รีวิว ฆ่าวัวตัวนั้นซะ !
.
‘กำจัดข้ออ้างใด ๆ ออกจากชีวิตซะ’
.
หนังสือเก่าคลาสสิค ส่งตรงจากสเปน ที่ตอนนี้กลายเป็นหนังสือหายากไปแล้ว
หนังสือมีเนื้อหาหลักวนอยู่กับการกำจัดข้ออ้างที่มีในชีวิต
.
หนังสือเปรียบเทียบเป็นนิทานสั้น เล่าว่า
มีการออกเดินทางของ ชายหนุ่มและครูชรา ที่ไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
แล้วเจอกับคนจนครอบครัวหนึ่งที่อยู่กันอย่างหนาแน่น แต่ไม่มีทรัพย์สินอะไรครอบครองเลยนอกจากวัวตัวเดียว
ครูชราเลยสังการวัวตัวนั้นเสีย
แล้วก็จากไป
.
พอกลับมาที่บ้านแห่งเดิมหลังจากเวลาผ่านไป 1 ปี ก็แทบจำไม่ได้ เพราะครอบครัวดังกล่าวมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาก
ต่างกันลิบลับฟ้ากับเหว
ทั้งหมดทั้งปวงเพราะการกำจัดวัว ที่เปรียบเหมือนข้ออ้างนั้นทิ้งไป
.
ส่วนที่เหลือเป็นการแตกย่อยของหนังสือ ว่าวัวในชีวิตของเรามีอะไรได้บ้าง
หนังสือค่อนข้างเบสิค เนื้อหาไม่มีอะไรโดดเด่นมาก
อ่านแก้เบื่อก็พอได้อยู่
แต่เนื่องจากเดี๋ยวนี้มีหนังสือเกี่ยวกับข้ออ้างในชีวิตอยู่มากมาย
เล่มนี้จึงขาดความแปลกใหม่ไป
และส่วนตัวรู้สึกถึงความไม่สมเหตุสมผลของเนื้อหาที่หนังสือนำเสนอ
ไม่เข้าใจว่า การฆ่าวัว 1 ตัว จะทำให้ครอบครัวนั้นลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงชีวิตจนเป็นเศรษฐีได้อย่างไร
ถ้าเป็นหนังสือที่เขียนในสมัยนี้อาจต้องหาเรื่องแต่งที่สมเหตุสมผลมากกว่านี้
.
วัว 5 ตัว (5 ข้ออ้าง) ที่เราทุกคนควรกำจัดออกจากชีวิต
.
1) วัวที่ชื่อว่า มาตรฐานทั่วไป (average)
ศัตรูของคำว่าดีมากก็คือดี !
หลายครั้ง ความสามัญธรรมดา (mediocrity) ร้ายกาจกว่าความล้มเหลวเสียอีก
นั่นก็เพราะว่าเราจะรู้สึกสบายใจที่จะอยู่อย่างธรรมดา
และพับเก็บความฝัน เป้าหมาย หรือแผนการอันยิ่งใหญ่ไว้ข้างหลัง
.
ในขณะที่การตกต่ำลงเหวจะช่วยบีบคั้นให้เราฮึดสู้ และทำอะไรสักอย่าง เพื่อดันตัวเองขึ้นมาจากหุบเหวนั้น
.
แต่การเลี้ยงวัวชนิดนี้ไว้ ไม่อาจทำให้เราได้ในสิ่งที่ต้องการได้
มันมีแต่ทำให้เราโทษโชคชะตา โทษพันธุกรรม หรือโทษว่าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย
เราต้องฆ่าวัวแห่งความธรรมดานี่ซะ แล้วกล้าออกมาเสี่ยงทำตามฝันของเรา
แม้มันอาจล้มเหลว แต่เราก็ต้องสู้ และพยายามผลักตัวเองขึ้นมาจากความล้มเหลวให้ได้
.
.
