top of page
  • Writer's pictureหลังอ่าน: รีวิวหนังสือ

รีวิว ฉันหมด passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ




สรุป 20 ข้อคิด จากหนังสือ ฉันหมด passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ

.

.

1. โดยปกติแล้วมักมีแต่คนบอกว่า เราควรหา passion แต่น้อยคนที่จะเล่าว่าเราควรหา passion เจอได้อย่างไร

หลายครั้งเส้นทางในการตามหา passion ก็คดเขี้ยวและขรุขระ

.

.

2. บางครั้ง passion ก็กลายเป็นเรื่องเลวร้าย และอาจนำเราไปถึงจุดที่

- เป็นทาสผลประโยชน์และการยอมรับจากผู้อื่น หรือถูกชื่อเสียง เงินทองและยอดผู้ติดตามครอบงำ

- เรากลายเป็นคนเพิกเฉยต่อชีวิตด้านอื่นที่ไม่ใช่ passion ชีวิตครอบครัวอาจล้มเหลว

- หมดไฟ เมื่อทุ่มเทให้กับ passion หรือสิ่งที่ชอบมากเกินไป

- ไม่มีความสุข เพราะไม่ใช่ว่าทุกงานอดิเรกจะทำให้เรามีความสุขเมื่อเปลี่ยนเป็นอาชีพ

.

.

3. เราอาจไม่ได้กระตือรือร้นเพื่อมีความสุข แต่เรากระตือรือร้นเพื่อพยายามต่อไปเรื่อย ๆ

Passion เชื่อมต่อกับโดพามีน สารแห่งความสุขที่หลั่งออกมาเมื่อเราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งสำเร็จ

โดพามีนจึงทำให้เรากระหายการไล่ตาม

และทำให้เราเสพติดความพยายาม จนหมกมุ่นอยู่กับ passion นั้นไปเรื่อย ๆ

.

.

4. passion อาจเป็นหลุมหลบภัยให้เราซ่อนตัวจากส่วนที่ขาดหายไปในชีวิต

มันเป็นได้ทั้งในแง่ดี คือป้องกันไม่ให้เราทำเรื่องแย่ ๆ

แต่ก็อาจทำให้เรากลายเป็นคนไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหา

.

.

5. อย่ายึดติดอยู่กับ passion มากเกินไป เพราะมันจะทำให้เรารู้สึกดีในวูบแรก

แต่ถ้าเกิดมีปัญหาหรือเกิดการเปลี่ยนแปลง มันอาจทำให้เรากลายเป็นคนเปราะบางได้

ไม่ต่างอะไรกับเรื่องรักแรกพบ

เราจึงควรเปิดใจให้กว้าง ลดมาตรฐานความสมบูรณ์แบบ และเปลี่ยนมันให้เป็นความน่าสนใจในการออกค้นหา

.

.

6. การเปลี่ยนความสนใจให้เป็น passion อาจเริ่มจากการมองหาแรงขับเคลื่อนความต้องการพื้รฐาน 3 แบบคือ

1) ความสามารถ - เป็นความพยายามที่เราจะก้าวหน้าขึ้นไป

2) อิสระ – การได้ทำในสิ่งที่เป็นตัวเอง

3) ความผูกพัน - เรามีแนวโน้มที่จะทำสิ่งหนึ่งได้ต่อเนื่อง ถ้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม

.

.

7. สิ่งสำคัญไม่ใช่การเลือกทำระหว่าง “สิ่งที่อยากทำ” หรือ “สิ่งที่ต้องทำ”

แต่เป็นการทำไปทั้งสองอย่างพร้อม ๆ กัน

โดยเราอาจใช้กลยุทธ์บาร์เบล คือ ด้านหนึ่งของบาร์เบล เป็นลูกตุ้มถ่วงน้ำหนักความเสี่ยงต่ำ-ผลตอบแทนต่ำ (เช่น การทำงานประจำ)

แต่อีกข้างเป็นลูกตุ้มถ่วงน้ำหนักความเสี่ยงสูง-ผลตอบแทนสูง (เช่น การลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัว หรือการนำงานอดิเรกมาเป็นอาชีพ)

กลยุทธ์นี้จะช่วยให้เรากล้าเสี่ยงมากขึ้น และเรารู้ว่าถึงล้มเหลวเราก็จะไม่เป็นไรเพราะมีงานประจำรอรับอยู่

.

