รีวิว ความสำเร็จไม่ได้เสร็จในวันเดียว
- หลังอ่าน: รีวิวหนังสือ
- Oct 23, 2021
- 1 min read


รีวิว ความสำเร็จไม่ได้เสร็จในวันเดียว
.
“ความสามารถในการทำซ้ำ คือสิ่งที่พวกเราในช่วงวัย 30 ควรทำ เพราะจะเป็นดั่งบัตรทองให้เราใช้ชีวิตได้อย่างไร้กังวลไปตลอดชีวิต”
.
หนังสือเขียนโดยโชทาโร่ คุชิ ชายหนุ่มชาวญี่ปุ่รวัย 30 ปี ผู้ผ่านชีวิตมาอย่างโชคโชน และมีจุดน่าสนใจหลายอย่าง
- ทั้งการลาออกจากโรงเรียนมัธยมชื่อดัง ทั้ง ๆ ที่ตัวเองพยายามสอบเข้าไปแทบตาย
- การไปเรียนที่อเมริกา แต่ก็ลาออกจากมหาลัยกลางคัน เพราะเจอเหตุการณ์ 9/11
- การกลับมาทำงานในบริษัท Dell ในประเทศญี่ปุ่น แล้วขึ้นเป็น ท๊อปเซลล์ได้ในเวลาไม่นาน
- การก่อตั้งสตาร์ทอับตั้งแต่อายุ 20 กว่า ๆ
- การเขียนบล็อคที่มีผู้ติดตามกว่า 9 ล้านคน
.
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดในหนังสือเห็นจะเป็นประวัติผู้เขียน
เพราะเนื้อเรื่องในหนังสือก็ล้วนอิงมาจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนทั้งสิ้น
ยอมรับว่าผู้เขียนเป็นคนที่มีความคิดแปลก ๆ แตกต่าง ใช้ชีวิตนอกกรอบ และมีความสำเร็จในชีวิตในแบบของตัวเอง
.
หนังสือเล่มนี้จึงเหมือนเขียนเล่าความคิดของผู้เขียนในวัย 30 ปี ที่อาจนำมาใช้เป็นบทเรียนของผู้อ่านได้
คอนเซ็ปต์สำคัญที่ผู้เขียนให้ไว้ก็คือ เรื่องของ ‘การทำซ้ำ’
ซึ่งหมายถึง ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา ที่เมื่อเกิดความสูญเสียขึ้น ก็ยังสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาใหม่ได้ตั้งแต่ต้น
นี่อาจสะท้อนชีวิตของผู้เขียนที่มีขึ้นมีลงมาตลอดชีวิต โดยเฉพาะช่วงที่ตกต่ำ
แต่ก็ยังกลับมายืนในจุดที่สำเร็จได้ เพราะทำซ้ำความสำเร็จครั้งก่อน ๆ ของตัวเอง
.
อ่านจบแล้วรู้สึกว่าเหมือนอ่านไดอารี่ของผู้เขียนวัยเริ่มทำงาน
ความคิดวัยรุ่นยังครุกรุ่นอยู่มาก
แต่ก็เป็นการค่อย ๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่เรื่อย ๆ
.
เนื้อหาวนไปวนมา เกี่ยวกับประสบการณ์ตรงของผู้เขียน
ไม่ได้มีตัวอย่าง หรือเรื่องที่น่าจดจำอะไร
มีการเปรียบเปรยบางอย่างที่รู้สึกว่าดี
ให้ข้อคิดได้
อ่านเพลิน ๆ ไปแต่อาจเบื่อในความซ้ำประมาณนึง
ก็ต้องพยายามหาข้อคิดดี ๆ ที่ซ่อนไว้ให้เจอ
ไม่ต้องอายุ 30 ก็อ่านได้ แต่ด้วยความเบาของเนื้อหา ถ้าประสบการณ์เยอะหน่อย อาจพบว่าเล่มนี้ไม่มีอะไรใหม่เท่าไหร่
.
สุดท้ายขอหยิบ 5 เรื่องที่ชอบที่สุดในหนังสือมาเล่าให้ฟังครับ
1) ชีวิตเหมือนการขึ้นบันไดเลื่อนที่กำลังเลื่อนลง
ชีวิตคือการที่เราต้องวิ่งขึ้นบันไดเลื่อนที่กำลงเลื่อนลงไปเรื่อย ๆ
ถ้าเราหยุดวิ่ง บันไดเลื่อนก็จะพาเรากลับมายังจุดเดิม
เราก็จะค่อย ๆ ตกต่ำลง
.
