top of page
Writer's pictureหลังอ่าน: รีวิวหนังสือ

รีวิว ความลับ 5 ข้อ ที่คุณต้องค้นให้พบก่อนตาย

Updated: Sep 15, 2021





รีวิว ความลับ 5 ข้อ ที่คุณต้องค้นให้พบก่อนตาย

The Five Secrets You Must Discover Before You Die

.


.

หนังสือที่รวบรวมความลับของชีวิตละความตาย ที่กลั่นกรองออกมาจากผู้ทรงภูมิซึ่งผ่านชีวิตมาจนอายุมากระดับหนึ่งจนได้เกิดปัญญาในการเข้าใจคำว่า ‘ชีวิต’

.

ชีวิตกับความตายเป็นสิ่งที่สัมพันธ์กันเสมอ เพราะการมีอยู่ของ ‘ความตาย’ การใช้ชีวิตจึงมีความหมาย พูดให้เข้าใจง่ายกว่านั้นคือ ถ้าคนที่ใช้ชีวิตคุ้มแล้วจะไม่กลัวความตาย คนที่กลัวความตายคือคนที่ยังไม่ได้ใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองต้องการ มีเรื่องติดค้างที่อยากทำ แต่ยังไม่ได้ทำอยู่... ดังนั้นการมีปัญญาเข้าใจถึงแก่นแท้ของการใช้ชีวิตจึงเป็นสิ่งสำคัญ

.

หนังสือเล่มนี้พยายามรวบรวมปัญญาแห่งชีวิตดังกล่าว จากมุมมองของผู้มีปัญญาอายุ 59-105 ปี ที่ได้รับการยกย่องจากผู้อื่นว่าเป็นผู้ทรงปัญญาที่คอยสนับสนุนและถ่ายทอดปัญญาแก่ผู้อื่น ผู้ทรงปัญญาเหล่านี้ได้ใช้ชีวิตมาจนมากถึงระดับหนึ่ง ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวจากประสบการณ์ชีวิตอันโชคโชน หลายคนเคยผ่านประสบการณ์เฉียดตาย ประสบการณ์เหล่านั้นได้หล่อรวมจนก่อให้เกิดเป็นปัญญารู้แจ้งของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และมีความหมายไปพร้อมๆกัน

.

ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ เรียกปัญญาที่ว่านี้ว่า ‘ความลับ’ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครบอกเราจนกว่าเราจะใช้ชีวิตมาจนถึงระดับหนึ่ง และเกิดการรู้แจ้งขึ้นมาเอง... เพียงแต่ว่า เราไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันนั้นอีกต่อไป เมื่อเราสามารถเรียนรู้จากผู้มีปัญญาซึ่งเคยผ่านเรื่องราวของชีวิตมาก่อนเรา การอ่านหนังสือเล่มนี้ ยิ่งอ่านเร็ว เราก็จะยิ่งได้ค้นพบความลับของชีวิตเร็วขึ้น และช่วยให้เราปรับรูปแบบการใช้ชีวิตของเราตั้งแต่วันนี้ เพื่อเราจะได้มีชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ ไม่มีอะไรติดค้างเมื่อวันที่ความตายมาเยือน

.

โดยหนังสือเล่มนี้ได้ทำการสัมภาษณ์ผู้มีปัญญา ที่ถูกระบุชื่อโดยคนอื่นๆกว่า 235 คน ซึ่งล้วนมาจากหลากหลายอาชีพ ตั้งแต่ อาจารย์มหาวิทยาลัยประจำภาควิชาฟิสิกส์ เจ้าของธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ นักจิตวิทยา นักประพันธ์ จิตกร นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ นักแสดง กัลบกประจำเมือง (ช่างตัดผม) ไปจนถึงหัวหน้าชนเผ่าพื้นเมือง... ผู้เขียนได้พูดคุยเชิงลึกกับผู้มีปัญญาเหล่านี้กว่า 1-2 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น เพื่อที่จะถอดความลับสำคัญออกมา โดยผู้เขียนพบว่าแม้อาชีพของผู้มีปัญญาเหล่านี้จะแตกต่างหลากหลาย ชีวิตของพวกเขาล้วนเดินอยู่บนเส้นทางที่แตกต่างกันอย่างมาก แต่พวกเขากลับแสดงปัญญาของการมีชีวิตที่มีความหมายและเปี่ยมไปด้วยความสุขได้ไม่ต่างกันเลย

.

