top of page
Writer's pictureหลังอ่าน: รีวิวหนังสือ

รีวิวหนังสือ: เมื่อทุกอย่างปกติดี ก็ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลง (Our Iceberg is Melting)

Updated: May 11, 2020



รีวิวหนังสือ: เมื่อทุกอย่างปกติดี ก็ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลง

(Our Iceberg is Melting: Changing and Succeeding Under Any Conditions) .

วิธีสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ส่งตรงจาก Harvard Business School . . หนังสือเล่มนี้เกี่ยวข้องกับ ขั้นตอน หรือ ฮาวน์ทู (How to) ในการจัดการกับความเปลี่ยนแปลงแบบเต็มๆ โดยใช้วิธีการเล่าแบบ “นิทาน หรือ fable” ที่เล่าเรื่องฝูงเพนกวิ้นฝูงหนึ่ง ที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงจากการต้องหาอาณานิคมใหม่ เนื่องจากดินแดนที่พวกเขาอยู่กำลังจะละลาย . …. ฝูงเพนกวิ้น ก็เป็นการอุปมาอุปไมย กับ องค์กรๆหนึ่งที่ถูกบังคับให้เข้าสู่ภาวะการเปลี่ยนแปลง หัวหน้าฝูงหรือผู้นำองค์กรต้องพยายามหาวิธีแก้ไขปัญหา นำและชักจูง (convince) สมาชิกคนอื่นให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น .

. ...... อ่านจบแล้ว ผมว่าเป็นหนังสือที่เล่าเนื้อหาสำคัญจากการเปรียบเทียบได้ดีมาก แม้เนื้อเรื่องที่เรียบง่าย ไม่มีความซับซ้อนเลย เดาออกตั้งแต่อ่าน สองหน้าแรก แต่ก็ทำให้จดจำตัวละคร และคาแรคเตอร์ตัวละครเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมนึก recall กลับไปถึงเรื่องของการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่ได้เกิดมาในชีวิต หรือ นึกถึงเรื่องราวที่ได้อ่านผ่านตามาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงขององค์กรใหญ่ๆตามคอลัมน์หนังสือพิมพ์ .

. ….เนื้อเรื่องของหนังสือเล่มนี้สามารถสรุปได้ง่ายๆ ภายในย่อหน้าเดียวเลยคือ ฝูงเพนกวิ้นฝูงหนึ่งที่ขั้วโลกใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาตลอด จนเมื่อวันหนึ่งเพนกวิ้นเงียบๆตัวหนึ่งก็ว่ายน้ำไปพบกับ หลุมในช่องน้ำแข็งที่ก่อให้เกิดการแตกของดินแดนน้ำแข็งได้ เพนกวิ้นเงียบๆตัวนี้ก็เลยไปรายงานหัวหน้า ละพยายาม convince ให้หัวหน้ากับกลุ่มผู้นำเพนกวิ้นเชื่อ

.

พอหัวหน้าเชื่อและเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ปุ๊ป ก็เลยจัดตั้งทีมหลักของการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิด ทั้งหมด 5 ตัว แบ่งหน้าที่กันไปตามสมควร ละทีมนี้ก็ได้ไปหาวิธีในการแก้ปัญหาจนเจอ จากการไปพบกับนกนางนวลที่โดยธรรมชาติ สร้างมันให้เป็นนกที่ทำการย้ายถื่นอยู่เสมอ ฝูงเพนกวิ้นนี้จึงพยายามนำวิธีการใช้ชีวิตแบบนกนางนวลมาปรับใช้

.

.



.

.

แต่ฝูงเพนกวิ้นก็เจอกับปัญหาต่างๆมากมายเพราะ

. 1) ฝูงเพนกวิ้นไม่เคยมีวิถีชีวิตแบบพเนจรมาก่อน ปกติจะลงหลักปักฐานอยู่ที่เดิมตลอด การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การย้ายถิ่นฐานเฉยๆ แต่คือการเปลี่ยนวิถีชีวิตของนกเพนกวิ้นไปโดยสิ้นเชิง

. 2) มีผู้คัดค้านมากมาย โดยเฉพาะพวกคิดลบ พวกที่ไม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง และพวกกลัวการเปลี่ยนแปลง

. ทีมหลักในการดำเนินการเปลี่ยนแปลงจึงต้องพยายามเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ ละชักจูงเหล่าสมาชิกในฝูงให้พร้อมเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกันให้ได้ สุดท้ายแล้ว ทีมดำเนินงานก็ได้จัดตั้งหน่วยลาดตระเวณเพื่อคอยสอดส่องหาดินแดนใหม่ที่ฝูงเพนกวิ้นจะย้ายไปอยู่ได้

.

