รีวิว Good Vibes Good Life
ใช้คลื่นพลังบวก ดึงดูดพลังสุข
.
‘จักรวาลจะตอบรับแรงสั่นสะเทือนของคุณ และจะย้อนพลังงานใด ๆ ก็ตามคืนสู่ตัวคุณ’
.
เล่มนี้เหมือนเป็นภาคต่อของหนังสือ The Secret ที่ว่าด้วยเรื่องของแรงสั่นสะเทือน
คือถ้าใครชอบหนังสือแนวความเชื่อ ก็คงจะชอบเล่มนี้แน่นอน
ส่วนตัวผมเป็นคนนึงที่ไม่ชอบหนังสือแนว The Secret และ the magic มาก
เล่มนี้ก็คล้าย ๆ เดิมคือ วน ๆ อยู่กับเรื่องความเชื่อ
.
แต่ผมคิดว่าเล่มนี้มีคำอธิบายมากกว่า มีการอ้างอิงหลักฐานในอดีตบ้างเล็กน้อย
และมีเทคนิค howto เรื่องการลงมือทำมากกว่าหนังสือตระกูล รอนดา เบิร์น
.
แต่หนังสือขาดมิติของความใหม่ไปพอสมควร
เหมือนเอาแนวคิดกฎแห่งแรงดึงดูดของ The secret มาดัดแปลงนิดหน่อย
ใส่ประสบการณ์ของตัวเองเขาไป จากการลองลงมือทำหลาย ๆ อย่าง
ตั้งชื่อกฎเสียใหม่ แล้วก็เพิ่มเทคนิคอื่น ๆ ที่รวบรวมมาจากหนังสือหลายเล่ม
.
ข้อดีคือ เนื้อหาไม่วนมากเหมือน the secret
ยังมีเนื้อหาส่วนที่เป็นทริคที่นำไปใช้ได้เลย
รวมถึงหลาย ๆ ข้อที่ไม่ได้ตรงกับเรื่องกฎรงสั่นสะเทือนมากนัก แต่ก็สำคัญกับหลักการการใช้ชีวิต
.
สุดท้าย ถ้าใครชอบหนังสือแนว กฎแห่งกระจก กฎแห่งแรงดึงดูด
คิดสิ่งใด จะได้สิ่งนั้น
ปลดปล่อยพลังบวกอะไรพวกนี้ ก็น่าจะชอบเล่มนี้ครับ
แต่ถ้าเฉย ๆ กับเรื่องพวกนั้น ก็ยังอ่านได้
เพราะบางทริคมันก็มีความทั่วไปมากกว่า
ส่วนที่ดีที่สุดอาจเป็น การแบ่งหัวเรื่องออกเป็นข้อย่อย ๆ อ่านเข้าใจง่าย
และเลือกอ่านข้าม ๆ ตามความสนใจของตัวเองได้ครับ
.
สุดท้ายขอสรุปเนื้อหาส่วนที่น่าสนใจไว้ 5 ข้อสั้น ๆ นะครับ
1) ทำความรู้จักกับ ‘กฎแรงสั่นสะเทือน’
สสารและพลังงานทั้งหมดเกิดจากแรงสั่นสะเทือนโดยธรรมชาติ
โดยปกติสิ่งต่าง ๆ จะส่งการสั่นสะเทือนเข้าหากันเป็นรูปคลื่น
คลื่นจึงเป็นรูปแบบของแรงสั่นสะเทือน
และคลื่นก็เป็นพลังงานชนิดหนึ่งที่เรามองไม่เห็น หรือใช้ประสาทสัมผัสรับรู้ได้
.
ตัวเราเองก็ปล่อยคลื่นแรงสั่นสะเทือนอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน
โดยปล่อยผ่าน ความคิด ความรู้สึก การกระทำ และคำพูด
เมื่อเราส่งแรงสั่นสะเทือนเหล่านั้นไปในจักรวาล
จักรวาลก็จะจูนคลื่นที่มีความถี่การสั่นสะเทือนที่เหมือนกันเข้าด้วยกัน
.
ดังนั้นถ้าเราส่งออกไปแต่เรื่องแย่ ๆ
จักรวาลก็จะส่งเรื่องแย่ ๆ กลับมาเช่นเดียวกัน
.
แต่ถ้าเราคิดดี ทำดี รู้สึกดีกับตัวเองแล้ว
จักรวาลก็จะจูนชีวิตเราเข้ากับสิ่งดี ๆ แล้วส่งสิ่งดี ๆ เหล่านั้นกลับมา
.
เราจึงต้องหมั่นสำรวจความรู้สึกตัวเองอยู่ตลอดเวลา
ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งคิดบวก แต่พยายามฝึกรู้สึกดีกับตัวเองอยู่เสมอ ๆ
.
.
2) กินเพื่อสร้างแรงสั่นสะเทือน
สิ่งที่คุณกิน จะกลืนกินคุณ
สิ่งที่กลืนกินคุณ จะควบคุมชีวิตคุณ
.
อาหารแต่ละอย่างมีคลื่นแรงสั่นสะเทือนที่แตกต่างกัน
เราจึงควรหมั่นกินแต่อาหารที่มีแรงสั่นสะเทือนสูง
อาทิเช่น ผลไม้ ผักสด ธัญพืชไม่ขัดสี อัลมอนด์ เฮเซลนัท เมล้ดทานตะวัน ถั่วเหลือง มะพร้าว
.
