top of page

รีวิว เส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงินอย่างแท้จริง

Writer: หลังอ่าน: รีวิวหนังสือหลังอ่าน: รีวิวหนังสือ



รีวิว เส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงินอย่างแท้จริง

.

‘Passive Income ทำให้เราเหนื่อยทำงานหาเงินน้อยลง แต่ Active Income ช่วยให้เราเติมเต็มชีวิตและจิตวิญญาณ เพราะรู้ว่าความสามารถของตัวเองนำไปสร้างคุณค่าให้คนอื่นได้’

.

หนังสือที่เขียนโดยโค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์ หรือ The Money Coach ที่เรารู้จักกันมาอย่างยาวนาน

เส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงินอย่างแท้จริง เป็นหนังสือรวมบทความของโค้ชหนุ่ม ที่มักจะเขียนบทความดี ๆ ที่ตกผลึกเป็นบทเรียนจากการทำงานเป็น The Money Coach โพสต์ลงในเพจของตัวเองไว้เสมอ ๆ

เล่มนี้รวมไว้ 46 บทความ ในธีมเรื่องราวความคิดและวิธีการที่จะนำไปสู่อิสรภาพทางการเงิน

.

จริง ๆ เล่มนี้ออกมานานแล้ว แต่พออ่านคำนำของโค้ชหนุ่ม จึงได้รู้ว่ามีการปรับแก้เนื้อหา

เรียกว่าปรับมากกว่า 95% จน โค้ชหนุ่มบอกว่าเหมือนเขียนใหม่ทั้งเล่ม

.

หลังอ่านจบ ก็รู้สึกได้ถึงความสดใหม่ของเนื้อหา ไม่บอกก็ไม่รู้ว่าเขียนนานแล้ว

แต่ละบทความ ย่อยเป็นบทสั้น ๆ 3-4 หน้า อ่านแล้วได้ข้อคิดดี ๆ เอาไปใช้ต่อ

ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องความคิดและบทเรียน มากกว่าจะเป็นสูตรสำเร็จสู่อิสรภาพทางการเงิน

.

ความหนา 200 กว่าหน้านิด ๆ อ่านไม่นานก็จบแล้ว

.

6 บทเรียนสำคัญที่จะช่วยให้เราเดินทางสู่อสิรภาพทางการเงิน

ที่ได้จากหนังสือ เส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงินอย่างแท้จริง

.

1) ถ้าเราไม่ตัดสินใจเลือก โลกจะเป็นผู้กำหนดและเลือกเส้นทางชีวิตให้กับเราเอง

You are the result of your choice

ชีวิตคือผลของทางเลือกที่เราตัดสินใจ

แต่ถ้าเราตัดสินใจอะไรเลย สุดท้ายคนอื่นหรือปัจจัยอื่น ๆ ก็จะเลือกทางให้เราเอง

.

ในชีวิตจริง เราต้องเผชิญทางเลือกอยู่มากมาย เช่น จะลาออกมาทำธุรกิจดีมั้ย จะย้ายงานดีมั้ย จะกู้เงินมาลงทุนเพิ่มดีมั้ย

หลายครั้งเราอยากเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดให้ตัวเราเอง

แต่เราก็ไม่รู้ว่าเส้นทางไหนถึงจะดีที่สุด

.

ความจริงแล้วไม่มีใครรู้เลย

เราจึงทำได้เพียง ‘เปรียบเทียบทางเลือกที่มี ณ ปัจจุบัน แล้วเลือกทางที่ดีที่สุด’

ถ้าคิดว่าทางเลือกใหม่ดีกว่าทางเลือกปัจจุบัน ก็เปลี่ยนเลย

.

ถ้าได้เลือกแล้ว ก็จงทำมันให้ดีที่สุด และจงเรียนรู้ที่จะอยู่กับทางเลือกนั้นให้เป็น

และถ้าเกิดไม่ชอบขึ้นมา ก็ค่อยเปลี่ยนทางเลือกอีกครั้ง

พอเราตัดสินใจไปเรื่อย ๆ ชีวิตก็จะค่อย ๆ เกลาให้เราตัดสินใจเก่งขึ้นเอง

.

2) การลงทุนที่ดีที่สุดคือ การลงทุนที่ทำให้เรานอนหลับฝันดี

สำหรับโค้ชหนุ่มแล้ว อาจเป็นการยากที่จะหาคำตอบว่า ลงทุนในอะไรดีที่สุด

ระหว่าง อสังหาริมทรัพย์ หุ้น ธุรกิจ ทองคำ หรือเหรียญคริปโต

.

แต่การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดอาจเป็น ‘การลงทุนในตัวเอง’

ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 3 ด้านดังต่อไปนี้

.

1. การลงทุนในสุขภาพ

อาจไม่มีประโยชน์เลยถ้าเราหาเงินได้มาก แต่ไม่มีโอกาสได้ใช้

เช่น ถ้าเราสุขภาพเสียจนต้องนั่งรถเข็น ถึงจะมีเงินไปต่างประเทศได้ แต่ก็คงไม่สนุกเท่าไหร่

ดังนั้น เราควรหันกลับมาดูแลสุขภาพตัวเองตั้งแต่วันนี้

นอนหลับให้เพียงพอ กินอาหารให้ครบมื้อ ออกกำลังกาย 4- 5 ครั้งต่อสัปดาห์ ทำจิตใจให้ปลอดโปร่งอยู่เสมอ

.