ผู้เขียนถอดปัญญาเหล่านั้นออกมาอยู่ใน ‘ความลับ 5 ข้อ’ ที่มีเนื้อหาพอสังเขปดังต่อไปนี้

ความลับข้อที่หนึ่ง : ซื่อสัตย์กับตนเอง

.

แปลง่ายๆว่าจงยอมรับเสียงเรียกร้องในใจตัวเอง อย่าใช้ชีวิตไปตามความต้องการของคนอื่น

.

จงกล้าที่จะเป็นตัวเอง เรียนในคณะที่ตัวเองอยากเรียน ทำงานในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ อย่าไปเรียนเพื่อพ่อแม่ ทำงานเพื่อหน้าตาทางสังคม เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่คนหลายคนเสียใจมากที่สุดเมื่ออายุมากขึ้นก็คือ การไม่ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองต้องการอะไร

.

หนังสือเล่าถึงฉากที่คุณยายไม้ใกล้ฝั่งนั่งอยู่ริมระเบียงหน้าต่าง มองออกไปยังท้องฟ้าด้านหน้า แล้วหวนคิดถึงอดีตชีวิตของตน แน่นอนว่าในวัยคุณยาย สังขารไม่เอื้ออำนวยให้ทำอะไรได้มากอีกต่อไป ถ้าการหวนคิดถึงอดีตแล้วมีแต่ความพอใจ มีแต่ความรู้สึกเต็มอิ่มแล้วก็จะโอเคไป แต่ถ้ายังมีความเสียดายอยู่ นั่นอาจหมายถึงการที่ยังติดค้างไม่ได้ทำสิ่งที่หัวใจเรียกร้องตั้งแต่ยังสาว

.

ลองจินตนาการว่าเรานั่งอยู่ริมระเบียงเป็นคุณยายคนนั้น แล้วหวนคิดถึงอดีตดู จะมีอะไรที่เราเสียใจที่ไม่ได้ทำมั้ยเมื่อถึงวันนั้น

.

.

.

ความลับข้อที่สอง : อย่าปล่อยให้เสียดาย

.

ใช้ชีวิตให้เสี่ยงมากขึ้น ลดความกังวลในการตัดสินใจลง เพราะสุดท้ายแล้ว คนเรามักจะเสียดายกับสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำเพราะไม่กล้าตัดสินใจ มากกว่าสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจทำแต่ล้มเหลว

.

ความล้มเหลวนั้นเป็นเรื่องธรรมดา และจะอยู่กับเราไปสักพักหนึ่ง แต่การไม่ลองเสี่ยงนั้นจะติดค้างกับเราไปจนวันตาย

.

แน่นอนว่า การกล้าลองทำอะไรเล็กๆในแต่ละวัน อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีเกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้ หนังสือเล่าถึงตัวอย่างของชายหนุ่มขี้อายคนหนึ่งที่หลงรักเพื่อนสาวสุดฮอตในโรงเรียน เขาอยากชวนเธอไปเต้นรำและบอกชอบเธอมาก แต่เนื่องจากเขาขี้อายจึงทำให้ลังเลอยู่นาน สุดท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจเดินข้ามไปยังอีกฝั่งของห้องเต้นรำ และเอ่ยปากขอเธอเต้นรำด้วยกัน ผลลัพธ์ก็คือ เขาและเธอได้เต้นรำด้วยกันมากว่า 50 ปีแล้ว ทั้งคู่ได้แต่งงานและครองรักกัน เพียงเพราะการตัดสินใจเล็กๆของชายหนุ่มขี้อายในวันนั้น

.

ลองคิดถึงผลลัพธ์ในด้านบวกเข้าไว้ก่อนเวลาเราจะตัดสินใจเสี่ยงทำอะไร เราจะได้กล้าลองเสี่ยงใช้ชีวิตมากขึ้น และไม่มานั่งเสียใจในภายหลัง

.

.

ความลับข้อที่สาม : ใช้ชีวิตด้วยความรัก

.

เมื่อถึงบั้นปลายชีวิต เมื่อตนที่เรามีเวลาเหลือน้อยเต็มที สิ่งที่มีความหมายมากที่สุดไม่ใช่ทรัพย์สิน เงินทอง ชื่อเสียง หรือการงาน แต่เราจะใส่ใจแต่เพียงความรัก ทั้งความรักที่มีให้กับตัวเอง และเผยแผ่ออกไปสู่คนรอบข้าง

.