ส่วนพวกที่มีแรงสั่นสะเทือนปานกลางก็กินบ้างก็ได้
เช่น ผักลวก นม เนย ไข่ ปลาสุก อ้อย และไวน์
.
ส่วนพวกที่ควรหลีกเลี่ยงก็คืออาหารที่มีแรงสั่นสะเทือนต่ำมาก
เช่น ช็อกโกแลต ชาและกาแฟ เนื้อปรุงสุก ขนมปังขัดขาว แยม ชีสแปรรูป ไส้กรอก
.
มากไปกว่านั้น ที่ต้องหลีกเลี่ยงเด็ดขาดคือ อาหารที่ไม่มีแรงสั่นสะเทือนเลย
ได้แก่ มาการีน เหล้า น้ำตาลขัดขาว และแป้งขัดสี
.
อย่าลืมกินน้ำเยอะ ๆ ด้วย เพราะน้ำจะช่วยล้างพิษ และรักษาแรงสั่นสะเทือนในระดับสูงไว้ได้
.
.
3) เปลี่ยนอารมณ์เชิงลบ
อย่าเสแสร้งทำว่าตัวเองรู้สึกดีอยู่ ถ้าไม่ได้เป็นแบบนั้นจริง
เพราะสุดท้ายแล้วในบางสถานการณ์
ความคิดลบที่เป็นพิษที่อยู่ภายใน ก็จะแทรกตัวออกมา ลดทอนแรงสั่นสะเทือน และทำลายสุขภาพจิต
.
ดังนั้นเราต้องแก้ที่การฝึกเปลี่ยนอารมณ์เชิงลบให้เป็นบวกอยู่เสมอ
และต้องทำซ้ำ ๆ อยู่หลายครั้ง
.
ขั้นตอนก็มีตั้งแต่การ
1) ระบุ อารมณ์เชิงลบที่อยากเปลี่ยน
2) ท้าทาย ว่าทำไมตัวเองถึงมีอารมณ์เชิงลบแบบนี้
3) เข้าใจ ความหมายเบื้องหลังอารมณ์เชิงลบ ที่มาที่ไปที่ทำให้เกิดอารมณ์เชิงลบดังกล่าว
4) แทนที่ อารมณ์เชิงลบนั้นด้วยความคิดที่ให้กำลังใจ
5) นึกภาพ ตัวเราที่จัดการอารมณ์เชิงลบนั้นได้แล้ว
.
.
4) ก่อนจะช่วยใครให้มีแรงสั่นสะเทือนสูงขึ้น ปกป้องพลังงานของตัวเองก่อน
เวลาที่เราจะไปช่วยปลอบประโลมใครก็ตาม
เพื่อเพิ่มแรงสั่นสะเทือนให้คน ๆ นั้น
เราต้องแน่ใจก่อนว่าเรามีแรงสั่นสะเทือนสะสมไว้มากพอ
.
มิเช่นนั้น พลังงานของเราอาจลดลง และกลายเป็นว่าเราต้องเป็นทุกข์ไปกับเรื่องราวของคนที่เราอยากช่วย
ดังนั้นแล้ว เมื่อเราไปช่วยใครก็ตาม เราอาจโดนดูดพลังงานไปได้
เราจึงต้องกักตุนพลังงานไว้ให้มากพอก่อน
.
.
5) จักรวาลสนับสนุนคุณอยู่
ที่แท้แล้วจักรวลาอาจอยู่ภายในตัวเรา
มันอาจอยู่ลึกเข้าไป
เพียงแต่ว่าเราต้องตั้งใจฟังเสียงของมันดี ๆ
และที่สำคัญ เราต้องเชื่ออยู่เสมอว่า จักรวาลพยายามช่วยเราอย่างแน่นอน
.
จักรวาลมักจะส่งสัญญาณมาให้เราเป็นระยะ
แต่เราต้องมหั่นสังเกตสัญญาณเหล่านั้นให้ดี ๆ
เช่น ถ้าเราอยากเปิดธุรกิจขายสูตรอาหารออนไลน์
ไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่อยาก เราก็อาจจะบังเอิญเปิดไปเจอบล็อกที่แบ่งปันสูตรอาหารอยู๋
ถ้าเราละเลยสิ่งนี้ไป ก็เหมือนการละเลยสัญญาณขงอจักรวาล
.
เพราะฉะนั้นแล้ว จงเชื่อและสังเกตสัญญาณดี ๆ
.
.
……………………………………………………………………
ผู้เขียน: เว็กซ์ คิงส์
ผู้แปล: กิษรา รัตนาภิรัต คุโด
สำนักพิมพ์: อมรินทร์ How to
จำนวนหน้า: 232 หน้า
แนวหนังสือ: จิตวิทยา การพัฒนาตัวเอง , การพัฒนาตัวเอง how to
……………………………………………………………………
.
.
สั่งซื้อหนังสือได้ที่
.
#หลังอ่าน #หนังสือควรอ่านก่อนอายุ30 #100เล่มควรอ่านก่อน30 #goodvibesgoodlife
Comments