top of page

รีวิวหนังสือ: คิดแบบยิว ทำแบบญี่ปุ่น

  • Writer: หลังอ่าน: รีวิวหนังสือ
    หลังอ่าน: รีวิวหนังสือ
  • Nov 12, 2021
  • 2 min read


รีวิว คิดแบบยิว ทำแบบญี่ปุ่น

.

‘17 เคล็ดลับสู่ชีวิตที่มั่งมี สไตล์เศรษฐีชาวยิว’

.

คิดแบบยิว ทำแบบญี่ปุ่น เล่มที่ 1 เป็นหนังสืออีกเล่มที่สอนแนวคิดเชิงลึกในการทำงานและใช้ชีวิต ซึ่งครอบคลุมชีวิตหลายด้าน นับเป็นการเปิดเรื่องเพื่อไปต่อกันใน เล่ม 2 และ เล่ม 3 อย่างลงตัว

เป็นอีกเล่มที่ส่วนตัวชอบเป็นอันดับต้น ๆ และอยากแนะนำให้ทุกคนได้ลองไปหาอ่านกันดูสักครั้ง

ส่วนตัวชอบสไตล์การเล่าเรื่องในเล่มมาก ที่เป็นบทสนทนาระหว่าง ชายหนุ่มตัวเอก และเศรษฐีชาวยิว

.

‘ชายหนุ่มชาวญี่ปุ่น’ จะเป็นตัวเอกของเรื่องที่กำลังไฟแรง และได้มีโอกาสเดินทางมาทำงานอาสาสมัครในอเมริกาเป็นเวลา 1 ปี ในช่วงที่กำลังเรียนมหาลัย และได้บังเอิญพบกับเศรษฐีชาวยิว

ในขณะที่ ‘เศรษฐีชาวยิว’ เป็นผู้เฒ่ามากประสบการณ์ เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทั้งในการทำงานและการใช้ชีวิต โดย เขาได้อพยพมาอยู่อเมริกาตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม และทำธุรกิจเพชรพลอยจนประสบความสำเร็จ มีเงินไปลงทุน จนสามารถเป็นเจ้าของห้าง และอสังหาริมทรัพย์อีกหลายแห่ง

.

โทนเรื่องของหนังสือก็ให้อารมณ์เดียวกับ ‘กล้าที่จะถูกเกลียด’ และ ‘Tuesdays with Morrie’

คือ เป็นการถ่ายทอดแนวคิด ‘การใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จ’ ผ่านบทสนทนาของ คนสองคน

ซึ่งเป็นการให้เนื้อหาอ่านเข้าใจง่าย ไม่น่าเบื่อ ช่วยให้จินตนาการเห็นภาพได้ง่าย และยังจำเนื้อหาได้มากขึ้นด้วย

.

หลังอ่าน ถ้าสำหรับคนที่เริ่มอ่านหนังสือแนวพัฒนาตัวเองเป็นครั้งแรก ๆ จะแนะนำเล่มนี้ก่อนเลย เพราะเนื้อหาไม่ได้ลึกจนเกินไป เป็นเนื้อหาที่ย่อยง่าย แต่ปูพื้นไว้แน่น ให้ไปเสริมเติมต่อที่เล่มอื่นต่อไปได้

.

มีติดนิดหน่อย ตรงชื่อหนังสือ คำว่า ‘ทำแบบญี่ปุ่น’

เพราะเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้พูดถึงการลงมือทำของคนญี่ปุ่น

แต่เป็นแนวคิดของเศรษฐีชาวยิว ผู้ผ่านโลกมาเยอะ

และเอาประสบการณ์ต่างๆของตัวเอง มาสอนเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่น ก่อนที่เด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นจะกลับไปเริ่มชีวิตการทำงานที่ประเทศของตน

.

.

หนังสือแบ่งเนื้อหาย่อยๆออกเป็น 17 บท โดยใช้ชื่อเนื้อหาในแต่ละบทเป็น เคล็ดลับที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของเศรษฐีชาวยิว โดยเนื้อหาในแต่ละบท ผมจะขอสรุปไว้คร่าว ๆ ดังนี้ละกันครับ

.

