้เหมือนกัน

.

สิ่งสำคัญจึงเป็นการทำงานออกมาให้ได้ระดับนึงก่อน ไม่ต้องสวย แต่ต้องให้เห้นภาพคร่าว ๆ ได้

เพราะมิฉะนั้นเราอาจไม่รู้ว่าที่ทำอยู่ถูกทางรึเปล่า

การทำมาจนถึง 90% หรือแม้แต่ 60% ให้ได้ก่อน จะช่วยให้เราเห็นภาภ และรู้คำตอบของแนวทางได้

.

.

รีวิวสั้น ๆ หลังอ่าน

หนังสือเขียนโดย คุณโออิชิ เท็ตสึยูกิ อดีตที่ปรึกษาธุรกิจจากบริษัท Accenture

เขาได้พยายามรวบรวมเทคนิคการทำงานที่เป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ ที่เพิ่งเข้าสู่โลกการทำงาน

โดยรวบรวมมาจากการพูดคุยสอบถามกับพนักงานระดับ senior หลายคน รวมไปถึงจากประสบการณ์ของตัวเขาเอง

หนังสือ 200 กว่าหน้านี้คือการคัดกรองเทคนิคที่น่าสนใจ ซึ่งครอบคลุมถึง การพูด การทำสไลด์ การทำ excel จนไปถึงวิธีคิดต่าง ๆ

.

ความรู้สึกหลังอ่าน ต้องบอกว่า ชอบหนังสือแปลญี่ปุ่นแนวนี้จริง ๆ

สั้น กระชับ ได้ใจความ เลือกเอาไปใช้ได้จริง

อ่านไปหลายเล่ม ก็ยังได้เจอเทคนิคใหม่ ๆ เสมอ

.

.

พิกัดสั่งซื้อ: https://shope.ee/7pJH2hJupk

.

.

...............................................................................

ผู้เขียน: Tetsuyuki Oishi (โออิชิ เท็ตสึยูกิ)

ผู้แปล: ทินภาส พาหะนิชย์

จำนวนหน้า: 216 หน้า

สำนักพิมพ์: บิงโก, สนพ.

...............................................................................

.

.

#หลังอ่าน #ถ้าสอนงานแบบนี้ฉันก็เก่งไปนานแล้ว





311 views0 comments
Post: Blog2_Post
bottom of page