จากหนังสือ Keep Going คิดแบบคนที่ถอยหลังไม่เป็น
.
1) สร้างกิจวัตรประจำวันให้เหมือนกันทุกวัน
ลองจินตนาการว่าตัวเองใช้ชีวิตอยู่แค่วันเดียวแบบภาพยนตร์เรื่อง Groundhog Day
ที่ตัวเองตื่นขึ้นมาแล้วเจอวันซ้ำ ๆ ทุกวัน
ไม่ต้องไปสนใจว่าวันพรุ่งนี้จะมาถึงหรือไม่
เพียงแต่ทำงานสร้างสรรค์ที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด
.
คนที่ทำให้ทุกอย่างเป็นกิจวัตร จะไม่สั่นคลอนไปกับความตื่นเต้นจากความสำเร็จ หรือความทุกข์ใจจากความล้มเหลว
และจะไม่ว้าวุ่นไปกับความวุ่นวายของโลกภายนอก
แม้ผลงานชิ้นล่าสุดจะถูกปฏิเสธ แต่ในวันรุ่งขึ้นคนที่มีกิจวัตรประจำก็จะตื่นขึ้นมา และทำงานต่อไป
.
การมีกิจวัตรนังช่วยลด พลังงาน และโฟกัสของคนเราที่มีอยู่อย่างจำกัด
พร้อมกันนั้นการวันธรรมดาที่คล้ายกันไปหมด ก็จะช่วยให้วันที่แตกต่างพิเศษมากยิ่งขึ้น
ผู้เขียนเปรียบเหมือน วันที่เราได้โดดเรียนครั้งแรก จะรู้สึกพิเศษมาก
แต่ความรู้สึกนั้นเกิดขึ้นได้ เพราะเราเข้าเรียนเป็นกิจวัตรนั่นเอง
.
.
2) เมื่อจะจบแต่ละวัน ต้องจบแบบจริง ๆ
จงต่อสู้ไปให้จบวัน ไม่ว่าวันนั้นจะสุข หรือจะสุดทรมานแค่ไหน
พอสุดวันแล้ว ก็เตรียมตัวเริ่มต้นใหม่ในวันรุ่งขึ้น
.
หลายวันอาจเป็นวันที่เลวร้าย จนเราอยากลืม
พอหัวถึงหมอนก็ให้ลืมเรื่องร้าย ๆ ไปให้หมดเสีย
.
แต่ก่อนนอน ลองนึกถึงสิ่งดี ๆ
แล้วจดรายการที่อยากทำไว้ในวันรุ่งขึ้น
.
3) อย่าอ่านข่าวเป็นอย่างแรกหลังตื่นนอน
หลายคนหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเช็คข่าวทันทีหลังตื่นนอน
แล้วก็พบว่า ทำให้ตัวเองเสียสมาธิ และวอกแวกไปกับข่าวแย่ ๆ ต่าง ๆ
.
บางครั้งการที่เรามานั่งรับรู้เรื่องเหตุการณ์ที่อยู่ไกลตัวก็ทำให้เราหลงลืมความสำคัญของสิ่งใกล้ตัว
.
ดังนั้นก่อนนอน เราอาจลองหยิบมือถือไปชาร์จไว้ไกล ๆ
แล้วตื่นมาทำสิ่งที่เราสดชื่นอย่างเต็มที่ เช่น กินอาหารเช้าที่อยากกิน ออกไปเดินเล่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ
หรือนั่งเฉย ๆ ก็ได้
อย่างน้อยเราอาจจะได้เวลาดี ๆ กับตัวเองมาแทนที่ข่าวที่ชอบทำให้เราตกใจอยู่ในทุกเช้า
.
.
4) เปิดโหมดใช้งานบนเครื่องบินกับชีวิตตัวเองบ้าง
โหมดใช้งานบนเครื่องบิน คือตอนที่เราถูกล็อกไว้กับเก้าอี้ตัวเดิมเป็นระยะเวลาหนึ่ง
ปิดโทรศัพท์มือถือ บางครั้งก็เสียบหูฟัง
สำหรับหลายคนเวลาขึ้นเครื่องบินเป็นช่วงที่น่าเบื่อ
.
แต่สำหรับอีกหลายคน
นั่นอาจเป็นช่วงเวลาทองในการทำงานสร้างสรรค์ก็เป็นได้
เพราะเราได้ตัดสิ่งรบกวนชีวิตเราไปหลายอย่าง
และได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองจริง ๆ
.
