top of page
Writer's pictureหลังอ่าน: รีวิวหนังสือ

รีวิวหนังสือ จงทิ้งสิ่งที่ดี เพื่อสิ่งที่ดีที่สุด (Essentialism)

Updated: Jul 8, 2020




รีวิวหนังสือ จงทิ้งสิ่งที่ดี เพื่อสิ่งที่ดีที่สุด

Essentialism

.

.

Essentialism เป็นสุดยอดหนังสือที่เน้นย้ำไปที่ความสำคัญของการ ‘เลือก’ ทำเฉพาะในสิ่งที่สำคัญจริงๆกับเรา และ ‘เลิก’ ทำสิ่งอื่นๆที่เหลือที่สำคัญรองลงไปออกไปให้หมด

.

สาเหตุหลักที่เราควรเลือกทำเฉพาะแต่สิ่งสำคัญจริงๆก็คือ เราทุกคนมีพลังงานที่จำกัด ถ้าเราเอาพลังงานของเราไปใช้อย่างสะเปะสะปะ เราจะไม่สามารถทำอะไรได้ดีสักอย่าง แต่ถ้าเราพุ่งพลังงานไปที่สิ่งๆเดียว เราจะสามารถทำสิ่งนั้นออกมาได้ดีมากๆ

.

หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นโดย Greg Mackeown ผู้ซึ่งทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการออกแบบกลยุทธ์ให้กับบริษัทใน Silicon Valley เขาเป็นทั้งผู้ให้คำปรึกษาและเป็นผู้ก่อตั้งและ CEO บริษัท THIS. INC หนังสือเล่มนี้จึงเหมือนการแชร์เคล็ดลับสำคัญไม่ใช่เฉพาะกับการทำธุรกิจ แต่ยังรวมถึงการตั้งเป้าหมายส่วนบุคคล และการลงมือทำด้วย

.

เรื่องนี้เป็นแนวคิดเดียวกับเรื่อง หลักการโฟกัสไปที่สิ่งที่เราชอบทำ สิ่งที่เรามี passion สิ่งที่เราหลงไหลเป็นพิเศษ เหมือนที่ Bill Gate และ Warren Buffet บอกเหมือนกันว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาสำเร็จมาได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะว่าเขาโฟกัสกับสิ่งที่เขาหลงไหลที่จะทำ สำหรับ Bill Gate มันคือการสร้างซอฟแวร์คอมพิวเตอร์ Microsoft ที่ช่วยให้เราทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทิภาพ ในขระที่สำหรับ Warren Buffet มันคือการลงทุนในธุรกิจที่มีพื้นฐานดี และสามารถสร้างคุณค่าให้กับสังคมได้

.

หนังสือแบ่งคนออกเป็นสองประเภท และเปรียบเทียบกันให้เห็นภาพชัดเจนตรงไปตรงมา คือ คนประเภทที่ทำแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดจริงๆ (essentialist) กับคนที่เห็นว่าทุกอย่างสำคัญหมด และลงมือทำมันซะทุกอย่าง (non-essentialist)

.

โดยจากการเปรียบเทียบตลอดเล่มนั้น หนังสือแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คนที่ทำแต่สิ่งสำคัญที่สุดจริงๆนั้นสามารถทำงานได้ดีกว่า ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า พบเจอปัญหาในการทำงานน้อยกว่า มีปัญหาด้านความสัมพันธ์ที่น้อยกว่า หารายได้ได้มากกว่า มีความสุขในงานดำเนินชีวิตมากกว่า และประสบความสำเร็จมากกว่าคนอีกประเภทหนึ่ง

.

.


.

.

สรุปข้อคิด 5 ข้อที่ผมได้จากหนังสือนะครับ

.

1) ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง

.

หลักคิดนี้ไม่ใช่คำคม แต่มันสะท้อนความเป็นจริงว่า ไม่ใช่ทุกครั้งไปที่เราจะทำได้ทั้งสองอย่างที่อยากทำในเวลาเดียวกัน เราต่างมีข้อจำกัดต่างๆ หลายๆครั้งเราต้องเลือกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว ไม่เช่นนั้นแล้วเราคงจะไม่ได้ทำมันสักอย่าง หรือต่อให้ทำก็จะทำมันได้ไม่ดี

.

