top of page
  • Writer's pictureหลังอ่าน: รีวิวหนังสือ

นิสัยคนเก่งระดับท็อป 5% ที่ AI ค้นพบ



10 นิสัยของคนเก่งระดับท็อป ที่ทุกบริษัทต้องการตัว

จากหนังสือ นิสัยคนเก่งระดับท็อป 5% ที่ AI ค้นพบ

.

.

1) ให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าวิธีการ

คนเก่งระดับท็อป 5% จะคำนึงถึงแต่เป้าหมาย

พวกเขาจะไม่เสียเวลาไปกับวิธีการที่ล้มเหลว

แต่จะควานหาบทเรียนจากความล้มเหลวนั้น ๆ

.

.

2) เปิดเผยจุดอ่อนของตัวเองออกมาเพื่อสร้างความเชื่อใจ

คนเก่งระดับท็อป 5% ไม่ได้ต้องการแสดงจุดอ่อนเพื่อเรียกร้องความสนใจ หรือเรียกคะแนนความสงสาร

แต่ใช้จุดอ่อนเป็นเครื่องมือในการเข้าไปนั่งในใจคนอื่น

ทำให้พวกเขาเปิดใจ และแสดงความคิดเห็นออกมาแลกเปลี่ยนกัน

.

.

3) ท้าทายตัวเองอยู่เสมอ ๆ

คนเก่งระดับท็อป 5% มองว่าความท้าทายคือการเรียนรู้

ถ้าพวกเขาได้เลือกให้ทำงานที่ยาก พวกเขาจะดีใจ เพราะเป็นโอกาสอันดีในการได้พัฒนาตัวเอง

พวกเขาเน้นการพัฒนาทักษะแบบทวีคูณ ไม่ใช่แค่ค่อย ๆ บวกเพิ่ม เพื่อกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านในด้านหนึ่ง

.

.

4) มองย้อนกลับจากเป้าหมาย สู่จุดที่ยืนอยู่ในปัจจุบัน

คนเก่งระดับท็อป 5% จะมองเป้าหมายเป็นหลัก แล้วมองกลับมา เพื่อคำนวณหา “ช่องว่างที่เหลืออยู่” ในการเติมเต็ม

วิธีนี้ต่างจาก 95% ของคนที่เหลือที่มักมองไปข้างหน้าทีละก้าว

การมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ทำให้พวกเขาทำงานได้เร็ว และแก้ปัญหาได้ถูกจุด

.

.

5) มักทำงานที่ สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน และแยกเวลางานกับเวลาส่วนตัวออกจากกันอย่างชัดเจน

คนเก่งระดับท็อป 5% จะมุ่งทำงานที่สำคัญทุกงาน ไม่ว่างานนั้นจะเร่งด่วนหรือไม่

เพราะถ้าเขาจัดการได้ดี จะไม่มีงานไหนกลายเป็นงานด่วน

ส่วนเวลาพัก เขาก็จะพักอย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสัปดาห์ถัดไป

.

.

6) ตั้งเป้าไว้ที่ 80% แล้วลงมือทำ

คนเก่งระดับท็อป 5% จะไม่ตั้งเป้าที่ 100% แต่จะเน้นการลงมือทำและพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง

การตั้งเป้าที่ 100% อาจเป็นการนิยมความสมบูรณ์แบบเกินไป จนบั่นทอนกำลังใจ

และทำให้เราไม่ได้เริ่มทำอะไรสักที

การเว้นที่ให้ความผิดพลาดยังก่อให้เกิดโอกาสที่เราจะได้เรียนรู้และเติบโตอีกด้วย

.

.

7) สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน ไม่คิดไปเองตัวเองกำลังโดนดูถูก

คนเก่งระดับท็อป 5% จะทำตัวสบาย ๆ และพูดคุยทักทายกับเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าอยู่เป็นประจำ

เขาจะชวนคุยเล่น เรื่องทั่วไป แต่จะรักษาระยะห่างไว้อย่างพอดี

เพราะการที่เรารู้สึกคุ้นเคยกับคน ๆ ไหน เราก็จะรู้สึกดีตามไปด้วย

ถ้าเราไม่คุ้นเคย เช่น สื่อสารกันผ่านช่องทาง Online อย่างเดียว

หลายครั้งเราอาจคิดว่าคนอื่นไม่ชอบ หรือดูถูกเราอยู่

วิธีแก้จึงเป็นการหมั่นเข้าไปสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคนอื่นอยู่เสมอ ๆ

.

