รีวิว สรุป 20 เทคนิคเลิกกังวลกับเรื่องเล็ก ๆ
จากหนังสือ ภาระที่อมไว้คายออกมาเถอะนะ
.
.
1. หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่มีทางเลือกมากเกินไป
เพราะทางเลือกที่มากเกินไป อาจสร้างความกังวลได้
.
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการเลือกเสื้อผ้า แต่ยังรวมถึงการเลือกงานและเลือกแฟน
ที่ถ้ามีทางเลือกมากเกิน ก็คงจะเกิดความลังเลใจ และกลัว “ตัดสินใจผิดพลาด”
ดังนั้นให้โฟกัสไปที่สิ่งที่ต้องการ และลดปัจจัยที่ทำให้เกิดทางเลือกมาเกินไปเถอะนะ
.
.
2. เลิกค้นหาข้อมูลให้มากเกินไป ก่อนตัดสินใต
ค้นหาพอประมาณก็พอ
บางคนติดนิสัยต้องหาข้อมูลให้ได้มาก ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อของ
หรือลองค้นรีวิวมาก ๆ ก่อนไปลองร้านอาหารร้านใหม่
พอค้นข้อมูลเยอะ แล้วพอลองไปกิน ดันไม่ถูกปากซะนิ
.
เรื่องนี้เกิดจากความคาดหวัง พอเราใช้เวลาค้นข้อมูลมาก ก็คาดหวังมาก
ดังนั้นรอบหน้าลองค้นข้อมูลให้น้อยลง คาดหวังน้อยลง และสนุกไปกับประสบการณ์ที่เกิดตรงหน้าดีกว่า
.
.
3. ทำหลายสิ่งให้เป็นกิจวัตรเพื่อรักษาพลังใจ
ความคิดคนรุ่นใหม่ที่ว่า “ต้องลองทำอะไรใหม่ ๆ” อยู่ตลอดเวลาอาจทำให้ใจล้าได้
เพราะมันเหมือนต้องแบกภาระไว้ในใจ
ดังนั้นลองเปลี่ยนกิจกรรมที่ทำซ้ำ ๆ ให้กลายเป็นกิจวัตร ทำโดยอัตโนมัติ
เพื่อรักษาพลังใจไว้ใช้กับเรื่องสำคัญจะดีกว่า
.
.
4. ตั้งกฎไว้กับตัวเอง จะได้คิดให้น้อยลง
เช่น ถ้าตั้งกฎกับตัวเองว่าจะทักคนรู้จักทุกครั้งที่เจอ
พอได้เจอคนรู้จักแล้วจะได้ไม่ต้องมานั่งลังเลใจว่าจะเข้าไปทักดีรึเปล่า
ลดการใช้พลังในการคิดลงอย่างมาก
.
.
5. เปลี่ยนอารมณ์ต่าง ๆ ให้เป็นคะแนน
เช่นถ้าโกรธ ก็ลงอให้คะแนนอารมณ์ตัวเองดู 0 คือจิตใจสงบ
10 คือใจว้าวุ่นมาก โกรธมาก
ถ้าเราลองให้คะแนนตัวเองดู เราอาจค้นพบว่า แท้จริงแล้วมันอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็ได้
พอเทียบกับเรื่องอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น
โดยเฉพาะถ้าเราให้คะแนนความโกรธเรื่องนั้น แค่ 6/10
.
.
6. เถรตรงเกินไป ก็เหนื่อยเปล่า ๆ
ลองปล่อยเรื่องเล็กน้อยให้ผ่านไปบ้าง
เช่น ถ้าเจอลูกน้องมาสาย 10 นาที ก็ใช่ว่าต้องเข้าไปตำหนิทุกครั้งไป
.
.