.

8. เราอาจไปได้ไกลกว่าถ้าค่อย ๆ ไล่ตาม passion ทีละนิด เมื่อเทียบกับการทุ่มสุดตัวแต่แรกเลย

เหมือนการค่อย ๆ ถ่ายน้ำหนักจากบาร์เบลจากด้านที่ความเสี่ยงต่ำ (งานประจำ) มาเป็นด้านที่ความเสี่ยงสูง (งานอดิเรก – สิ่งที่ชอบ)

แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ฝั่งความเสี่ยงต่ำ (งานอดิเรก) เริ่มเติบโตขึ้นแล้ว เราก็จำเป็นที่ต้องเดิมพันและทุ่มสุดตัวให้กับ passion นั้นไปเลย

.

.

9. ระวังอย่าให้ตัวเองเข้าสู่สภาวะการมี passion แบบหมกมุ่น

หรือการผูกคุณค่าของตัวเองไว้กับสิ่งที่เป็น passion จนมากเกินไป

ถ้าเราทำ passion นั้นสำเร็จ เราก็จะมีแต่อยากได้ผลลัพธ์ของมัน ตั้งแต่ชื่อเสียง เงินทอง รางวัล ผู้ติดตามมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เหมือนเข้าสู่วงจรแห่งคำสาบ

แต่ถ้า passion นั้นเกิดล้มเหลวขึ้นมา เราจะผิดหวังอย่างรุนแรง เราอาจเกิดภาวะเครียดและซึมเศร้า และจมอยู่ในกองความทุกข์

.

.

10. ระวังอย่าให้ passion เป็น passion ที่เกิดจากความกลัวที่จะล้มเหลว

เพราะถึงแม้เราจะทำตาม passion ได้สำเร็จ เราก็จะไม่มีทางมีความสุขได้เลย

เพราะเราก็ยังจะกลัวความล้มเหลวอยู่ดี

เราจึงต้องฝึกเอาชนะความกลัว และเปลี่ยนจากการทำเพื่อ “ไม่ให้แพ้” เป็นการทำเพื่อ “ชนะ”

.

.

11. จงมองหา passion แบบสอดคล้อง

ที่เป็น passion ที่เกิดจากความชอบจริง ๆ ของเรา ไม่ใช่เป็นเครื่องมือไปสู่เป้าหมาย หรือเพื่อวิ่งหนีความล้มเหลว

และเป้าหมายกฌอาจปรากฎตัวออกมาเอง เมื่อเราชอบทำในสิ่งนั้นจริง ๆ โดยไม่มีเหตุผลแอบแฝง

.

ดั่งคำที่บอกว่า คนที่สนใจความสำเร็จน้อยที่สุดจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากที่สุด

แต่คนที่สนใจความสำเร็จมากที่สุดจะมีโอกาสสำเร็จน้อยที่สุด

.

.

12. เป็นธรรมดาที่เราจะตื่นเต้นหลังได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ หรือผิดหวังเมื่อล้มเหลว

ให้ใช้เวลา 24 ชั่วโมงต่อจากนั้นในการดื่มด่ำกับความสุข ความปลื้มปิติยินดี หรือความเศร้า และความพ่ายแพ้

จากนั้นก็แค่กลับไปทำ passion ของตัวเองต่อก็เท่านั้น

วิธีนี้จะทำให้เรารู้ชัดว่า passion ของเราเกิดจากแรงจูงใจภายใน หรือมาจากแรงจูงใจภายนอก

.

.

13. เพ่งความสนใจไปที่การลงมือทำ ไม่ใช่เป้าหมาย

เป้าหมายเป็นแค่เข็มทิศนำทาง

ให้เราโฟกัสอยู่กับสิ่งที่ควบคุมได้ และอ้าแขนรับการเดินทางให้เต็มที่

.

.

14. สิ่งสำคัญสุดคือการได้พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นจากการทำจาม passion

ไม่ใช่ความสำเร็จ ความล้มเหลว

หากแต่เป็นตัวเองที่เก่งขึ้น ฉลาดขึ้นกว่าเมื่อวาน

.

.

15. คิดแบบซุปเปอร์แชมเปี้ยนและมองความล้มเหลวอย่างสร้างสรรค์

อย่าผิดหวังกับความล้มเหลวเมื่อทำตาม passion มากจนเกินไป

.

