top of page
Writer's pictureหลังอ่าน: รีวิวหนังสือ

รีวิว Make your Bed: เก็บที่นอนก่อนออกไปเปลี่ยนโลก




รีวิว Make your Bed: เก็บที่นอนก่อนออกไปเปลี่ยนโลก

.

‘เริ่มต้นวันด้วยการทำภารกิจเก็บที่นอนให้เสร็จ แล้วจะทำภารกิจอื่นตลอดวันสำเร็จเช่นกัน’

.

สิ่งพิเศษที่สุดในหนังสือคนเขียน เพราะหนังสือ howto ส่วนใหญ่ ถูกเขียนขึ้นโดย อาจารย์มหาวิทยาลัย นักพูด ไลฟ์โค้ช หรือนักจัดสัมนาพัฒนาตัวเองต่าง ๆ

แต่เล่มนี้เขียนขึ้นโดย อดีตนาวิกโยธินเกษียณ ประจำกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ผู้เคยทำงานในหน่วยรบพิเศษซีล

มีโอกาสไม่มากนักที่เราจะได้อ่านหนังสือจากคนทำงานในแวดวงแบบนี้

.

และต้องบอกว่าทั้งเล่มเต็มไปด้วยเรื่องเล่าประหลาด ๆ จากประสบการณ์การทำงานในหน่วยซีลนาวิกโยธินท่านนี้

ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนทั้งนั้น

แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล่าเรื่องการฝึกร่างกาย หรือการออกรบเฉย ๆ

เรื่องเล่าพวกนี้คือ หลักแนวคิดที่สะท้อนชีวิตจริงได้อย่างคมคาย

.

บางเรื่องของชีวิตนาวิกโยธินท่านนี้ อ่านแล้วอาจเจ็บปวด แต่เมื่อเราใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ

เราก็คงต้องเผชิญความเจ็บปวดเหล่านี้ไม่ต่างกัน

และเราต้องหัดเรียนรู้ที่จะอยู่กับความจริงเหล่านั้น

เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตามมันคือชีวิตจริง

.

หนังสือ Make your Bed เป็นหนังสือที่ได้นำคำกว่าวสุนทรพจน์ในพิธีมอบปริญญาบัตรของวิลเลีนม เอช แม็คเรเวน นาวิกโยธินปลดเกษียณ ณ มหาลัยเท็กซัส เมื่อปี 2014 มาขยายความต่อ เพิ่มเติมเรื่องราวลงไป และสรุปข้อคิดออกมาในแบบ howto

.

ความรู้สึกหลังอ่านคือ ผมอยากแนะนำให้ทุกคนที่มีโอกาสได้ลองอ่านดูสักครั้ง

เพราะแม้จะอยู่ในหมวด howto แต่เรื่องราวในหนังสือเป็นเรื่องที่แตกต่างจาก howto เล่มอื่นพอสมควร

ข้อคิดมีความเป็นเอกลักษณ์ เรื่องราวยังน่าสนใจ และล้วนเป็นเรื่องที่เราจะได้รู้เป็นครั้งแรก

.

หนังสือเล่มบาง ๆ เพียง 100 กว่าหน้า แต่เนื้อหาอ่านสนุก คุ้มค่าเวลาแน่นอนครับ

.

บทเรียนชีวิต 10 ข้อส่งตรงจากอดีตหน่วยซีล กองทัพเรือสหรัฐฯ

.

บทเรียนที่ 1: ถ้าอยากเปลี่ยนโลก จงเริ่มจากการเก็บที่นอน

ชีวิตจริงของเราช่างยากเย็น และไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่า วันหนึ่งวันเราจะทำอะไรได้สำเร็จสักอย่าง

จากประสบการณ์ของผู้เขียน บางวันเขาแทบไม่ได้ทำอะไรเลย

มีคนตายในสนามรบ ครอบครัวผู้เสียชีวิตก็โศกเศร้า วันทั้งวันผ่านไปอย่างช้า ๆ กับความตึงเครียด

.