7. ดับวงจรความโกรธภายใน 90 วินาที
มีงานวิจัยที่บอกมาว่าอารมณ์โกรธจะอยู่กับเราเพียงแค่ 90 วินาที
หลังจากนั้นเราจะสงบลง
ดังนั้นถ้าเราโกรธจนอยากระบาย อย่าด่าคนตรงหน้า อยากเข้าไปต่อย
ให้รอ 90 วินาที
คิดเรื่องอื่นไปก่อน เช่น “เย็นนี้จะไปกินอะไรดีนะ”
หรือ “จะซื้อบิตคอยน์ตอนไหนดีนะ”
อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องที่โกรธ เพราะจะเป็นการราดน้ำมันลงบนกองไฟ
.
.
8. ทำตัวซุ่มซ่ามบ้าง ไม่ต้องทำตัวเป็นคนเก่งตลอดเวลา
เพราะมันเหนื่อย
และยังมีงานวิจัยยืนยันอีกว่า คนที่ทำผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ จะดึงดูดความสนใจของคนอื่นได้มากกว่า
เพราะคนอื่นรู้สึกเข้าถึงคนแบบนี้ มากกว่าคนที่ไม่เคยทำผิดพลาดอะไรเลย
.
.
9. ลองทำตัวเป็นตัวตลกในที่ทำงานดู ก็ลดบรรยากาศอึมครึมได้เหมือนกัน
เพราะบรรยากาศจะผ่อนคลายขึ้น และจะเริ่มมีเสียงหัวเราะเกิดขึ้น เพื่อนร่วมงานก็จะทำงานกันอย่างสนุกสนานมากขึ้น
.
.
10. ทดสอบตัวเองว่าเป็นคนใจเย็นแค่ไหน
ด้วยวิธีการหลับตาให้ได้ 1 นาที โดยห้ามลืมตาขึ้นมาก่อน
ถ้าเป็นคนที่รีบเร่งกับชีวิตมาก ไม่กี่วินาทีก็คงลืมตาแล้ว
ดังนั้นผ่อนคันเร่งชีวิตลงบ้างก็ได้
.
.
11. มีสติ และลองเพลิดเพลินไปกับอาหารกลางวันของตัวเองบ้าง
ไม่ต้องกินข้าวไป ทำงานไปทุกวัน
การมีสตืและลองใช้ชีวิตให้ช้าลงอาจทำให้เราได้เห็นความสวยงามในชีวิตมากขึ้นก็เป็นได้
.
.
12. ก่อนถึงบ้าน จงรีเซ็ตความรู้สึกของตัวเองก่อน
เราจะได้ไม่เอาความรู้สึกอันหนักอึ้งจากที่ทำงานกลับบ้านไปด้วย
.
.
13. หาวิธีทำสิ่งที่ชอบอย่างมีสมาธิ เพื่อรีเฟรชตัวเอง
สิ่งที่ชอบ x สมาธิ = รีเฟรช
เบี่ยงเบนตัวเองจากเรื่องงานชวนปวดหัวบ้าง เพื่อให้ตัวเองได้รีเฟรช
โดยทำสิ่งที่ชอบอย่างใจจดใจจ่อ
มันอาจจะเป็นอะไรก็ได้ อย่างการต่อจิ๊กซอว์ การเล่นไวโอลิน หรือการคุยกับคนพิเศษ
.
.
14. เขียนข้อดีของตัวเองออกมา เพื่อสร้างความมั่นใจ
เวลาต้องทำงานใหญ่ อย่างเช่นการพรีเซ้นต์งาน เรามักตื่นเต้น
วิธีหนึ่งที่จะลดความตื่นเต้นได้ คือการลิสต์จุดแข็งของตัวเองลงกระดาษ
อาจจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ ก็ได้
แต่มันเอาไว้เพิ่มความมั่นใจให้ตัวเราเองได้ก็เกินพอ
.
.
15. เลือกรูปหน้าจอโทรศัพท์ เป็นรูปช่วงเวลาที่เราภูมิใจในอดีต
เพื่อทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเองทุกครั้งที่เปิดมือถือ
.
.
16. ใช้การนึกภาพแย่ ๆ หยุดพฤติกรรมไม่พึงประสงค์
เช่น ให้เรานึกถึงภาพมะเร็งปอด ตอนที่จะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ เพื่อทำให้ตัวเองกลัวจนไม่กล้าสูบ
.