ถ้าเราจะรักคนอื่นได้ เราต้องเริ่มจากการรักตัวเองก่อน จากนิทานตำนานโบราณของเผ่านาวาโฮ คนทุกคนเลี้ยงหมาป่าไว้สองตัวในใจ หมาป่าตัวแรกคือ ความโกรธ ความริษยา ความกลัว ความกังวล ความทะนงตน และพลังงานในด้านลบอื่นๆ ส่วนหมาป่าตัวที่สองคือ ความรัก ความหวัง ความสงบ ความเมตตา ความเห็นใจ และพลังงานในด้านบวกอื่นๆ...คำถามสำคัญคือ ในแต่ละวันราให้อาหารหมาป่าตัวไหน ถ้าเราให้อาหารหมาป่าที่มีพลังงานบวกอยู่ จิตใจเราก็จะเปี่ยมด้วยความรัก มองเห็นคุณค่าในตัวเราเอง และพร้อมจะเผยแผ่ความรักออกไปให้คนอื่นต่อ

.

ในแต่ละวันนั้นเราต้องสื่อสารกับคนมากมาย ไม่ว่าจะกับคนที่ทำงาน คนที่เราพบเจอระหว่างทาง และคู่สมรสของเรา มีงานวิจัยที่บอกว่า การจะชีวิตสมรสที่ยืนยาวและมีความสุขนั้น เราจะต้องสื่อสารออกมาให้อัตราส่วนด้านบวกต่อด้านลบอยู่ที่ 7:1 แต่คนทั่วไปกับมีอัตราส่วนที่กลับกันอยู่ที่ 1: 14 นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องเริ่มหันมาสนใจกับการให้ความรักแก่ผู้อื่น

.

ความรักแทบจะเป็นสิ่งเดียวที่เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจเมื่อเราเจออุปสรรค เมื่อวันที่เรารู้สึกแย่ ท้อแท้กับชีวิต คำพูดเชิงบวกที่มาจากคนรอบข้างนั้นเหมือนจะเป็นเครื่องเยียวยาจิตใจชั้นดี มีหลายครั้งที่การแสดงออกถึงความรักความห่วงใยช่วยชีวิตคนไว้ได้...เราเองจึงควรทำหน้าที่นี้ด้วยการส่งมอบความรักให้คนอื่น ปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างด้วยความอ่อนโยน มอบพลังด้านบวกให้ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยสิ่งที่เราให้ปมันจะมีความหมายกับชีวิตคนอื่นมากแค่ไหน

.

.

.

ความลับข้อที่สี่ : อยู่กับปัจจุบัน

.

การอยู่กับอดีตที่ไม่มีวันหวนคืนมา ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรเปลี่ยนแปลง ความกังวลกับอนาคตที่ตัวเราเองไม่สามารถควบคุมได้ก็ไม่ต่างอะไรกัน เคล็ดลับที่ดีที่สุดในการใช้ชีวิตคือการอยู่กับ ปัจจุบันขณะ ใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจริงๆ ซึมซับความรู้สึกณ ตอนนี้ เวานี้ เพราะปัจจุบันเป็นเวลาเดียวที่เราจะทำอะไรกับมันได้

.

ผู้มีปัญญาต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ตอนเรายังหนุ่มยังสาว เราคิดว่าเรามีเวลาอยู่ชั่วกัลป์ แต่ความเป็นจริงแล้ว ไม่กี่พริบตาเวลาที่เรามีเหลือก็ไม่มากแล้ว วิธีเดียวที่เราจะรู้สึกได้ถึงความคุ้มค้าของเวลาที่ผ่านไปจึงอยู่ที่การเลือกใช้ชีวิตกับปัจจุบันขณะให้มากที่สุด

.

มีเคล็ดลับอย่างหนึ่งที่จะช่วยฝึกเราให้อยู่กับปัจจุบันได้คือ การตัดคำว่า ‘น่าเบื่อ’ ออกไปให้ได้มากที่สุด เปิดรับกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้เต็มที่ มองหาความสนุกของมันให้เจอ แล้วฝึกสมาธิให้จิตใจไม่วอกแวกไปที่อื่น

.

.

.

.

ความลับข้อที่ห้า : ให้มากกว่ารัก

.

ชีวิตที่มีความหมายคือ ‘ชีวิตที่เราสนใจตัวเองให้น้อยลง และสนใจสิ่งที่ใหญ่กว่าตัวเองให้มากขึ้น’ พูดให้เข้าใจง่ายๆคือ เราต้องเลิกหมกมุ่นอยู่กับเรื่องของตัวเอง เลิกคิดแต่ว่าชีวิตจะให้อะไรกับเราบ้าง แต่ลองมองสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น ครอบครัวของเรา ชุมชนที่เราอยู่ เมืองที่เราอยู่ ผู้คนต่างๆรอบตัวเรา หรือโลกทั้งใบนี้ แล้วลองคิดว่าชีวิตของเรานั้นจะให้อะไรกับสิ่งเหล่านั้นได้บ้าง

.