เคล็ดลับที่ 1 – รู้จักกลไกของสังคม

ใจความหลักคือ การเข้าใจว่าความคิด การกระทำของตัวเรา หลายครั้งไม่ได้เกิดจากตัวเราเอง

แต่เกิดจาก ‘กลไก’ ของสังคม

.

เรื่องกฏการทำงานก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยกลไกของสังคมคือเน้นที่ค่าตอบแทนเป็นหลัก

คนก็เลยไม่ค่อยได้ทำสิ่งที่ชอบ และขาดอิสรภาพไป

.

คนมีอิสรภาพก็เช่น นักลงทุน จิตรกร นักเขียน นักกีฬา และคนถือสิทธิบัตรต่างๆ เป็นต้น

ในขณะที่คนไร้อิสรภาพก็เช่น พนักงานบริษัท ข้าราชการ หมอ นักบัญชี CEO บริษัท และนักธุรกิจขนาดกลางและย่อม เป็นต้น

.

การรู้ทันสังคมนั้นจัดเป็นด่านแรกของการมีอิสรภาพในชีวิต

.

.

เคล็ดลับที่ 2- รู้จักตัวเองและทำในสิ่งที่ชอบ

เคล็ดลับนี้ผมชอบมากที่สุดแล้วในบรรดาเคล็ดลับทั้งหมด คือ การรู้จักตัวเอง และได้ทำในสิ่งที่ชอบ

เราต้องแยกความชอบออกจากความถนัดก่อน แล้วทำความเข้าใจว่าตัวเราเกิดมาเพราะอะไร

ถ้าเรารู้แล้ว เราจะได้จะได้ทุ่มเททำสิ่ง ๆ นั้น และสิ่งที่เราชอบสิ่งนั้นก็มักจะมาพร้อมกับเงินที่มากด้วย

นี่จัดเป็นงานที่ดีที่สุด คือ เราได้ทำในสิ่งที่รักและได้เงินดีด้วย

.

เรื่องที่น่าสนใจที่สุดในบทนี้คือ คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการตามหาสิ่งที่ชอบ

คนหลายคนชอบคิดไปเรื่อย ๆ ว่าจะมีความสุขเมื่อเจอสิ่งที่ชอบ

ก็เลยออกค้นหาไปเรื่อย ๆ ไม่สิ้นสุด

.

แต่แท้จริงแล้ว วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เราค้นพบสิ่งที่ชอบคือ

“ไม่ว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่จงรักในสิ่งนั้น”

.

.

เคล็ดลับที่ 3 – เพิ่มพลังสัญชาตญาณ ฝึกการมองคนและสิ่งต่างๆ ให้แตกฉาน

เราต้องรู้จักมองคนและสิ่งต่าง ๆ บนโลกให้แตกฉาน

พยายามคิดและฝึกมองกระแสโลก กระแสสังคม กระแสเงิน หรือกระแสคนแบบต่าง ๆ

.

รวมทั้งการฝึกใช้สัญชาตญาณในการตัดสินใจทำเรื่องสำคัญ ๆ

เช่น การทำธุรกิจ การใช้สัญชาติญาณเองก็เป็นทักษะที่ต้องใช้เวลาฝึกฝน ต้องเกลาให้ดี

.

.

เคล็ดลับที่ 4 - ตระหนักถึงพลังของอารมณ์ และความคิด

อธิบายง่าย ๆ ว่า เราคิดอะไร ก็จะได้สิ่งนั้น

เราเขียนอะไรลงไปในกระดาษก็จะเจอสิ่งนั้น

เราจดจ่อกับอะไรสักอย่างมาก ๆ โลกก็จะดึงดูดสิ่งนั้นเข้ามาหาตัวเรา

.

.

เคล็ดลับที่ 5 – จงเป็นยอดนักขาย

เริ่มจากการปรับมุมมองการขายเสียใหม่ว่า

เรากำลังจะมอบสิ่งที่มีคุณค่าให้กับคนที่เราจะขายของให้

แล้วเขาก็จะตอบแทนน้ำใจเราด้วย คำขอบคุณ กำลังใจ และตัวเงิน

.

