top of page
Writer's pictureหลังอ่าน: รีวิวหนังสือ

รีวิว แท็กซี่คันนี้รับส่งความหวัง


9 ข้อคิดของคนอยากโชคดี

จากหนังสือ แท็กซี่คันนี้รับส่งความหวัง

.

1) หมั่นอารมณ์ดีอยู่เสมอ

เวลาเราอารมณ์ดีนั้น เสารับสัญญาณความโชคดีของเราจะทำงาน

เราจะรู้ตัวได้ว่า เรื่องโชคดีนั้นกำลังจะเกิดขึ้นกับเรา

แต่ถ้าเราอารมณ์เสีย เราจะจับสัญญาณอะไรไม่ได้เลย

และโชคนั้นก็จะหลุดลอยจากเราไป

.

2) โชคไม่มี ‘ดี’ หรือ ‘ร้าย’ มีแต่การ ‘สะสม’ กับการ ‘ใช้’

โชค เปรียบเหมือน ‘บัตรสะสมแต้ม’

เป็นสิ่งที่เราต้องคอยสะสม เพื่อนำบัตรดังกล่าวไปแลกคืนทีหลัง

หมายความว่า ตลอดชีวิตของเรา เราต้องหมั่นสะสมโชคเข้าไว้

แล้วพอถึงเวลาอันเหมาะสม ก็จะได้ใช้โชคนั้น

หลายคนอาจคิดว่าตัวเอง‘โชคดี’ แต่ความจริงแล้วพวกเขาก็แค่ ‘ใช้โชค’ ที่สะสมไว้เท่านั้น

.

3) คนที่นั่งอยู่เฉย ๆ ไม่มีทางที่จะโชคดี

เมื่อมองโชคเป็นเหมือนบัตรสะสมแต้ม

เราจึงต้องลงมือสะสมโชคไว้ก่อน

เพื่อวันนึงจะได้ใช้โชคที่สะสมไว้ แล้วให้คนอื่นมองว่าตัวเองโชคดี

.

4) วิธีสร้างโชคคือ ทำตัวอารมณ์ดีเข้าไว้ และวิธีทำให้ตัวเองอารมณ์ดีเข้าไว้คือ การมองเรื่องต่าง ๆ ให้ ‘น่าสนุก’ หรือ ‘น่าสนใจ’

ลองปรับมุมมองใหม่ มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสนุก

แล้วเราก็อาจรู้สึกอารมณ์ดีกับสิ่งต่าง ๆ มากขึ้นเอง

.

5) ปลูกเมล็ดพันธุ์ ‘โชค’ เข้าไว้ และรอคอยอย่างอดทน

ไม่มีเมล็ดพันธุ์ชนิดไหนที่ปลูกวันนี้ แล้วสามารถเก็บเกี่ยววันรุ่งขึ้นได้เลย

ทุกอย่างต้องการเวลาของมัน

โชคก็ไม่ต่างอะไรกัน เราต้องอดทนรอคอยเวลาที่เราจะได้ใช้มัน

ถ้ามีโอกาสจงสะสมไปก่อน อย่าไปคาดหวังผลลัพธ์ในเร็ววัน

.

6) ยอมรับความเจ็บปวด เพื่อให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้น

มนุษย์เกิดมาร่างกายนุ่มนิ่ม แต่ก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองให้เหมาะสมกับทุกสิ่งอย่างได้

ถ้าเราได้ลองทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปเรื่อย ๆ ร่างกายจะค่อย ๆ ปรับตัวให้ตัวเราเหมาะสมกับสิ่งนั้นมากขึ้นเอง

เช่น การดีดกีตาร์

ตอนแรกเราอาจดีดแล้วบอด เพราะนิ้วเราที่จับคอร์ดยังไม่ด้านพอ

แต่พอฝึกดีดไปเรื่อย ๆ ปลายนิ้วเราก็จะค่อย ๆ ด้านขึ้น ดีดออกมาแล้วเสียงจึงไพเราะมากขึ้นเอง

แต่จะผ่านกระบวนการนี้ได้ เราต้องยอมทนความเจ็บปวด ความระบมของนิ้วตอนฝึกจับคอร์ด

พร้อมทนฟังเพลงที่ยังมีจังหวะบอดของตัวเองให้ได้

.