ในสถานการณ์แห่งชีวิตจริงที่ตึงเครียดเหล่านี้

การจะหาตัวช่วยปลอบประโลมใจในตอนเริ่มวันใหม่ หลายครั้งก็กลายเป็นเรื่องสำคัญ

และการทำเรื่องง่าย ๆ ที่ทำได้ทุกวันอย่างการเก็บที่นอน ก็อาจเป็นวิธีที่ดีในการสร้างพลังใจให้เราในตอนเช้า ก่อนต้องออกไปเจอสนามชีวิตอันโหดร้าย

.

จงเริ่มต้นวันด้วยภารกิจที่เสร็จสมบูรณ์ อย่างการเก็บที่นอน แล้วเราจะมีพลังใจในการออกไปทำงาน

ออกไปเผชิญความยากลำบาก และออกไปเปลี่ยนโลก !

.

บทเรียนที่ 2: หาเพื่อนร่วมเดินฟันฝ่าอุปสรรค

จากแบบฝึกหัดเรือยางในหลักสูตรของหน่วยซีล ผู้เขียนได้ตกผลึกว่า ไม่มีใครผ่านหลักสูตรได้ด้วยตัวคนเดียว

บางวันการฝึกหนักก็ทำให้เขาเพลีย หรือบางวันเขาก็เจอกับพิษของไข้หวัด

แต่ทุกครั้งที่มีอุปสรรค สมาชิกคนอื่นในทีมเรือยาง ก็จะออกแรงจ้วงพายให้มากขึ้น เพื่อชดเชยตัวเขาที่ป่วย

และผู้เขียนก็ทำแบบเดียวกัน เมื่อสมาชิกคนอื่นเกิดไม่สบายขึ้นมาบ้าง

.

การช่วยเหลือกันและกันเป็นสิ่งสำคัญในการฝึกพายเรือยางให้สำเร็จหลักสูตร

และมันอาจเป็นสิ่งสำคัญในการฟันฝ่าช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในการฝึกหลักสูตรชีวิต

.

ชีวิตเราต้องอาศัยคนอื่นช่วยต่อสู้กับอุปสรรค โดยเฉพาะในวันที่เราเหนื่อยล้า หมดแรง และไปต่อไม่ไหว

จงมองหาคนเหล่านี้ เพราะมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะสำเร็จหลักสูตรชีวิตได้ด้วยตัวคนเดียว

.

บทเรียนที่ 3: ขนาดของหัวใจเท่านั้นที่สำคัญ

มีนาวิกโยธินตัวเล็ก ผอมแห้งแรงน้อย เข้ามาร่วมฝึกกับผู้เขียน และถูกครูฝึกหมิ่นว่าจากสภาพร่างกายของเขา เขาคงไม่ผ่านการฝึกว่ายน้ำระยะไกล

แต่เพื่อนตัวเล็กของผู้เขียนคนนี้กลับพิสูจน์ให้เห็นว่า ครูฝึกคิดผิด

เขาว่ายน้ำระยะไกลจบเป็นคนแรก และฝึกการจบหลักสูตรได้สมบูรณ์แบบ

.

หลายครั้ง เราอาจเจอคนที่มาหมิ่นประมาทเราว่าคงไม่สามารถทำอะไรให้สำเร็จได้ เพียงเพราะว่า

เราตัวเล็กเกินไป ผอมเกินไป หัวช้าเกินไป หรือพูดได้น่าเบื่อกินไป

.

เรื่องเหล่านี้อาจดูสำคัญในตอนแรก แต่สำหรับคนที่ไม่ยอมแพ้นั้น

สิ่งที่สำคัญกว่าคือ ความุ่งมั่น และขนาดของหัวใจที่ไม่ยอมแพ้

.

จงจำไว้ว่า ขนาดตีนกบที่เราใส่ไม่สำคัญหรอก ขนาดหัวใจต่างหากที่สำคัญ

.