การขายเป็นสิ่งที่สำคัญมากต่อการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ หรือแม้กระทั่งการเป็นเศรษฐี

เทคนิคในการขายที่ควรจำให้ขึ้นใจคือ

1) มีความมั่นใจว่าขายได้

2) ทำตัวให้คนอื่นไว้วางใจ และเชื่อใจ

3) พูดให้เห็นภาพ และ สร้างอารมณ์ร่วม

4) รู้เรื่องตัวสินค้า/บริการที่จะขายอย่างทะลุปรุโปร่ง

5) มีเทคนิคปิดการขาย

.

.

เคล็ดลับที่ 6 – ฝึกฝนเป็นอัจฉริยะด้านการพูด

เพราะการพูดคือ หัวใจของการสื่อสาร

เป็นการแสดงออกถึงเจตนารมณ์ของผู้พูดไปถึงผู้ฟัง

.

การพูดกับตัวเองก็สำคัญ

เมื่อพูดแต่เรื่องใด เราก็จะพบเจอแต่เรื่องนั้น

เพราะฉะนั้นควรที่จะพูดแต่เรื่องดี ๆ กับตัวเองเข้าไว้

.

.

เคล็ดลับที่ 7- ใช้เครือข่ายคนรู้จักให้เกิดประโยชน์

รู้จักการใช้เครือขายคนรู้จัก หรือคอนเนคชั่นนั่นเอง

กฏง่ายคือ คนทุกคนจะมีคนรู้จักประมาณ 300 คน

เพราะฉะนั้นถ้านับคนรู้จักของคนรู้จักแต่ละคนไปนั้น

เราก็จะมีคนรู้จักได้มากถึง 300x300=90,000 คน

และถ้านับต่อไปอีกขั้นหนึ่ง ก็จะกลายเป็น 300x300x300= 27,000,000 คน

.

ซึ่งเอามาประยุกต์ใช้กับมุมมองธุรกิจได้โดย ถ้าเราทำให้คนรู้จัก 300 คน ประทับใจในสินค้าและบริการของเรา

คนรู้จัก 300 คนนี้ก็จะไปบอกต่อคนรู้จักเขาอีก 300 คน

ทำให้เรามีลูกค้ามากขึ้นเป็น 90,000 คน

เป็นพลังเครือข่ายที่รุนแรงมาก

.

หนังสือบอกเคล็ดลับอยู่ 4 ข้อในการคบหาผู้อื่น

1) ปรารถนาให้ผู้อื่นได้พบกับเรื่องดี ๆ

2) คบหาผู้คนให้หลากหลาย

3) คบหากับกลุ่มคนที่เหนือกว่าตัวเอง

4) คบหาผู้อื่นโดยยังรักษาเกียรติของตนเอง

.

.

เคล็ดลับที่ 8- เรียนรู้กฏของเงิน

เราต้องสร้างทั้งความรู้และทัศนคิที่ถูกต้องเกี่ยวกับเงิน

เริ่มจากการปรับทัศนคติให้ดีต่อตัวเงินก่อน

ไม่ใช่คิดว่าเงินเป็นสิ่งที่ห้ามใช้ แต่คิดว่ารู้จักใช้เงิน

เพื่อแสดงให้เห็นถึงความรักและความรู้สึกขอบคุณ

เงินก็จะหมุนเวียนกลับมาหาตัวเราอีกครั้ง

.

ส่วนความรู้เรื่องเงินแบ่งเป็น

- รู้จักหาเงิน รู้ว่าจะหาเงินได้จากแหล่งไหน

- รู้จักใช้เงิน

- รู้จักปกป้องเงิน ไม่เอาเงินไปใช้ในสิ่งที่ไม่จำเป็น รวมถึงการปกป้องจากเพื่อนหรือภาครัฐด้วย

- รู้จักลงทุน

- รู้จักแบ่งปัน โดยอย่าไปรอวันที่รวยก่อนค่อยแบ่งปัน ควรรู้จักแบ่งปันตั้งแต่วันที่ยังไม่มี

.

.