7) จงทิ้งสิ่งที่มีคุณค่าให้กับคนรุ่นหลัง

หลายครั้งเราอาจต้องยอมรับว่า โชคที่เราได้สะสมมานั้น

เราอาจไม่มีโอกาสได้ใช้ในชีวิตนี้

แต่จงจำไว้ว่า อย่างน้อย ๆ เราก็ได้ช่วยสะสมโชคจำนวนมากไว้ให้ลูกหลานของเราเอาไปใช้ต่อ

ตัวอย่างเช่น

ทหารญี่ปุ่นที่ต้องสู้รบในสงครามโลก ต้องทนทรมานกับการอดหลับอดนอน และการไม่ได้กินข้าวยาวนานหลายวัน

และสุดท้ายก็อาจตายไปในสงคราม ไม่ได้เห็นโลกที่สงบสุข

แต่พวกเขาก็ได้ส่งต่อสิ่งที่ทำเหล่านั้นให้ลูกหลาน ผู้เติบโตมาในยุคที่สงบสุข เศรษฐกิจเฟื่องฟู มีกินมีใช้ไม่ขาดแคลน

ถ้าเราคิดแบบนี้แล้ว นับว่าการดำเนินชีวิตของพวกเราเองในทุกวัน ก็เป็นโชคที่ได้รับมาจากคนรุ่นก่อนเช่นกัน

.

8) ดอกผลของการสร้างโชคอาจไม่ได้เกิดกับตัวเรา ดังนั้นจงอย่าเอาแต่คิดถึงชีวิตของ ‘ตัวเอง’ หรือให้ความสำคัญกับ ‘ตอนนี้’ เท่านั้น

ชีวิตมนุษย์เปรียบเหมือนส่วนหนึ่งของนิทานขนาดใหญ่ของมนุษย์คนอื่น ๆ ที่จะดำเนินไปชั่วนิรันดร์

เราจึงไม่ควรคิดที่จะสร้างโชคเพียงเพื่อตัวเองเท่านั้น

และให้ความสำคัญไปกับชีวิตตอนนี้เท่านั้น

จงมองไกลว่าสิ่งที่เราทำอยู่ในทุกวัน จะส่งผลอย่างไรต่อชีวิตของคนรุ่นหลัง

โชคที่เราสร้างในทุกวัน อาจจะไปออกดอกออกผล เมื่อเวลาผ่านไปอีกหลายสิบปีก็เป็นได้

.

9) คิดบวกและยิ้มให้มากกว่าคนอื่น

เปลี่ยนความคิดที่เอาแต่มองว่าใครได้ใครเสีย

ให้คิดซะว่า ชีวิตคือการสะสมโชค

และจงใช้ชีวิตด้วยการสะสมโชคอย่างเต็มที่ในทุก ๆ วัน

.

.

รีวิวสั้น ๆ

เป็นหนังสือแนว นิยาย howto ที่ชอบมากที่สุดอีกเล่มหนึ่ง

ต้องเรียกว่า หนังสือแปลญี่ปุ่นแนวนี้มาแรงจริง ๆ

ส่วนตัวก็ชอบอ่านมากกว่า แนว howto จ๋า ๆ ที่บอกให้ทำอย่างนู้นอย่างนี้เป็นข้อ ๆ

เพราะบางทีก็เยอะเกินไป จนจำไม่ได้

และหลายเล่มก็เขียนได้ค่อนข้างน่าเบื่อ

แต่พอเป็นนิยาย ก็มักจะเกิดอารมณ์ร่วมกับตัวละครไปตามตอนต่าง ๆ

.