เมื่อวิ่งขึ้นไปถึงประมาณ 80% ของบันไดเลื่อน
เราก็จะมองเห็นคนที่อยู่ข้างบน
หลายคนชะล้าใจ ณ จุดนี้ คิดว่าเราได้มาถึงด้านบนแล้ว
แต่ถ้าเราลดความเร็วลง เราก็อาจค่อย ๆ ตกไปข้างล่าง
สิ่งสำคัญจึงเป็นการวิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่ชะล้าใจ
จนไปถึงด้านบนตามที่ต้องการให้ได้
.
และเมื่อถึงชั้นบนแล้ว เราก็อาจพักสักหน่อย ก่อนจะหาบันไดเลื่อนถัดไปที่เราจะขึ้นอีก
ชีวิตจริงก็เป็นแบบนี้ มีการวิ่งขึ้น มีการพัก สลับกันไป
ถ้าขึ้นผิดบันไดเลื่อน ก็ต้องไปหาบันไดเลื่อนใหม่
และถ้าอยากขึ้นไปจริง ๆ ต้องใส่ความพยายามอย่างเต็มที่
.
.
2) ทำงานตรงหน้าให้เต็มที่ แล้วเฝ้ารอเวลา
หลาย ๆ ครั้งเราเลือกไม่ได้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่จะพาเราไปยังจุดใด
สิ่งที่เราเลือกได้ คือการทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างสุดความสามารถ
แล้วจงเฝ้ารอเวลาให้โอกาสใหม่ ๆ เปิดประตูเข้ามาหาเรา
.
.
3) ต่อให้ห่างกัน 100 เท่า พยายาม 10 เท่าก็แซงแล้ว
เป็นบทเรียนที่ตกผลึกตอนที่ผู้เขียนทำงานเป็นเซลล์ใหม่ ๆ
ประสบการณ์น้อยมาก เมื่อเทียบกับเซลล์คนก่อน ๆ
แต่เพราะความห่างกันมากถึง 100 เท่า จากประสบการณ์ที่ต่างกันหลัก 10 ปี
เราจึงต้องพยายามมากกว่าเดิมหลายเท่า
.
และจงเชื่อว่า ถ้าเราพยายามมากกว่าเดิมสัก 10 เท่า เราก็แซงหน้าคนเหล่านั้นได้เหมือนกัน
เหมือนผู้เขียนที่ขึ้นมาเป็นท๊อปเซลล์ได้ภายในเวลาครึ่งปี
.
.
4) เมื่อไม่เป็นอย่างที่คิด ขอให้มองหาสิ่งที่ทำให้เราตื่นเต้น
ปัญหามักจะถาโถมใส่เราเรื่อย ๆ ทั้งปัญหาลูกเล็ก ลูกใหญ่
แต่ถ้าเรามองหา ‘ความรู้สึกตื่นเต้น’ แม้เล้กน้อย ในช่วงที่รู้สึกแย่ ๆ เหล่านั้น
เราก็จะยังมีกำลังใจในการทำสิ่งตรงหน้าต่อไป
.
คนที่มองหาความตื่นเต้นอยู่เรื่อย ๆ ทำสิ่งตรงหน้าด้วยความสนุก รู้ตัวอีกทีก็จะมาถึงจุดที่เกิดการเปลี่ยนแปลง
และกลายเป็นอยู่ในสถานการณ์ที่มีความสุขไปแล้ว
.
.
5) อย่าทำตัวเด่นจะเป็นภัย แต่ถ้าเด่นเกินใคร จะถูกดึงตัวไปยังอีกขึ้นหนึ่งของชีวิต
เป็นเรื่องที่แปลกที่คนญี่ปุ่นหรือคนไทยเองจะทำตัวเด่น แตกต่างจากคนอื่น
เหมือน ‘หมุดที่โผล่ออกมาจะโดนทุบ’
แต่ถ้าหมุดที่โดนทุบนั้น ถึงจะ งอบ้าง เยินบ้าง แต่ไม่จม และหมั่นผุดขึ้นมาใหม่
สุดท้ายหมุดนั้นก็จะถูกถอนออก แล้วถูกพาไปไว้ที่จุดอื่น
.
ถ้าเราทำตัวเป็นหมุดนั้น มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะทนทานต่อแรงต้าน
เมื่อถึงจุดหนึ่ง โอกาสใหม่ ๆ ก็จะเปิดออก
เมื่อนั้น การทำตัวเด่นและแตกต่างของเราอาจพาเราไปสู่อีกขั้นของชีวิตก็เป็นได้
.
.
...............................................................................................................
ผู้เขียน: โชทาโร่ คุชิ
ผู้แปล: ณิชยา รักเกียรติงาม
สำนักพิมพ์: Shortcut
จำนวนหน้า: 168 หน้า
...............................................................................................................
.
.
สั่งซื้อหนังสือได้ที่
.
.

Comments