เคล็ดลับที่ 9- เรียนรู้เรื่องธุรกิจ

เราจำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องธุรกิจ และลองลงมือทำธุรกิจดู ถ้าอยากเป็นเศรษฐี

มีการพูดถึงกระแสการไหลของเงินในวงการธุรกิจ

นั่นคือ พนักงานได้รับค่าตอบแทนจากการบริการลูกค้า

ส่วนเจ้าของร้านก็ได้รับค่าตอบแทนบจากยอดขายที่ทำได้

จากนั้นยอดขายส่วนหนึ่งก็ถูกแบ่งมาให้เจ้าของห้าง

ซึ่งสุดท้ายแล้ว เจ้าของห้างก็จะได้เงินมากสุดนั่นเอง

.

หนังสือแนะนำ 5 เคล็ดลับในการทำธุรกิจดังต่อไปนี้

1) ค้นหาสิ่งที่ชอบ

2) ศึกษาทุกเรื่องที่จำเป็นต่อความสำเร็จในธุรกิจที่ทำ โดยการมองหาคนที่โดดเด่นในสายธุรกิจนั้นๆ และศึกษาวิธีการทำงานจากเขา

3) เริ่มจากเล็ก อย่ารีบขยาย เพราะจะเสี่ยง

4) สร้างวงจรที่ทำกำไร

5) สร้างระบบที่เดินต่อไปได้แม้ไม่มีเรา

เหมือนตัวอย่างในหนังสือ คือ เศรษฐีชาวยิวเป็นเจ้าของห้าง เงินก็จะไหลเข้ากระเป๋าเขาอยู่เรื่อย ๆ แม้จะไม่ได้มาบริหารห้างแล้วก็ตาม

.

.

เคล็ดลับที่ 10- ฝึกใช้ ‘ตะเกียงวิเศษ’ ให้ชำนาญ

ตะเกียงวิเศษของอลาดินในที่นี้คือ ความกล้าที่จะฝันต่อไป แม้มันจะยังไม่เป็นจริง

บทนี้เน้นไปที่การตั้งเป้าหมาย

โดยบอกเคล็ดลับการตั้งเป้าหมายอย่างคร่าว ๆ คือ

- ตั้งเป้าหมายที่เร้าใจ

- ระบุขั้นตอนในการลงมือทำ

- กำหนดรางวัลและบทลงโทษ

- จินตนาการภาพที่ทำเป้าหมายได้สำเร็จ

- และที่สำคัญที่สุดคือการลงมือทำ

การลงมือทำด่านสุดท้ายเป็นสิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จ

เพราะเอาแต่คิดวางแผน แต่ไม่ลงมือทำ

.

.

เคล็ดลับที่ 11 - การรู้จักขอความช่วยเหลือจากคนอื่น

อย่าไปทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว

เพราะคนเก่งๆหรือผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย กว่าเขาจะมาได้ในระดับนี้ต้องฝึกปรือฝีมือกันเป็นสิบ ๆ ปี

การจะไปเรียนรู้ด้วยตัวเองโยใช้ระยะเวลาเท่านั้น จัดว่าเป็นการเสียเวลาอย่างมาก

.

เราจึงควรขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ให้พาเราไปสู่ความสำเร็จ

ตัวอย่างเช่น ในการทำธุรกิจ เราต้องขอความร่วมมือจาก ทนายความ และนักบัญชี ที่มีส่วนสำคัญมากในการดำเนินธุรกิจ

.

.

เคล็ดลับที่ 12 - เข้าใจคุณค่าของการมีคู่ชีวิต

บทนี้เน้นในเรื่องการให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับคู่ชีวิต สามีภรรยา และคนรอบ ๆ ตัว

โดยหนังสือแนะนำว่า คนเราจะมีความสุขและสงบจริง ๆ เมื่อได้มีความรู้สึผูกพันกับคน ๆ หนึ่งแบบลึกซึ้ง

.

มีคำที่เรียกว่า Mastermind คือ การที่จิตใจของคนสองคนหรือมากกว่ามีความปรารถนาและมีเป้าหมายเดียวกัน

ซึ่งจะก่อให้เกิดพลังอันยิ่งใหญ่จนสามารถสร้าง ‘ปาฏิหาริย์’ ได้

.