ลองจินตนาการถึงงานศพของเรา เราอยากให้งานศพของเราจบสั้นๆเพียงแค่ 10 นาที มีคนมาร่วมงานเพียงไม่กี่คน หรืออยากให้งานศพยาวนาน 10 ชั่วโมง มีคนมาร่วมงานมากมาย... ข้อแตกต่างของงานศพทั้งสองคือ งานศพ 10 นาทีนั้น เราใช้ชีวิตเพื่อตัวเราเอง เราจึงตายไปกับตัวเราแต่งานศพที่ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมงนั้น เพราะมีคนที่เราได้ให้บางอย่างไว้ มาร่วมแสดงความอาลัยกับสิ่งที่เราทิ้งไว้อย่างมากมาย

.

เราต้องลองใช้ชีวิตโดยอย่าตั้งคำถามว่า ‘เราคาดหวังอะไรจากชีวิตนี้’ แต่จงตั้งคำถามว่า ‘ชีวิตนี้คาดหวังอะไรจากเรา’

.

สิ่งที่ดูเหมือนยากที่สุดของการใช้ชีวิตคือ เราต้องรู้จักสร้างตัวตนและสลายตัวตน นั่นหมายความว่า เราต้องหาตัวตนของเราให้เจอ รู้ว่าเราอยากทำอะไรในชีวิตนี้ แต่เมื่อได้ค้นพบแล้ว เราก็ต้องพร้อมที่จะสลายตัวตนนั้นทิ้งไปเพื่อเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเรา

.

.

.

.

สุดท้ายนี้หนังสือเล่าถึง การนำความลับทั้ง 5 ข้อไปปฏิบัติจริง เพราะหลายคนก็เหมือนจะรู้ความลับเหล่านี้ดีอยู่แล้ว แต่ไม่เคยนำไปปฏิบัติจริงๆสักที ชีวิตเลยไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร หนังสือจึงแนะนำเคล็ดลับง่ายๆ ให้เราจดความลับทั้ง 5 ข้อลงบนกระดาษ แล้วพกมันไปด้วยทุกที่ หยิบกระดาษใบนั้นขึ้นมาอ่านบ่อยๆ วันละ 20 รอบ แต่เราต้องโฟกัสไปทีละข้อ อย่าทำไปพร้อมๆกัน เพราะการเปลี่ยนแปลงควรเป็นไปทีละนิด เช่น เราอาจเลือกโฟกัสที่ความลับข้อ 2 ก่อน คือกล้าเสี่ยงมากขึ้น กลัวการตัดสินใจให้น้อยลง

.

หนังสือยังลิสต์คำถามออกมามากมายเพื่อให้เราได้หมั่นถามตัวเองว่า เราได้ทำตามความลับ 5 ข้อของการใช้ชีวิตอย่างผู้มีปัญญาแล้วรึยัง

.

.

เรื่องสุดท้ายที่หนังสือเน้นย้ำคือ ไม่มีอะไรสายเกินไป เราจะรู้ความลับนี้ตอนอายุเท่าไหร่ไม่สำคัญ ที่สำคัญกว่าคือ การนำไปปฏิบัติและได้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุขและเปี่ยมความหมาย เมื่อถึงวันที่ความตายมาเยือน เราจะได้เปิดรับมันอย่างเต็มที่ และไม่รู้สึกเสียดายชีวิตที่ผ่านมา

.

.

.

โดยรวมแล้ว ผมคิดว่าสิ่งที่น่าสนใจที่สุดของหนังสือเล่มนี้คือ วิธีการในการทำวิจัยให้ได้มาซึ่งความลับทั้ง 5 ข้อ ในเชิงวิชาการนั้น การทำ cast study ที่มีการทำ in-depth interview (สัมภาษณ์เชิงลึก) กับคนกว่า 200 กว่าคน แล้วใช้เทคนิค coding เพื่อหาตีมของคำตอบของคำถามวิจัย เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก และต้องใช้เวลานานมาก แต่ช่วยให้ผลลัพธ์มีความน่าเชื่อถือที่สูง... นั่นหมายความว่า ความลับทั้ง 5 ข้อที่เป็นข้อสรุปของงานวิจัยชิ้นนี้มีความน่าเชื่อถือสูง

.