บทเรียนที่ 4: ยอมรับคุ้กกี้เคลือบน้ำตาลที่ชีวิตมอบให้

การทำโทษในการฝึกหน่วยซีลคือ การเอาตัวเองไปคลุกทราย นอนกลิ้งไปมา จนทรายแทรกซึมเข้าไปยังทุกส่วนของร่างกาย

เมื่อทรายผสมกับเหงื่อและความร้อนจากการฝึกแล้ว น่าจะเป็นสภาพที่สุดแสนทรมานสำหรับพลทหารที่ถูกทำโทษในวันนั้น

.

ถ้าการทำโทษเกิดขึ้นเฉพาะในวันที่เราทำผิด ก็อาจจะฟังดูไม่เป็นไร

แต่ผู้เขียนเคยได้รับคุ้กกี้เคลือบน้ำตาล ในวันที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดเลย

.

พอผู้เขียนถามครูฝึกถึงสาเหตุที่ตัวเองถูกลงโทษ เขากลับได้คำตอบสั้น ๆ ว่า

‘เพราะชีวิตไม่ยุติธรรมไงล่ะ ยิ่งเรียนรู้ข้อนี้ได้เร็ว นายจะยิ่งทำได้ดีขึ้น’

.

หลายครั้งในชีวิตเรา ไม่ว่าเราจะพยายามหนักแค่ไหน ไม่ว่าเราจะตัดสินใจยังไงก็ตาม ชีวิตก็จะทำให้เราอยู่ในสภาพคุ้กกี้เคลือบน้ำตาลอยู่ดี

เมื่อโดนแบบนี้ หลายคนก็เอาแต่โทษโชคชะตา โทษปัจจัยภายนอกต่าง ๆ และเอาแต่พูดว่า ‘ทำไมต้องเป็นฉันด้วย’

.

แต่มันไม่เกิดประโยชน์อะไรที่จะทำเช่นนั้น

แม้จะโชคร้ายแค่ไหนก็ตาม จงยืนหยัด มองไปข้างหน้า โอบรับคุ้กกี้เคลือบน้ำตาลไว้ แล้วพยายามสู้กับชีวิตต่อ

.

บทเรียนที่ 5: โอบกอดความล้มเหลว

ในการฝึกของหน่วยซีล ถ้าใครไม่ผ่านการฝึกท่าไหน ก็ต้องไปฝึกซ่อมต่อในตอนเย็น

ซึ่งตารางการฝึกปกติก็เหนื่อยมากแล้ว ถ้าต้องโดนฝึกซ่อมต่อในตอนเย็น ร่างกายก็แทบจะแหลกสลาย

แต่นั่นคือ ราคาของความล้มเหลวที่ต้องจ่าย

.

หลายคนเมื่อโดนฝึกซ่อมหนัก ๆ ก็อาจท้อ จนอยากลาออกจากการฝึก

แต่ถ้าทนต่อไปอีกนิด การฝึกซ่อมก็จะช่วยให้ร่างกายเราแข็งแกร่งขึ้น จนผ่านการฝึกในครั้งหน้าได้

.

ในชีวิตจริง ถ้าเราทำอะไรล้มเหลว เราก็มีต้องจ่ายชดเชยให้กับความล้มเหลวนั้น ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

ถ้าเรายอมแพ้ ทุกอย่างก็คงจบ

แต่ถ้าเราอดทน ยอมเหนื่อยเพิ่มขึ้นเพื่อแลกกับตัวเราที่แข็งแกร่งขึ้น

.

ความล้มเหลวนั้นก็จะทำให้เราเติบโต และก้าวผ่านช่วงเวลาโหด ๆ ในชีวิตได้

.

บทเรียนที่ 6: กล้าเสี่ยงกับชีวิตหน่อย

ในวิชาฝ่าเครื่องกีดขวาง ผู้เขียนทำเวลาได้ไม่พอใจ เพราะใช้วิธีห้อยตัวใต้เชือกในการไต่เชือกลงด้านล่าง

แทนที่จะใช้วิธีคร่อมบนตัวเชือก และเอาหัวพุ่งลงมา

วิธีเอาหัวพุ่งลงมาด้านล่าง เป็นวิธีที่เร็วกว่า แต่ก็เสี่ยงกว่ามาก ถ้าพลาดก็มักโดนเขี่ยออกจากชั้นเรียน

.