ยกตัวอย่างเช่น Rafael Nadal สุดยอดนักเทนนิส อดีตมือ 1 ของโลกและแชมป์แกรนด์สแลมหลายสมัย ตอนเด็กๆ เขาเคยเล่นทั้งฟุตบอลและเทนนิสมาก่อน แต่พอโตมาถึงจุดหนึ่งด้วยเวลาและพลังงานอันจำกัดของเขา ลุงผู้ทำหน้าที่เป็นโค้ชของเขาก็ให้ Nadal เลือกเล่นกีฬาอย่างใดอย่างหนึ่ง และเลิกเล่นอีกอย่างไปซะ เพราะมิฉะนั้นแล้วเขาคงจะไม่เก่งอะไรสักอย่าง และก็อย่างที่เห็น ตั้งแต่วันนั้นมา Nadal ตัดสินใจเลือกเทนนิส และทิ้งฟุตบอลไป ผลลัพธ์ก็คือเขากลายเป็นนักเทนนิสระดับตำนานที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ Nadal เลือกทำเพียงอย่างเดียว และทิ้งอีกอย่างที่เขาอยากทำไป

.

หลายๆครั้งมันดีกว่าที่เราจะทำมันได้ทั้งสองอย่าง ถ้าสองอย่างนั้นเป็นสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ แต่ถ้ามันไม่ได้ละ เราก็ควต้องเลือกทำอย่างหนึ่ง และทิ้งอีกอย่างหนึ่งไปซะ

.

.

2) การจัดลำดับความสำคัญของงานเป็นสิ่งสำคัญมาก

.

ต่อจากข้อที่แล้ว การจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราควรลงมือทำ เมื่อมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราต้องทำมากองตรงหน้า และไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดจริงๆ

.

เทคนิคการจัดลำดับความสำคัญอาจมีมากมายหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการให้น้ำหนักกับระดับ ‘ความจำเป็น’ และ ‘เร่งด่วน’ สิ่งไหนที่จำเป็นมาก เร่งด่วนมาก เราก็คงจะต้องก่อน สิ่งไหนที่จำเป็นน้อยกว่า เร่งด่วนน้อยกว่า เราก็คงจะต้องตัดสิ่งนั้นทิ้งไป หรือหยุดไว้ก่อน

.

.

3) การรู้จักปฏิเสธ

.

การปฎิเสธเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมากในกระบวนการค้นหาสิ่งที่สำคัญที่สุดจริงๆ เพราะถ้าสุดท้ายเราจัดลำดับแต่ไม่ปฎิเสธอะไรเลย เราก็คงจะยังทำมันทุกอย่างอยู่ดี การรู้จักเลือก รู้จัดตัดอะไรบางอย่างทิ้งไปจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน

.

หลักการนี้ก็เหมือนกับหลักการเลือกเก็บเฉพาะสิ่งของที่มีค่าสำหรับเราจริงๆ แบบที่ในหนังสือ Stuffocation แนะนำ หรือในหนัง How to ทิ้งพยายามเสนอไอเดียออกมา เราไม่สะสมทุกอย่างไว้ รู้จักทิ้งไปบ้าง รู้จักปฎิเสธไปบ้าง เพื่อที่จะได้เห็นว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญสำหรับเราจริงๆ

.

ปีเตอร์ ดรักเกอร์ ปรมาจารย์ด้านการบริหารเองก็เคยบอกว่า

‘People are effective because they say no.’ หรือ ‘คนเรามีประสิทธิภาพเพราะว่าเรารู้จักการปฎิเสธ’

.

.

4) อย่าหลงละเริงไปกับความสำเร็จที่ได้มา จนลืมไปว่าอะไรคือสิ่งสำคัญจริงๆ

.

เรื่องนี้เรียกกันว่า Paradox of Success เป็นเหตุการณ์ที่เราทำสิ่งๆหนึ่งที่สำคัญจริงๆกับเราจนประสบความสำเร็จ และความสำเร็จดังกล่าวนั้นนำโอกาสดีๆมาให้เราต่อไปอีกมากมาย แต่โอกาสดีๆเหล่านั้น บางครั้งก็ทำให้เราไขว้เขวไปจากสิ่งที่สำคัญที่เราควรทำจริงๆ จนกลายเป็นว่าเราตอบรับโอกาสทุกอย่าง และทำมันไปทุกอย่าง ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงจะยากที่เราจะทำสิ่งสำคัญสำเร็จในครั้งต่อๆไป

.

เราจึงต้องหมั่นจำไว้ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญจริงๆกับตัวเรา และเลือกทำเฉพาะสิ่งๆนั้น สิ่งไหนที่เหมือนจะสำคัญแต่ก็ไม่ได้พิเศษมากมาย ก็ควรที่จะปฏิเสธไปบ้าง

.