2) วัวที่ชื่อว่า “ฉันก็โอเคน่ะ”
เป็นข้ออ้างที่เรามักใช้บอกตัวเองว่า เราโอเคที่จะยังอยู่แบบนี้
เราพึงพอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่
เรารู้สึกว่าทุกอย่างมัน ‘พอดีแล้ว’ กับความต้องการของเรา
.
เช่น ฉันเกลียดงานของฉัน แต่ฉันไม่ควรบ่น เพราะอย่างน้อยฉันก็ยังมีงานทำ
หรือ ฉันอาจไม่ได้มีชีวิตสมรสที่ดีที่สุด แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ได้ทะเลาะกันทุกวัน
หรือ ฉันไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย แต่ก็ยังมีพอกินในทุกมื้อ
.
ที่จริงแล้ววัวตัวนี้อาจเป็นเพียงความกลัวในใจลึก ๆ ของเรา ไม่ให้เราออกไปเสี่ยงทำตามชีวิตที่ต้องการ
ถ้าเราเกลียดงาน เราก็ควรหางานใหม่
ถ้าเราไม่พอใจในชีวิตแต่งงาน เราก็ควรพูดคุยกับคู่สมรสเพื่อร่วมกันหาทางออก
ถ้าเรายังอยากได้เงินเพิ่ม เราก็ต้องหาวิธีสร้างรายได้เพิ่ม
.
จงกล้าที่จะยอมรับว่าเรายังไม่พอใจกับชีวิตในปัจจุบัน แล้วลงมือทำตามเป้าหมายที่ต้องการ
.
.
3) วัวที่ชื่อว่า มันไม่ใช่ความผิดของฉัน
เราอาจกล่าวโทษพ่อแม่ ครูอาจารย์ คู่สมรส โชคชะตา พันธุกรรม เศรษฐกิจ รัฐบาล หรือเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย
เพราะมันทำได้ง่าย และทำให้เราไม่ต้องรับผิดชอบในความล้มเหลวของตัวเอง
.
แต่ถ้าเราครุ่นคิดให้ดีแล้ว ชีวิตของเราล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราเอง
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ก็มาจากการกระทำของเรา
.
แน่นอนว่า มันอาจดีกว่า ถ้าเรามีสถานการณ์รอบข้างที่คอยสนับสนุนเราให้ไปยังเป้าหมายที่ต้องการ
แต่เราต้องไม่ลืมที่จะลงมือทำตามเป้าหมายของเรา
รับผิดชอบต่อชีวิตเราเอง
และกำจัดข้ออ้างว่าเป็นความผิดคนอื่นไปเสียที
.
.
4) วัวที่ชื่อว่า ความเชื่อผิด ๆ
ความเชื่อผิด ๆ เช่น พ่อฉันเป็นคนขี้เมา เราก็เลยเป็นคนขี้เมาด้วย
หรือ ฉันไม่อยากรวยหรอก เพราะความรวยอาจทำให้เสียคนได้
.
ถ้าเราลองมีเวลามานั่งวิเคราะห์คำพูดเหล่านี้ดูดี ๆ
เราจะพบว่า คำพูดเหล่านี้มีความไม่เป็นเหตุเป็นผลอยู่หลายประการ
หรือแม้จะเป็นคำพูดที่ถูกกล่าวอ้างโดยคนที่น่าเชื่อถือขนาดไหน
มันก็ไม่ควรถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้าง ในการไม่ลงมือทำตามเป้าหมายของเรา
.
เราต้องเชื่อในตัวเราเอง
เชื่อในจุดแข็งของเรา
เชื่อในความสามารถของเรา
แล้วอ้างสิทธิ์ที่จะใช้ความสามารถดังกล่าว ยอมรับมัน และลงมือใช้มันอย่างเต็มที่
.