หนังสือ แท็กซี่คันนี้รับส่งความหวัง

เล่าเรื่องชีวิตชายหนุ่มวัยกลางคนหนึ่ง ที่ดูเหมือนอยู่ ๆ ก็จะดวงตก

เจอแต่เรื่องแย่ ๆ เข้ามาในชีวิต

ตั้งแต่งานประจำที่ทำ เป็นคนขายประกัน อยู่ ๆ ก็โดนลูกค้าบอกขอยกเลิกกรมธรรม์กว่า 20 คน พร้อม ๆ กัน

เรื่องการเงินที่ถูกกระทบต่อกันเป็นทอด ๆ เพราะงานขายประกันของชายหนุ่มก็ขึ้นกับยอดขายที่ทำได้

ไหนจะเรื่องปัญหาครอบครัว ที่ลูกสาววัยมัธยมไม่ยอมไปโรงเรียน

ภรรยาก็คุยกันไม่ค่อยเข้าใจ อารมณ์เสียใส่กันอยู่เรื่อย

ไหนจะเรื่องแม่ ที่อยู่ ๆ ก็โทรมากวนใจ ขอให้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิด

.

ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะประดังประเดเข้ามาหาชายหนุ่ม

จนเขาคิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูกไปหลายวัน

แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็เจอจุดพลิกผัน โดยอยู่ ๆ ก็มีแท็กซี่ประหลาดคันหนึ่งมาจอดรับเขา

พาเขาไปส่งถึงจุดหมาย โดยไม่คิดค่ามิเตอร์โดยสาร

พร้อมกับการที่คนขับนั้นรู้เรื่องเขาแทบทุกอย่าง โดยที่ชายหนุ่มไม่เคยเล่าให้ฟังเลย

ตั้งแต่เรื่องปัญหาที่เขาเผชิญอยู่ รวมถึงเรื่องสถานที่ที่เขากำลังจะไป

พอได้คุยกันไปเรื่อย ๆ คนขับแท็กซี่ก็เหมือนจะค่อย ๆ สอนบทเรียนชีวิตให้ชายหนุ่มทีละน้อย

.

และกลายเป็นว่า ชายหนุ่มบังเอิญได้มาเจอคนขับแท็กซี่คนนี้อยู่หลายวัน

เหมือนคนขับแท็กซี่จงใจมาดักรอเขายังไงยังงั้น

แต่ทุกครั้งที่ขึ้นแท็กซี่ ชายหนุ่มก็ได้เรียนรู้บทเรียนชีวิตดี ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ

จนในที่สุด เขาก็ได้พบเจอจุดเปลี่ยนของชีวิต

.

หนังสือใส่ความ surreal เหนือธรรมชาตินิด ๆ เรื่องแท็กซี่และคนขับ

ทำให้นิยายดูมีรสชาติ และทำให้เนื้อเรื่องน่าติดตาม

ความยาว 200 กว่าหน้า คืออ่านทีเดียวจบเลย เพลินมาก ๆ

.

คีย์เมสเสจที่หนังสืออยากสื่อออกมา ก็มีความแปลกใหม่

ไม่ได้เหมือน นิยาย howto เล่มอื่น

ส่วนตัวชอบแนวคิดเรื่องการสร้างความโชคดี เพื่อส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นมาก

เพราะมันเป็นสิ่งธรรมดาที่หลายคนอาจหลงลืมไป

.

อาจมีเนื้อหาบางตอนที่ชวนงงงวยอยู่บ้าง

แต่ส่วนตัวอยากให้แปลหนังสือแบบนี้ออกมาอีกเยอะ ๆ

หรือใครอยากเขียนหนังสือ howto ลองใช้รูปแบบนิยาย และใส่พลังเหนือธรรมชาตินิด ๆ ลงไป

ก็กลายเป็นอรรถรถดี

.

ถ้าใครเคยอ่าน the why café, into the magic shop, คิดแบบยิวทำแบบญี่ปุ่น

เล่มนี้ไม่ควรพลาดแน่นอนครับ

.

.

...............................................................................................

ผู้เขียน: คิตางาวะ ยาซุชิ

ผู้แปล: อิศเรศ ทองปัสโณว์

จำนวนหน้า: 260 หน้า

สำนักพิมพ์: วีเลิร์น, สนพ.

แนวหนังสือ: นิยายhowto

...............................................................................................

.

.

สั่งซื้อหนังสือได้ที่

.

.

#หลังอ่าน #หนังสือควรอ่านก่อนอายุ30 #แท็กซี่คันนี้รับส่งความหวัง




340 views0 comments

Commentaires


Post: Blog2_Post
bottom of page