.

8) ทุกการประชุมให้เริ่มต้นด้วย “Yes” และจบด้วย “Yes”

เป้าหมายหลักอย่างหนึ่งของการประชุมคือ การทำให้ผู้เข้าร่วมรู้สึกมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้นกว่าตอนเริ่มประชุม

การพูดในแง่บวกจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก

การเปิดการประชุมด้วยการแสดงการยอมรับในตัวอีกฝ่าย และปิดท้ายด้วยการกล่าวชมอีกครั้ง จะทำให้คนเข้าร่วมประชุมรึสึกดีขึ้น

ส่วนเนื้อหาที่จะให้เอาไปพัฒนานั้น สามารถใส่ไว้ตรงกลางได้

.

.

9) ใช้เวลานั่งติดโต๊ะเพียงแค่ 20%

เพราะคนเก่งระดับท็อป 5% จะลงไปที่หน้างาน เดินพูดคุยสร้างสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานต่างแผนก

การพูดคุยต่าง ๆ ล้วนค่อย ๆ สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและทำให้ทำงานร่วมกันง่ายขึ้น

นอกจากนี้ การเข้าไปดูปัญหาที่หน้างานจริง ๆ จะทำให้เขาเห็นวิธีจริง ๆ ว่าจะแก้ไขงานยังไง

วิธีการลุกขึ้นเพื่อไปลงมือปฏิบัติจริง ยังช่วยเป็นตัวอย่างที่ดีในการนำคนอื่นด้วย

.

.

10) เปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่เร็วกว่าคนอื่น 2 เท่า

คนเก่งระดับท็อป 5% จะเปิดรับตัวเองต่อประสบการณ์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ ๆ

พวกเขาจะซื้ออุปกรณ์ใหม่ ๆ มาลองใช้ เพื่อหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

เรื่องที่จะทำในสัปดาห์ถัดไปก็เช่นกัน

คนเก่งระดับท็อป 5% จะพยายามคิดกิจกรรมใหม่ ๆ ที่จะสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจ

เขาจึงเตรียมตัววางแผนทำกิจกรรมเหล่านี้ไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

.

.

รีวิวสั้น ๆ

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของหนังสือเล่มนี้คือ ข้อมูลในหนังสือมาจากการทำวิจัยของผู้เขียน

โดยผู้เขียนได้รวบรวมข้อมูลมากจากพนักงานในบริษัทญี่ปุ่นกว่า 18,000 คน จาก 25 บริษัท

เขาศึกษาการทำงานของพนักงานเหล่านี้ แล้วแบ่งพนักงานออกเป็น 2 กลุ่มคือ

คนเก่งระดับท็อป 5% และที่เหลืออีก 95%

จากนั้นเขาก็นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ด้วย AI จาก Amazon, Microsoft, Google และ IBM

ทำให้ข้อมูลที่สรุปมามีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

.

โดยรวมแล้ว หนังสือไม่ได้มีความแปลกใหม่มาก

เคล็ดลับต่าง ๆ ที่ผู้เขียนรวบรวมมา ก็เป็นเรื่องที่เคย ๆ อ่าน ๆ กันมาบ้างแล้ว

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เล่มนี้เหมือนเป็นการยืนยันเทคนิคเหล่านั้นด้วยข้อมูล และการวิเคราะห์จาก AI

ทำให้น่าเชื่อถือมากขึ้น

ใครอยากรู้ว่าผลงานของ AI เป็นยังไงกันบ้าง ลองหาอ่านกันดูครับ

.

.

..........................................................................................

ผู้เขียน: ชินจิ โคชิคาวะ

ผู้แปล: อาคิรา รัตนาภิรัต

จำนวนหน้า: 190 หน้า

สำนักพิมพ์: อมรินทร์ How To, สนพ.

เดือนปีที่พิมพ์: 5/2022

..........................................................................................

.

.

สั่งซื้อหนังสือได้ที่

.

#หลังอ่าน #หนังสือควรอ่านก่อนอายุ30 #นิสัยคนเก่งระดับท็อป5%ที่AIค้นพบ




86 views0 comments

Recent Posts

See All
Post: Blog2_Post
bottom of page