จงกำหนดความเชื่อของตัวเอง
อย่าหลงกลไปกับความเชื่อผิด ๆ ที่เคยได้ยินมา หรือถูกกล่าวอ้างมาโดยคนอื่น
.
.
5) วัวที่ชื่อว่า จอมปรัชญา
จอมปรัชญา คือการหาเหตุผลมาอธิบายว่าทำไมเราถึงไม่ลงมือทำตามเป้าที่วางไว้เสียที
เช่น เราอาจบอกว่า เพราะการประสบความสำเร็จต้องรอพระเจ้าบอก พอพระเจ้ายังไม่ได้บอก เราเลยยังไม่ลงมือทำ
หรือ เราอาจบอกว่า จะแพ้หรือชนะอาจไม่สำคัญ วิธีการเล่นเกมสำคัญกว่า
.
ปรัชญาพวกนี้บางครั้งมันก็มีประโยชน์ แต่หลายครั้งมันกลับกลายเป็นข้ออ้างที่ฉุดรั้งไม่ให้เราเดินไปไหน
เราต้องเข้าใจว่า การยอมรับต่อปรัชญาพวกนี้ก็มีข้อเสียไม่ใช่น้อยเช่นกัน
มันจะดีกว่ามั้ย ถ้าเราวางปรัชญาบางอย่างลง ทิ้งมันไปบ้าง
แล้วยอมรับกับตัวเองจริง ๆ ว่าเราต้องการอะไร
พร้อมลงมือทำเพื่อไปสู่สิ่งที่เราต้องการให้ได้
.
.
6) 5 ขั้นตอนสู่ชีวิตที่ปลอดวัวแห่งข้ออ้าง
1. ระบุประเภทวัวในตัวเรา - ลองมองหาเหตุผล ข้อแก้ตัว คำโกหก คำอธิบายที่ไม่ตรงประเด็น หรือคำพูดที่เรามักใช้
ประเมินตัวเองอย่างซื้อสัตย์และตรงไปตรงมา
ทำอย่างรอบคอบ สิ่งไหนที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งเราไว้ ก็เขียนใส่กระดาษ
ลิสต์วัวออกมาใส่กระดาษไว้ให้หมด
.
2. ระบุความเชื่อจำกัดที่แอบซ่อนอยู่ในวัวแต่ละตัว
เข้าใจที่มาที่ไปของข้ออ้างแต่ละอย่าง
จะได้หาทางแก้ได้ถูกวิธี
.
3. จำไว้ว่า เรากำลังจ่ายค่าเสียโอกาสแสนแพง สำหรับวัวทุกตัวที่แบกไว้
เข้าใจถึงผลกระทบที่วัวแต่ละตัวนำมาสู่ชีวิตเรา
ขั้นตอนนี้จะสร้างความเจ็บปวดพอเราเข้าใจถึงการเสียโอกาส แต่ก็คุ้มที่เราจะลงมือกำจัดพวกข้ออ้างทิ้งไป
.
4. จินตนาการว่าเราฆ่าวัวแห่งข้ออ้างได้แล้ว และเขียนผลกระทบเชิงบวกที่เราเริ่มได้สัมผัส
นึกภาพถึงชีวิตของเราที่ไม่ต้องแบกวัวแห่งข้ออ้างอีกต่อไป
เราจะเป็นอิสระ มีแรงจูงใจ และมีพลังบวก
.
5. สร้างพฤติกรรมใหม่ ๆ
เมื่อเราจินตนาการถึงความสำเร็จในการกำจัดวัวแห่งข้ออ้างได้แล้ว
ที่เหลือก็เพียงแค่ลงมือทำให้มันเกิดขึ้นจริง
และเราเพียงต้องรอเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงของชีวิตในทางที่ดีขึ้นเท่านั้น
.
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
ผู้เขียน: Dr.Camillo Cruz
ผู้แปล: อมรรัตน์ ศรีสุรินทร์
สำนักพิมพ์: นานมีบุ๊คส์
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
.
Comments