.
17. ไม่ต้องอ่านข้อมูลแย่ ๆ เกี่ยวกับตัวเองทุกครั้งไป
เปิดดูผ่าน ๆ บ้างก็ได้
.
.
18. เล่นเกมลับสมอง เพื่อให้สมองได้ใช้ความคิด และไม่วิตกกังวล
เพราะสมองเราได้ทำงานเต็มที่จนไม่มีเวลาให้วิตกแล้ว
.
.
19. ไม่ต้องเล่าประสบกาณ์แย่ ๆ ให้ทุกคนฟังก็ได้
บางคนชอบขอคำปรึกษาเพื่อน
เลยกลายเป็นต้องเล่าเรื่องแย่ ๆ ของตัวเองให้เพื่อนฟังหลายรอบ
บางเรื่อง ปิดฝาไว้ก็ได้ เราจะได้ไม่ต้องไปจำมัน
.
.
20. ใช้เวลา 8 วินาทีเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองไปที่เรื่องอื่น
เวลามีเรื่องที่เราไม่อยากคิดเข้ามาในหัว
หรือแม้กระทั่งความหิว ที่เข้ามารบกวนจิตใจเรา
.
.
รีวิวสั้น ๆ หลังอ่าน
เป็นหนังสือรวมเทคนิคสั้น ๆ ที่ทำให้เรากังวลน้อยลง ใจเย็นมากขึ้น ใช้ชีวิตให้ช้าลง
ตามแบบฉบับการเขียนสไตล์ญี่ปุ่นที่เน้นรวบรัด แต่ได้เนื้อหาไปแบบเน้น ๆ
.
โดยจุดขายก็คือการเปรียบเทียบกับตัวหนูแฮมสเตอร์ที่ถ้าใครเห็นก็คงอยากเข้าไปหยิกแก้มตุ่ย ๆ ของน้อง
แต่ถ้าหนูกินเมล็ดถั่วเยอะเกินไป ก็อาจกลายเป็น “น้องแก้มตุ่ย” ที่กักตุนอาหารไว้เยอะจนไม่สบายตัว
.
คนเราก็ไม่ต่างกัน ถ้าเราเอาภาระมากักตุนในตัวมากไป ก็คงรู้สึกไม่สบายตัว
เราเลยต้องหาวิธีกำจัดภาระต่าง ๆ ที่ถือไว้บ้าง
ลองเอาเทคนิคที่หนังสือเล่าไปทำให้ตัวเองผ่อนคลาย สบายตัวมากขึ้นดู
.
ต้องบอกว่าแม้เล่มนี้จะเป็นหนังสือ howto จากญี่ปุ่น
แต่ก็ไม่ได้เน้นไปที่ประสบการณ์ของผู้เขียนเพียงอย่างเดียว เหมือนเล่มอื่น ๆ
แต่เล่มนี้เน้นไปที่งานวิจัยเชิงจิตวิทยาที่ได้รับการตีพิมพ์จริง
ทำให้เทคนิคต่าง ๆ ที่หนังสือยกมา ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น
และยังทำให้จำเทคนิคเหล่านี้ง่าน ถ้าจำตัวอย่างการทดลองที่หนังสือเล่าได้
.
ต้องบอกว่าเป็นหนังสืออีกเล่มที่กลมกล่อม
และผสานความเป็นหนังสือพัฒนาตัวเอง และฮีลใจได้ลงตัวมาก
เป็นอีกเล่มที่เหมาะกับยุคสมัย แนะนำครับ
.
.
พิกัดการสั่งซื้อ: https://shope.ee/7zc04PX83U
.
.
………………………………………………………………………………………………………..
ผู้เขียน: ไนโต โยะชิฮิโตะ
ผู้แปล: อทิตยา ทรงศิริ
จำนวนหน้า: 216 หน้า
สำนักพิมพ์: Bloom
เดือนปีที่พิมพ์: 10/2022
………………………………………………………………………………………………………..
.
.
Comments