เมื่อดำเนินการไปสักพัก ทีมนี้ก็หาดินแดนที่อยู่ใหม่ให้ฝูงเจอ ละเพนกวิ้นก็อพยพย้ายถิ่นไปตั้งถิ่นฐานในที่อยู่ใหม่ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปในตอนท้ายเรื่องอย่างชัดเจนคือ ฝูงเพนกวิ้น มีวิธีดำเนินงาน พร้อมทีมลาดตระเวณที่คอยช่วยกันสอดส่องดูเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้น และได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกับสมาชิกทุกตัวในฝูงเรียบร้อย ฝูงเพนกวิ้นฝูงนี้จึงเป็นฝูงที่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต .

.

เนื้อหาหลักของหนังสือ คือ ขั้นตอนที่จะนำองค์กรไปสู่ความเปลี่ยนแปลง

. 1. Create a Sense of Urgency – ทำให้สมาชิกทุกคนเห็นความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงและการที่ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนั้นอย่างรวดเร็ว

. 2. Pull together the guiding team – จัดตั้งทีมที่จะรับผิดชอบและนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง

. 3. Develop the change vision and strategy – ตั้งวิสัยทัศน์ให้ชัดเจน สิ่งที่จะแตกต่างจากสภาพ ณ ปัจจุบัน และกลยุทธ์ในการนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง

. 4. Communicate for understanding and buy in – สื่อสารวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ออกไปให้คนอื่นรับรู้และเข้าใจ

. 5. Empower others to act – ทำลายอุปสรรค และให้พลังกับคนอื่นที่จะช่วยให้การเปลี่ยนแปลงประสบความสำเร็จ

. 6. Produce Short-term wins – สร้างความสำเร็จที่ชัดเจนให้เร็วที่สุดที่เป็นไปได้

. 7. Don’t let up- พยายามอย่างต่อเนื่องในการสร้างความเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งได้เห็นวิสัยทัศน์ที่ได้วาดไว้

. 8. Create a new culture – สร้างพฤติกรรมและวิถีชีวิตแบบใหม่ นำมาแทนที่ขนบธรรมเนียมแบบเดิมๆ .

. .... สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด จากหนังสือ Who moved my cheese คือ เล่มนู้นเขาเน้นไปที่ตัวบุคคล หรือ ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล แต่เล่มเพนกวิ้นนี้เป็นเหมือนมองภาพรวมของวิธีจัดการความเปลี่ยนแปลงมากกว่า .

.

. ... หนังสือสั้นมากครับ อ่านชม.เดียวก็จบแล้ว ใครสนใจภาษาอังกฤษ เล่มนี้ใช้ศัพท์ไม่ยากครับ น่าสนใจ หนังสือแอบมีลักษณะการเขียนติดสไตล์ตะวันตกนิดหน่อย มีการเสียดสีแดกดันตัวละครติดมาเป็นหย่อมๆ ระหว่างย่อหน้า เพิ่มความบันเทิงให้ผู้อ่าน(มั้ง) สรุปแล้ว เล่มนี้ถือเป็น option ที่ดีสำหรับการฆ่าเวลา อ่านง่ายๆ ใครๆก็อ่านได้ครับ .

. เหมาะกับ : - คนแทบทุกคนที่ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงาน เรื่องเรียน ความรัก ครอบครัว - ผู้บริหารที่กำลังเจอกับ ช่วงเวลาที่องค์กรต้องเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง หรือ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะมาถึงในอนาคต - ผู้นำองค์กร หรือ ชุมชนต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลง หรือ ต้องการการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น . . ผู้เขียน : John Kotter, Holger Rathgeber สำนักพิมพ์ : St. Martin’s Griffin ราคาหลังปก : 599.- แนวหนังสือ : การจัดการความเปลี่ยนแปลง, การบริการธุรกิจ, การพัฒนาตัวเอง . . .

สามารถสั่งซื้อได้แล้วที่

. . . . . . ‪#‎หลังอ่าน‬‬‬‬ ‪#‎รีวิวหนังสือ‬‬‬‬ ‪#‎reviewหนังสือ #หนังสือ2020‬‬‬‬ #การจัดการความเปลี่ยนแปลง #หนังสือการบริหาร #‪หนังสือจิตวิทยา #‎หนังสือพัฒนาตัวเอง‬‬‬‬ #OurIcebergisMelting#เมื่อทุกอย่างปกติดีก็ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลง#JohnKotter #HolgerRathgeber



848 views0 comments

Comments


Post: Blog2_Post
bottom of page