ดังนั้นชีวิตเราบางครั้งก็อาจต้องการโหมดอยู่บนเครื่องบินเหมือนกันก็ได้นะ
.
.
5) ลืมคำนามไปซะ แล้วสนใจแค่คำนาม
คำนาม คือการที่เราโฟกัสว่าเราอยากเป็นอะไร
แต่คำกริยา คือการที่เราโฟกัสกับสิ่งที่ต้องทำในการตอบเป้าหมายเรา
.
เช่น ถ้าเราเอาแต่โฟกัสกับคำนามว่าตัวเองอยากเป็น ครีเอทีฟ
เราก็อาจจะลุ่มหลงกับการตัดสินว่าสิ่งไหนคืองานของครีเอทีฟ สิ่งไหนไม่ใช่
แต่เราไม่รู้ว่าเราต้องทำอะไรบ้าง ถึงจะสร้างสรรค์ผลงานจนเป็นครีเอทีฟได้
.
นอกจากนี้การสนใจแต่กับคำนาม เหมือนการมุ่งตรงไปที่เป้าหมายมากเกินไป
เช่น ถ้าเราอยากเป็นจิตรกร เราก็อาจจะคิดว่าตัวเองควรทำแต่งานของจิตรกร
จนหลงลืมไปว่า จริง ๆ เราอาจจะมีงานอื่นที่เราอยากทำเหมือนกัน เพียงแต่มันดูไม่เหมือนสิ่งที่จิตกรทำเท่านั้นเอง
.
.
6) ถ้าคิดไม่ออก ลองเอาของเก่ามารีไซเคิลใหม่
งานสร้างสรรค์หลายอย่างก็คือสร้างสรรค์เก่า ๆ ที่เอามาปัดฝุ่นใหม่
ถ้าคิดงานใหม่ไม่ออกจริง ๆ ลองหาไอเดียจากงานเก่า ๆ
ไม่แน่เราอาจคิดอะไรต่อยอดจากงานเก่า หรือนำงานเก่ามาปรับแต่งให้สวยงามเข้ากับยุคสมัยก็เป็นได้
.
.
7) ปีศาจแพ้อากาศสดชื่น
วันไหนถ้านึกไอเดียอะไรไม่ออกจริง ๆ ลองเดินออกไปข้างนอกสูดอากาศบริสุทธิ์ดูสักพัก
หรือวันไหนขี้เกียจลุกจากเตียง ก็ลองคิดถึงอากาศดี ๆ ข้างนอกดู
.
ชีวิตเรามีปีศาจอยู่มากมาย
ถ้าเราหาเครื่องมือช่วยลดความร้ายกาจของพวกมันได้ก็คงจะดี
อากาศสดชื่นดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในเครื่องมือเหล่านั้น
.
.
รีวิวหลังอ่านสั้น ๆ
.
เป็นหนังสืออ่านง่าย ย่อยง่าย
ตัวหนังสือไม่เยอะ เพราะเขาเน้นแนะแนวเคล็ดลับให้เกิดไอเดียสร้างสรรค์ ที่เกิดจากความเห็นส่วนตัวผู้เขียน
ไม่ได้เป็นบทสาธารยายแบบมีหลักวิชาการ
.
ส่วนตัวบางครั้งก็จะหาหนังสือแนวนี้มาอ่าน เพราะย่อยง่ายดี
และเล่มนี้เป็นแนวไม่ให้ถอดใจในวันที่ท้อ
ก็เลยเป็นหนังสือกึ่ง ๆ ให้กำลังใจด้วย
.
ถ้าใครทำงานสายครีเอทีฟ แล้วยังคิดอะไรไม่ออก
ลองหยิบเล่มนี้มาอ่านดูนะครับ เผื่อจะได้เจอไอเดียเจ๋ง ๆ ที่นำไปใช้ได้จริง
อ่านไม่เกินชั่วโมงเดียวก็จบแล้ว
.
.
.............................................................................................
ผู้เขียน: Austin Kleon
ผู้แปล: อาสยา ฐกัดกุล
จำนวนหน้า: 228 หน้า
สำนักพิมพ์: วีเลิร์น, สนพ.
แนวหนังสือ: พัฒนาตัวเอง, บริหารธุรกิจ
.............................................................................................
.
สั่งซื้อหนังสือได้ที่
.
#หลังอ่าน #หนังสือควรอ่านก่อนอายุ30 #KeepGoing #คิดแบบคนที่ถอยหลังไม่เป็น
Comments