ในวันหนึ่ง ผู้เขียนก็สลัดความกลัวได้ และลองลองเอาหัวดิ่งลงด้านล่าง

เขาทำเวลาได้ดีกว่าเดิมมาก เพียงแค่เปลี่ยนท่าเล็กน้อย

.

สำหรับผู้เขียนนี่เป็นบทเรียนง่าย ๆ ในการเอาชนะความกลัวและลองเสี่ยงดูบ้าง

แต่มันกลับมีประโยชน์กับการทำงานของเขาในอีกหลายปีต่อมา

.

ชีวิตจริงเราก็ไม่ต่างอะไรกัน ถ้าเรากลัวมากเกินไป เราก็อาจพลาดโอกาสครั้งสำคัญได้

ในหลายครั้ง ชีวิตจริงมักบีบให้เราต้องลองเสี่ยง

ถ้าเราฝึกเอาชนะความกังวลได้ เราก็คงจะกล้าเสี่ยงมากขึ้น และมั่นใจในตัวเองมากขึ้นว่า เราจะต้องทำสำเร็จให้ได้

.

บทเรียนที่ 7: ประจันหน้าอันธพาล

ในการฝึกครั้งหนึ่งของผู้เขียน เขาต้องลงไปดำน้ำตอนกลางคืนในโซนที่อาจพบฉลามขาวตัวฉกาจที่อาจกัดเขาขาดสองท่อนได้

ในทะเลตอนกลางคืน เขาย่อมมองไม่เห็นฉลาม

ภาพที่ครูฝึกเล่าจึงก่อตัวเป็นความกลัวในใจเขาอย่างมาก

.

หลายครั้งชีวิตจริงเราก็มักต้องเจอสถานการณ์แบบนี้

อันธพาลที่คอยขวางกั้นเราไว้ สร้างความกลัวขึ้นมากัดกร่อนจิตใจเรา

.

ความกล้าหาญเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะช่วยให้เรายืนหยัดต่อสู้กับอันธพาลตรงหน้าได้

ถ้าเรากล้าหาญมากพอ ไม่ว่าใครหรืออะไรก็ไม่อาจขวางทางเราได้

ถ้าเรากล้าหาญมากพอ เราจะกล้ากำหนดเส้นทางชีวิตตัวเอง และนำพาชีวิตเราไปสู่ที่ที่เราต้องการได้

.

ดังนั้นแล้ว จงยืนหยัดต่อสู้กับอันธพาลตรงหน้า และปลุกความกล้าขึ้นมาต่อสู้กับความท้าทาย

.

บทเรียนที่ 8: ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เราต้องทำตัวให้แข็งแกร่งที่สุด

การฝึกเป็นหน่วยจู่โจมพิเศษใต้น้ำ ผู้เขียนต้องดำน้ำลึกไปวางระเบิดที่ใต้เรือของข้าศึก

ภารกิจเหล่านี้ต้องทำตอนกลางคืน และตัวนาวิกโยธินเองอาจถูกปล่อยห่างจากเรือเป็นกิโล

.

เมื่อดำลงไปก็จะเจอส่วนที่มืดที่สุดของเรือ คือใต้กระดูกงูเรือ ซึ่งเป็นจุดที่มืดและอึดอัดมาก

จนผู้เขียนต้องเค้นความกล้าและความสามารถที่มีทั้งหมดออกมา

นับเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในการทำภารกิจของเขา

.

ในชีวิตจริงของเรา เราก็มักต้องเผชิญกับเวลาที่มืดมนที่สุด

ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก หรือการทำลายขวัญกำลังใจ จนเราเกิดข้อกังขากับตัวเองว่าเราจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตดี

.

มีวิธีเดียวที่เราจะผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ไปได้ คือการมองลึกลงไปในจิตใจตัวเอง

และทำตัวเองให้แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ความแข็งแกร่งของเราเท่านั้นที่จะทำให้เราผ่านพ้นช่วงมืดมนของชีวิตได้

.