แหล่งข้อมูลที่มาจากคนมากมายหลายอาชีพยังช่วยให้งานวิจัยนี้น่าสนใจมากขึ้นอีก เพราะนั่นหมายความว่าความลับทั้ง 5 ข้อสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับคนในหลากหลายอาชีพ หลากหลายพื้นเพ (ภาษางานวิจัยคือมี generalisability ที่สูง)

.

ซึ่งจริงๆแล้ว ความลับทั้ง 5 ข้อที่หนังสือนำเสนอก็ดูจะเป็นเรื่องที่ตรงไปตรงมา หลายๆเรื่องเราอาจได้ยินกันจนเบื่อแล้ว แต่เพราะมันมาจากคนที่ได้ชื่อว่าผู้ทรงปัญญาในสายตาคนรอบข้างที่ใช้ชีวิตมาจนมากระดับหนึ่ง หลายๆคนคือไม้ใกล้ฝั่งแล้วด้วย เรื่องธรรมดาเหล่านั้นจึงดูจะเป็นเรื่องที่สำคัญจริงๆ

.

การอ่านหนังสือเล่มนี้จึงเป็นเหมือนเครื่องย้ำเตือนให้เราทบทวนชีวิตตัวเองในแต่ละวัน เราได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการแล้วรึยัง เรายังมีอะไรที่รู้สึกเสียดายอยู่มั้ย ถ้าเราเป็นคุณยายนั่งอยู่ที่ริมระเบียงผู้มองไปนอกหน้าต่างแล้วหวนนึกถึงอดีตของตน เราจะพอใจกับมันหรือไม่ และที่สำคัญคือเมื่อความตายมาเยือนเราจริงๆ เราจะพร้อมเปิดรับมันรึเปล่า

.

หลายๆครั้งเราละเลยคำถามสำคัญของชีวิตเหล่านี้ และใช้ชีวิตในแบบ autopilot คือ ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ไม่ได้ตั้งคำถามอะไรในแต่ละวัน ซึ่งวันหนึ่งชีวิตอาจจะตบหัวเราแรงๆด้วยคำว่า ‘เสียดาย’ และ ‘กลัวตาย’

.

แน่นอนว่าเราเกิดมาในโลกที่มีเวลาจำกัด และระบุไม่ได้ว่าเรามีเวลาเหลืออีกเท่าไหร่ การได้ใช้ชีวิตที่มีความสุขและเปี่ยมความหมายจึงทำให้เรามีความรู้สึกเติมเต็ม และคุ้มค่าที่เกิดมา เราจึงควรตระหนักเรื่องเหล่านี้ไว้เสมอๆ

.

สุดท้ายนี้ หนังสือ ความลับ 5 ข้อ ที่คุณต้องค้นให้พบก่อนตาย เป็นหนังสือชั้นยอดที่ไม่ใช่เพียงแค่นำเสนอผลการวิจัยที่มีกระบวนการวิจัยชั้นยอด แต่ยังเป็นคู่มือชีวิตที่ช่วยปรับกระบวนทัศน์การใช้ชีวิตของผู้อ่านให้มีความลึกซึ้งกับความหมายของชีวิตมากขึ้น และยังสามารถช่วยเตือนสติผู้อ่านให้หมั่นใช้ชีวิตแบบผู้มีปัญญาอยู่เสมอๆ ไม่ว่าผู้อ่านจะอายุเท่าไหร่ การได้อ่านค้นพบความลับในหนังสือเล่มนี้เร็วเท่าไหร่ จะเกิดเป็นสิ่งที่ดีแก่ตัวผู้อ่านเร็วเท่านั้น

.

.

.

สั่งซื้อหนังสือได้ที่

.

.

.

………………………………………………………………………………………………….

ผู้เขียน: John Izzo, Ph.D. (จอห์น ไอโซ, ดร.)

ผู้แปล: อรวรรณ อมรมย์

ISBN: 9786169065654

จำนวนหน้า: 196 หน้า

สำนักพิมพ์: Oh My God, สนพ.

แนวหนังสือ: พัฒนาตัวเอง, ปรัชญา

………………………………………………………………………………………………….

.

#หลังอ่าน #100เล่มควรอ่านก่อน30 #หนังสือควรอ่านก่อน30 #ความลับ5ข้อที่คุณต้องค้นให้พบก่อนตาย




332 views0 comments

Comments


Post: Blog2_Post
bottom of page