.

16. จงอดทนแม้การทำตาม passion จะยังไม่เห็นผลลัพธ์ใด ๆ เลยก็ตาม

อาจลองคิดถึงเป้าหมายเป็นครั้งคราวให้เข้าใจว่าทำไมตัวเราถึงจำเป็นต้องอดทน

.

.

17. อยู่กับปัจจุบัน และไม่ต้องไปสนใจว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นสำคัญที่สุดจริง ๆ รึเปล่า

ปล่อยให้ตัวเองได้ดื่มด่ำไปกับการทำตาม passion ของตัวเองอย่างเต็มที่

.

.

18. การใช้ชีวิตตาม passion และการใช้ชีวิตอย่างมีสมดุลอาจเป็นเรื่องขัดแย้งกัน

เพราะคนเรามีพลังงานและเวลาที่จำกัด ถ้าเราทุ่มเททำเรื่องใดเรื่องหนึ่งไปแล้ว เราก็จะเหลือพลังงานและเวลาทำเรื่องอื่นน้อยลง

แม้แต่ วอเรน บัฟเฟต์ก็ยังมีชีวิตครอบครัวที่แย่ และถูกพูดถึงในเชิงลบจากลูก ๆ ของเขา เพราะเขาหมกมุ่นกับ passion เรื่องการลงทุนมากจนเกินไป

ดังนั้นแล้วเราต้องระลึกไว้เสมอว่า การใช้ชีวิตตาม passion อาจทำให้เราต้องเสียสละส่วนอื่นของชีวิตไป

.

.

19. สุดท้ายแล้วเราต้องเข้าใจตัวเองอย่างถ่องแท้

เพื่อที่จะได้รู้ว่าเราอยากใช้ชีวิตตาม passion ของเราจริงหรือไม่

หรือเรายังมีความอยากอย่างอื่นอยู่นอกจาก passion ส่วนตัว

.

การเข้าใจตัวเองยีงช่วยให้เราวิ่งไล่ตาม passion ได้อย่างรอบคอบ และควบคุม passion และชีวิตของตัวเองได้

.

.

20. เมื่อถึงคราวต้องตัดใจจาก passion เราอาจหยุดพักเพื่อคิดทบทวนถึงชีวิตที่ผ่านมาที่ใช้ไล่ตาม passion นั้น

จงครุ่นคิดถึงอิทธิพลของ passion และมองหาบทเรียนมาต่อยอดในสิ่งที่ทำต่อไป

.

.

รีวิวสั้น ๆ หลังอ่าน

ถ้าดูแค่ปกหนังสืออาจคิดว่าเป็นหนังสือที่เหมือนหนังสือให้กำลังใจ

แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะนี่เป็นหนังสือแปลตะวันตกที่นำความรู้เชิงจิตวิทยาในเรื่อง passion มาเล่าให้ฟังอย่างสนุก

พร้อมให้บทเรียนสำหรับหลายคนที่อาจหมกมุ่นกับ passion จนทำให้มากเกินไป จนพังทลายชีวิตด้านอื่น ๆ ลง

.

ยอมรับว่าหนังสือมีความลึกซึ้งพอควร อ่านไม่ง่าย

ต้องค่อย ๆ อ่านแล้วตกผลึกไปในตัวด้วย

แต่หนังสือทำบทสรุปประเด็นสำคัญไว้ในแต่ละบท ทำให้อ่านแล้วจับประเด็นสำคัญได้มากขึ้น

โดยรวมแล้วจึงเป็นหนังสือที่ไม่น่าเบื่อนัก และความยาวก็ยังไม่มากจนเกินไป

.

.

พิกัดการสั่งซื้อ: https://shope.ee/3AWR2h9Lqi

.

.

………………………………………………………………………………………………………..

ผู้เขียน: Brad Stulberg, Steve Magness

ผู้แปล: แป้ง ไตรรัตนานุสรณ์

จำนวนหน้า: 232 หน้า

สำนักพิมพ์: บิงโก, สนพ.

………………………………………………………………………………………………………..

.

.

#หลังอ่าน #ฉันหมดpassionหรือแค่ยังหามันไม่เจอ




750 views0 comments
Post: Blog2_Post
bottom of page