สรุป 10 ทักษะสำคัญสำหรับ first jobber
Input - Output สุดยอดทักษะของ "คนเก่งงาน"
.
.
1) อ่านบทความด้วยมือ อย่าอ่านด้วยตาเพียงอย่างเดียว
และยิ่งขีดไฮไลท์ให้เลอะเทอะยิ่งดี
เพราะการขยับมือไล่ตามข้อความที่อ่าน จะทำให้เจอ keyword สำคัญของบทความได้มากขึ้น
และช่วยให้จดจำเนื้อหาได้ดีขึ้นด้วย
จำไว้ว่าสิ่งสำคัญของการอ่านบทความ คือ การสังเกตและรับรู้ว่า บทความนั้นต้องการถ่ายทอดอะไร
.
.
2) อ่านและคิดตามไปตลอดว่าผู้เขียนต้องการจะสื่ออะไร
เราต้องพยายามตั้งสมาธิ และจดจ่ออยู่กับการค้นหาสิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะถ่ายทอด
สิ่งสำคัญของการอ่านบทความ คือเราเข้าใจ “สาระสำคัญ หรือข้อความ” ของผู้เขียน ก่อนจะแปรสภาพมาเป็นรูปประโยคในบทความ
.
.
3) เวลาประชุมหรือคุยงาน ให้จดบันทึกเฉพาะเรื่องสำคัญ ๆ
แต่ให้เราตั้งใจพูดคุยกับคู่สนทนา และตั้งสมาธิในการรับฟัง
เมื่อพูดคุยเสร็จแล้ว ค่อยหยิบกระดาษขึ้นมาจดก็ได้
และเราไม่ควรจดเนื้อหาทั้งหมดที่พูดคุย
เลือกเพียงแค่ คีย์เวิร์ด วันเวลา ชื่อเฉพาะ และตัวเลขต่าง ๆ ที่เราอาจต้องจำให้แม่น เพื่อเอาไปใช้ทำงานต่อ
.
.
4) เปลี่ยน Twitter ให้เป็นแพลตฟอร์มในการรับข่าวสารเพียงอย่างเดียว
หลายครั้งที่เราทำตัวเป็นผู้ส่งข่าวสาร และรับข้อมูลที่ไม่เป็นประโยชน์มากมายใน Twitter
โดยเฉพาะเรื่องการนินทาให้ร้าย พูดคุยไร้สาระ ไม่เกิดประโยชน์ เสียเวลาเปล่า
แต่จริง ๆ แล้วการใช้ Twitter หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ ก็อาจมีประโยชน์ได้ ถ้าเรากดติดตามแต่ช่องที่มีสาระ หรือช่องที่เกี่ยวข้องกับงานที่เราทำดยตรง
ดังนั้น การใช้เวลาบนโลกโซเชียลมีเดีย อาจขึ้นอยู่กับช่องที่เราใช้รับข่าวสารด้วย
.
.
5) ฟูมฟัก “ทัศนคติการทำงาน” ในที่ทำงาน แต่บูรณาการ “ทัศนคติในการใช้ชีวิต” จากหลาย ๆ แหล่ง
ปัญหาหนึ่งที่เราอาจได้เจอเมื่อเข้าไปทำงานในบริษัท คือถูกรุ่นพี่ หัวหน้างาน หรือเพื่อนร่วมงาน แผ่อิทธิพลเรื่องการใช้ชีวิต และทัศนคติต่าง ๆ ที่อาจกินพื้นที่นอกเหนือไปจากแค่เรื่องงาน
เช่น เราควรใช้เวลาอย่างไรในวันหยุดเสาร์ อาทิตย์
.
ความจริงแล้ว การได้รับทัศนคติเหล่านั้นเป็นเรื่องดี ถ้าเป็นเรื่องงาน เพราะเมื่อทำงานในองค์กรเดียวกัน เราก็จะจูนกันติดมากขึ้น
แต่เรื่องชีวิตส่วนตัวนั้น เราควรรับมาแค่ส่วนหนึ่ง แล้วไปขัดเกลาเพิ่มเติมจากที่อื่น
เพราะทัศนคติในการใช้ชีวิตนอกเหนือจากเรื่องงานมีหลายรูปแบบมาก ขึ้นกับความนิยมชมชอบของแต่ละคน
.
.
6) การขัดเกลาแก้ไขประโยคในการเขียนบทความคือสิ่งสำคัญ
การเขียนกับการพูดต่างกันมากที่สุดตรง การเขียนสามารถปรับแก้ไขได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อเราต้องเขียนงาน ไม่ว่าจะเป็น อีเมล บทความ หรืองานเอกสารอื่น ๆ
ให้เราอ่านทวนหลาย ๆ รอบ แล้วลองมองจากมุมผู้อ่านดูว่า เขาจะเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการจะสื่อรึเปล่า
นอกจากนี้เราควรเขียนให้สั้น กระชับ และใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย พยายามเลี่ยงคำเฉพาะที่อาจทำให้คนอ่านงง
.
.
7) ไม่ต้องฝืนอ่านหนังสือธุรกิจทุกเล่ม แต่ควรเข้าใจแก่นหลักของหนังสือเหล่านั้นไว้
การเข้าใจแก่นหลักอาจเกิดจากการอ่านเอง หรือจะฟังสรุปจาก Youtube ก็ได้
หรือจะอ่านสรุปจากเพจหลังอ่าน หรือเพจอื่น ๆ ก็ยังได้
แต่สิ่งสำคัญคือ เราควรเข้าใจแก่นสำคัญของหนังสือแต่ละเล่มไว้ เพื่อใช้พูดคุย และทำให้การเข้าสังคมราบรื่นมากขึ้น
.
.
8) ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เราอาจต้องละทิ้งรสนิยมส่วนบุคคล
สิ่งที่ต่างกันของนักศึกษา กับคนทำงาน คือนักศึกษาอาจเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่
เราอาจเขียนวิจารณ์บริษัท หรืองานต่าง ๆ ได้อย่างเปิดกว้าง
แต่พอเข้ามาเป็นคนทำงาน เราต้องคิดถึงแนวคิดขององค์กร และปรับตัวให้กลมกลืนกับค่านิยมนั้น
เพราะเรากำลังปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในองค์กรอยู่
นอกจากนี้ เราควรเคารพทุกคนในองค์กร หรือที่เรียกว่าการทำตัวแบบคนมีวุฒิภาวะ
แยกใจจริงออกจากการแสดงออกภายนอกให้ได้
.
.
9) คิดพิจารณาถึงชีวิตในระยะยาว
หลายคนอยากใช้ชีวิตวัยรุ่นให้เต็มที่ อยากมีความสุขอย่างสมบูรณ์ในทุกวัน
ทำให้ไม่อยากทุ่มเทให้กับการทำงานมากเกินไป
แต่ถ้าเราลองพิจารณาจากมุมมองระยะยาวแล้ว การใช้ชีวิตให้เต็มที่ โดยไม่คำนึงถึงงาน
อาจทำได้เพียงระยะสั้น ๆ ช่วงวัยรุ่นเท่านั้น
เมื่อเราอายุ 30 หรือ 40 ปี เราคงต้องเริ่มลงหลักปักฐาน มีครอบครัว ซื้อบ้าน ซื้อรถ ออมเงินเกษียณ
และสิ่งที่จะตอบโจทย์เรื่องเหล่านี้ได้ ก็คือการตั้งใจทำงาน ให้ก้าวหน้าตั้งแต่ยังหนุ่มสาว
.
ดังนั้นลองคิดถึงองค์ประกอบหลาย ๆ ด้าน
การลงทุนในงาน อาจให้ผลตอบแทนที่ดีมากในระยะยาวก็เป็นได้
.
.
10) ตั้งมาตรฐานคุณค่าของตัวเอง และให้คะแนนตัวเองในทุกวัน
เลิกเปรียบเทียบกับคนอื่น และลองหามาตรฐานมาวัดคุณค่าความสุขของตัวเอง
เพราะชีวิตเราซับซ้อนเกินกว่าจะเปรียบเทียบกันได้
ลองคิดดูว่า เราจะใช้กรอบอะไรมาเป็นเกณฑ์ในการวัดชีวิตเรากับคนอื่น
.
นอกจากนี้จงเลิกคิดถึงสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
และพุ่งความสนใจไปเฉพาะสิ่งที่เราควบคุมได้ก็เพียงพอแล้ว
.
.
.
รีวิวหลังอ่านสั้น ๆ
เล่มนี้เป็นหนังสือแปลญี่ปุ่นที่เขียนโดยอาจารย์คณะนิติศาสตร์
โดยคอเนซ็ปต์หลักคือ การสร้าง “คู่มือการทำงานปีแรก”
ให้กับนักศึกษาผู้กำลังจะเปลี่ยนผ่านจากโลกในรั้วมหาลัย สู่โลกแห่งการทำงานจริง
.
ผู้เขียนพบว่า มีปัญหามากมายสำหรับอดีตลูกศิษย์ของเขา
เมื่อพวกเขาสำเร็จการศึกษา และเริ่มต้นชีวิตการทำงานในบริษัท
การทำงานจริงไม่มีคำตอบตายตัว เหมือนการเรียนในมหาลัย
การทำงานจริงไม่มีปิดเทอม ไม่มีช่วงที่ได้หยุดยาว ๆ หลายเดือน
และการทำงานจริงไม่มีเดดไลน์ที่ตายตัว เหมือนการทำวิทยานิพนธ์
เมื่อทำงานนึงเสร็จ งานต่อ ๆ มาก็จะไหลเข้ามาให้ทำต่ออยู่ดี
.
คู่มือการทำงานเบื้องต้น ที่อาจช่วยให้นักศึกษาปรับตัวได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ
ซึ่งความจริงแล้ว คู่มือนี้ก็เขียนขึ้นมาจากการวบรวมปัญหาที่นักเรียนถามผู้เขียนเข้ามาบ่อย ๆ
.
หลังอ่านจบ รู้สึกว่า เล่มนี้ค่อนข้างเป็น howto จ๋า
และเป็นเล่มที่ใช้ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนมาก
จึงเป็นหลักการตามแบบของอาจารย์มหาลัยด้านกฎหมายท่านหนึ่ง
.
แต่ต้องยอมรับว่า หนังสือค่อนข้างน่าเบื่อ ถ้าอ่านยาว ๆ
เพราะไม่มีเรื่องเล่า ไม่ค่อยมีตัวอย่าง
ส่วนใหญ่จะเป็นการอธิบายตามเหตุผลส่วนตัวของผู้เขียนเฉย ๆ
.
แต่ถามว่ามีประโยชน์มั้ย
ก็ตามที่บอกว่า น่าจะเหมาะกับ first jobber หรือนักเรียนกำลังจะจบนี่แหละ
อ่านเพลิน ๆ เป็นอีกความเห็น เอาไว้ใช้กับโลกการทำงานได้
.
.
...............................................................................................................
ผู้เขียน: คิยามะ ฮิโรทสึงฺ
ผู้แปล: อนิษา เกมเผ่าพันธ์
จำนวหน้า: 214 หน้า
สำนักพิมพ์: อมรินทร์ How To, สนพ.
เดือนปีที่พิมพ์: 3/2022
...............................................................................................................
.
.
สั่งซื้อหนังสือได้ที่
.
.
Comments