ตัวอย่างหนึ่งที่อยากยกมาเล่าคือ เรื่องของ อ.นภดล ร่มโพธิ์ ที่ผมฟังมาจาก podcast Nopadol’s story โดยเรื่องมีอยู่ว่า อ. นภดลได้สร้างชื่อขึ้นมามากมายจากการทำงานวิจัยจนประสบความสำเร็จ โอกาสในการทำงานอีกหลายหลายประเภทจึงถ่โถมเข้ามาหาอาจารย์ จนอาจารย์บอกว่าแทบจะไม่มีเวลาได้ทำงานที่ตัวเองอยากทำอีกต่อไป มาถึงจุดหนึ่งอาจารย์จึงต้องปฏิเสธงานบางอย่างที่ไม่ได้สำคัญจริงๆกับอาจารย์ออกไป และเก็บเฉพาะงานที่อาจารย์อยากทำจริงๆไว้

.

Paradox of success อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคนนะครับ ต้องหมั่นคอยตรวจดูตัวเองดีๆ

.

.

5) การมอบหมายงานให้คนอื่นที่เราไว้ใจทำแทน

.

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมได้จากการนั่งถกประเด็นกับเพื่อน อย่างที่ได้เล่าไว้ใน ก่อน 30 Podcast ว่ามีเทคหนึ่งที่อาจช่วยให้เราทำในสิ่งที่อยากทำได้มากขึ้น นั่นก็คือการมอบหมายสิ่งๆนั้นออกไปให้คนที่เราไว้ใจช่วยทำแทน

.

เทคนิคนี้เป็นรูปธรรมมากๆถ้าหมายถึงการมอบหมายงานที่เราต้องทำออกไปให้ลูกน้อง หรือคนสนิทช่วยสะสาง แต่ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวนั้น ก็อาจจะยากกว่านิดนึง เพราะคงต้องหาคนที่มีเป้าหมายเดียวกัน มีความสนใจเดียวกันมาช่วยเราทำสิ่งๆนั้น

.

แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะครับ ตัวอย่างง่ายๆคือ คนที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา หรือ life coach ที่อาจคอยช่วยแนะนำคนที่มาขอคำปรึกษาให้ไปทำโปรเจคที่เขาอยากทำ และเราเองก็อยากทำด้วย แต่เราอาจทำไม่ได้เพราะมีข้อจำกัดในด้านเวลาและพลังงาน

.

ในกรณีแบบนี้ถ้าคนที่รับคำปรึกษาเราไป เอาไปทำต่อจนสำเร็จ เราก็คงจะดีใจไปด้วย แม้จะพูดไม่ได้เต็มปากว่าเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จนั้น แต่เราก็ได้ช่วยให้สิ่งที่เราทำมันเกิดขึ้นมา และถ้าเราไม่ยึดติดว่าสิ่งๆนั้นต้องเป็นผลงานของเราคนเดียว เราก็คงจะยินดีกับการเกิดขึ้นของสิ่งๆนั้นได้เต็มที่

.

.

.

โดยรวมแล้วเป็นหนังสือที่นำเสนอหลักการได้น่าสนใจมาก โดยเฉพาะการเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจนว่าถ้าเราเลือกทำเฉพาะสิ่งที่สำคัญจริงๆแล้ว จะก่อให้เกิดผลดีอะไรบ้าง

.

ใครสนใจก็อย่าลืมหาซื้อไว้นะครับ

.

.

.

.

………………………………………………………………………….

✍🏻ผู้เขียน: Greg McKeown

✍🏻ผู้แปล: อัญชลี ชัยชนะวิจิตร

🏠สำนักพิมพ์: Welearn

📚แนวหนังสือ : พัฒนาตัวเอง, จิตวิทยา

…………………………………………………………………………..

.

.

📚สนใจสั่งซื้อหนังสือได้ที่

.

.

‪#‎หลังอ่าน ‪#‎รีวิวหนังสือ ‪#หนังสือ2020 #หนังสือ2563 #‎reviewหนังสือ #จงทิ้งสิ่งที่ดีเพื่อสิ่งที่ดีที่สุด #Essentialism #GregMcKeown #อัญชลีชัยชนะวิจิตร #สำนักพิมพ์วีเลิร์น #Welearn #หนังสือพัฒนาตัวเอง #หนังสือจิตวิทยา

432 views0 comments

Comments


Post: Blog2_Post
bottom of page