บทเรียนที่ 9: จงมอบความหวังให้ผู้คน

ในการฝึกช่วงแรก ๆ ผู้เขียนต้องเดินฝ่าแอ่งโคลนที่ลึกมาถึงคอ ด้วยสภาพที่ทั้งเหนื่อย ทั้งล้า ทั้งหนาวจนถึงกระดูก และต้องรออีกกว่า 8 ชั่วโมงพระอาทิตย์ถึงจะขึ้น

จากการกดดันของครูฝึก เพื่อนในทีมผู้เขียนหลายคนเริ่มอยากยอมแพ้

.

แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงเพลงดังออกมาจากปากใครคนหนึ่ง เป็นเสียงเพลงที่ช่วยปลุกใจให้ฮึกเหิมอย่างยิ่ง

พอคนหนึ่งเริ่มร้อง คนอื่นก็ร้องตาม ๆ กัน

จนสุดท้ายคนที่กำลังจะยอมแพ้ ก็ร้องตามไปด้วย

และโคลนที่แช่อยู่นั้นก็อุ่นขึ้นด้วย ความรู้สึกว่ารุ่งสางจะอยู่อีกไม่ไกลนักก็ค่อย ๆ ปรากฎออกมา

.

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า พลังแห่งความหวังเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง

การมอบความหวังจากคน ๆ เดียวอาจทำให้ชีวิตอีกหลายคนเปลี่ยนแปลงได้

.

ดังนั้นแล้ว ถ้ามีโอกาส จงมอบความหวังให้คนอื่น

ถ้ามีใครบางคนกำลังจมโคลนที่ลึกถึงคอ จงแผ่เสียงแห่งความหวังให้ดัง

พลังแห่งความหวัง เป็นพลังที่เปลี่ยนโลกได้จริง ๆ

.

บทเรียนที่ 10: อย่าสั่นระฆังเป็นอันขาด

ช่วง 6 เดือนแรกของการฝึก จะมีระฆังอันหนึ่งแขวนไว้ที่กลางสนาม นักเรียนหลายคนที่มาฝึกต้องเจอกับสภาพอันทรหดแสนสาหัส ตั้งแต่การต้องตื่นแต่ ตีห้าทุกวัน การไปว่ายน้ำที่หนาวเย็นสุดขั้ว การฝึกวิ่งวันละหลายกิโล การฝึกฝ่าเครื่องกีดขวาง การทรมานร่างกายตัวเอง

ไม่ใช่ว่าทุกคนจะผ่านไปได้

ครูฝึกก็มักจะพยายามอย่างถึงที่สุดให้นักเรียนเลิกล้มความตั้งใจ โดยบอกว่า

เพียงแค่เคาะระฆัง 3 ครั้ง เขาก็กลับบ้านได้ ไม่ต้องทนอยู่ในสภาพเหล่านั้นอีกต่อไป

.

มันอาจฟังดูง่าย กับการเดินไปเคาะระฆัง แล้วกลับบ้านไปเสีย

แต่ถ้าเราเลิก มันจะเหมือนที่ครูฝึกบอกไว้ว่า เราอาจเสียใจไปตลอดชีวิต

.

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไม่ว่าชีวิตจะยากลำบากสักเพียงไหนก็ตาม อย่าล้มเลิกเป็นอันขาด

ถ้าเรายอมแพ้ แล้วเดินไปสั่นระฆัง เราอาจเสียใจไปตลอดชีวิตก็เป็นได้

.

.

--------------------------------------------------------------------------------------------------

ผู้เขียน: วิลเลียม เอช. แม็คเรเวน

ผู้แปล: นุชนาฎ เนตรประเสริฐศรี

จำนวนหน้า: 156 หน้า

สำนักพิมพ์: Amarinhowto

เดือนปีที่พิมพ์: 2018

แนวหนังสือ: พัฒนาตัวเอง

--------------------------------------------------------------------------------------------------

.

สนใจสั่งซื้อหนังสือได้ที่

.

#หลังอ่าน #หนังสือควรอ่านก่อนอายุ30 #100ควรอ่านก่อน30 #makeyourbed




80 views0 comments

Comments


Post: Blog2_Post
bottom of page