หนังสือแนะนำเคล็ดลับ 5 ข้อที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ คือ

1) เมื่อมีปัญหาให้พูดคุยและ แก้ปัญหาทันที

2) ต้องเห็นพ้องต้องกัน 100% ก่อนที่จะตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องสำคัญ ๆ

3) รู้สึกขอบคุณกันและกันอยู่เสมอ

4) รับผิดชอบต่อความสุขของตัวเอง

5) ต้องมีชะตาชีวิตร่วมกัน

.

.

เคล็ดลับที่ 13 - สร้างจิตสำนึกเศรษฐี

จิตสำนึกเศรษฐี จะช่วยดึงดูดความมั่งคั่ง สิ่งดี ๆ และโอกาสดี ๆ เข้ามาหาตัวเองอยู่เสมอ

กำหนดจิตให้ตัวเองรู้สึกให้เห็นภาพตัวเองในแบบที่ปราถนา

หนังสือให้เทคนิคคือ การวาดภาพและเขียนมันลงไปในกระดาษ

.

เคล็ดลับที่ 14 - กล้าตัดสินใจและลงมือทำ

จากบทนี้ผมชอบประโยคนึงมากคือ

‘ความเสี่ยงที่สูงที่สุดในการตัดสินใจคือ การไม่ตัดสินใจทำอะไรเลย’

‘กับดักที่อันตรายที่สุดในการตัดสินใจคือ การยืดระยะเวลาการตัดสินใจออกไปเรื่อยๆ เพราะมันคือการที่พวกเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ตัดสินใจ’

บทนี้เน้นให้เราเป็นคนกล้าที่จะตัดสินใจและลงมือทำ

เราต้องฝึกเรื่องการตัดสินใจ ฝึกตัดสินใจให้แน่วแน่ และลองใช้สัญชาตญาณช่วยในการตัดสินใจ

.

เคล็ดลับที่ 15 - รู้จักวิธีรับมือกับความล้มเหลว

ความล้มเหลวที่สุดคือ การที่เราล้มเลิกความตั้งใจ และไม่ลุกขึ้นมาจากความล้มเหลวนั้น ๆ

เราต้องหาวิธีในการรับมือ และผลักตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง

.

วิธีหนึ่งที่เราควรฝึกปฏิบัติเป็นประจำคือ การใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ไม่เอาพลังงานในชีวิตไปจมอยู่กับอดีต หรือนึกไปถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

.

.

เคล็ดลับที่ 16 - อย่าลืมที่จะมีความฝัน

จงอย่าลืมความฝันของตัวเอง เพราะพลังของความฝันของคน ๆ หนึ่งนั้นยิ่งใหญ่มาก

.

.

เคล็ดลับที่ 17 - ยอมรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต

ไม่ว่าจะดีหรือจะร้ายก็ขึ้นกับว่าเรามองมันยังไง

จงตระหนักไว้ว่า คนสำเร็จทุกคนต้องเจอกับอุปสรรคเสมอ ๆ

.

.

เรียกได้ว่า เป็นหนังสือที่สอนเคล็ดลับในการใช้ชีวิตได้ครบถ้วนมาก ๆ

ถ้ามีเวล่าแนะนำให้ลองหาอ่านดูนะครับ

.

.

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ผู้เขียน: ฮอนดะ เคน

ผู้แปล: บรรเจิด ชวลิตเรืองฤทธิ์

สำนักพิมพ์ : Welearn

แนวหนังสือ : พัฒนาตัวเอง, บริหารธุรกิจ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

.

สั่งซื้องหนังสือได้ที่

.

.

‪#‎หลังอ่าน ‪#‎หนังสือควรอ่านก่อนอายุ30 #100เล่มควรอ่านก่อน30 #คิดแบบยิวทำแบบญี่ปุ่น







Komentarze


Post: Blog2_Post

Subscribe Form

Thanks for submitting!

+66865274864

©2018 by Langarnbooksreview.com. Proudly created with Wix.com

bottom of page