2. การลงทุนในความคิดและจิตวิญญาณ

ลงทุนในความคิด จากการเปิดใจรับเรื่องใหม่ ๆ พูดคุยกับคนอื่นให้มาก หมั่นอ่านหนังสือเติมอาหารสมองอยู่เสมอ

ลงทุนในจิตวิญญาณ เพื่อเติมเต็มอารมณ์ตัวเองให้เป็นสุข หาเวลาพักผ่อน ปลีกวิเวก ใช้เวลากับครอบครัว รู้จักการปล่อยวางบ้าง

และลงทุนด้วยการแบ่งปันเพื่อทำให้จิตใจตัวเองเบ่งบาน

.

3. การลงทุนในความรู้

ลงทุนหาความรู้ในการใช้เครื่องมือการลงทุนชนิดต่าง ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนการลงทุนให้ดีมากขึ้น

.

3) ความสำเร็จ เกิดจากการลงมือทำอย่างชาญฉลาด หนักหน่วง และต่อเนื่อง

ในคณิตศาตร์แห่งความสำเร็จ โดยปกติแล้ว ช่วงแรก ๆ ของการทุ่มเทลงมือทำอะไรสักอย่าง

ผลตอบแทนมักจะออกมาต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก

อาจน้อยจนเราหมดพลังใจ เงินที่มีก็ร่อยหรอ แรงกายและความหวังที่เหลือก็กำลังจะหมดไป

.

แต่ถ้าเราผ่านจุดนี้มาได้ และยังทำอย่างต่อเนื่องต่อไป

เมื่อ ‘มวลโอกาส’ ได้วิ่งเข้ามาปะทะกับปัจจัยแห่งความสำเร็จที่สั่งสมไว้ ความสำเร็จของเราอาจพุ่งทะยานได้เป็นกราฟเอ็กโพเนนเชียล

หลายคนอาจมองว่าจุดการพุ่งทะยานนี้คือ ความโชคดีล้วน ๆ

แต่ความจริงแล้ว มันเกิดจากการสั่งสม ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ เครือข่ายสายสัมพันธ์ และอื่น ๆ อีกมากมาย

.

ถ้าใครยังไปไม่ถึงจุดพุ่งทะยาน ก็ขอให้อดทนต่อไป

และอยากให้ระลึกไว้เสมอว่า คนสำเร็จทุกคนก็มักต้องผ่านช่วงลงแรงหนัก แต่ความสำเร็จต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก่อน

.

4) ในช่วงอายุน้อย ให้เริ่มต้นทำธุรกิจ และใช้เครดิตลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

โมเดลความสำเร็จที่โค้ชหนุ่มแนะนำคือ การเริ่มต้นจากการทำธุรกิจที่มีกำไรสูง ๆ ก่อน

ธุรกิจเหล่านี้มักเป็นธุรกิจบริการ เพราะใช้การลงทุนในความรู้ความสามารถมากกว่าการลงทุนในเครื่องมือ

.

และเริ่มใช้เครดิตตัวเองที่มีลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ชิ้นเล็ก

โดยพยายามอย่าก่อหนี้บริโภคในวัย 20-30 ปี เป็นอันขาด

.

พอได้ถือครองอสังหาริมทรัพย์ชิ้นเล็ก ก็ค่อย ๆ เรียนรู้การลงทุน และเรียนรู้ทรัพย์สินชนิดนี้ไป

พอได้เงินมา ก็จงอดเปรี้ยวไว้กินหวาน และนำเงินไปลงทุนต่อในอสังหาริมทรัพย์ชิ้นใหญ่ขึ้น

หรือจะลงทุนในธุรกิจอื่นเพิ่มเติมก็ได้

ถ้ามีทีมงานก็อาจลองหาทางต่อยอดจากธุรกิจที่ทำอยู่

.

และถ้ามีเงินเก็บจากธุรกิจและอสังหาริมทรัพย์จำนวนหนึ่ง

ก็ค่อยเอาไปซื้อหุ้นหรือกองทุนรวมเก็บไว้

.

สิ่งสำคัญคือ การเขียนเป้าหมาย และวางกลยุท์การเรียนรู้ให้ชัดเจน

.

5) Passive Income ทำให้เราเหนื่อยทำงานหาเงินน้อยลง แต่ Active Income ช่วยให้เราเติมเต็มชีวิตและจิตวิญญาณ เพราะรู้ว่าความสามารถของตัวเองนำไปสร้างคุณค่าให้คนอื่นได้

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คำว่า Passive Income ถูกนำมาพูดกันอย่าหนาหูมาก

แต่หลายคนมีความเข้าใจผิดกับคำ ๆ นี้อยู่ 2 ประการใหญ่ ๆ

1. ถ้าสร้าง Passive Income จะไม่ต้องทำงานไปชั่วโคตร

เรื่องนี้แม้จะจริงบางส่วน แต่แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะไม่ต้องทำงานไปอีกตลอดชีวิต

เพราะไม่ว่าจะเป็น Passive Income ชนิดไหน เราก็มักต้องไปดูแลอยู่เสมอ

.

เช่น

- ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ เราก็จะต้องเข้าไปดูแลเวลามีคนย้ายเข้า-ย้ายออก หาผู้เช่าใหม่ คอยปรับปรุงอาคารทรัพย์สินให้เหมาะกับการปล่อยเช่าอยู่เสมอ หรือเวลามีปัญหาเรื่องจุกจิก เราในฐานะเจ้าของทรัพย์สินก็ต้องเข้าไปช่วยแก้ปัญหา

- ถ้าเป็นธุรกิจ แม้เราจะสร้างระบบ แล้วให้ลูกน้องเข้าไปดำเนินการ เราก็จังต้องเจียดเวลาเข้าไปเช็คความเรียบร้อย และคอยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว

- ถ้าเป็นหุ้นหรือกองทุน พอเวลาหุ้นตก เราก็ต้องวิเคราะห์หุ้นตัวใหม่ และดูจังหวะการซื้อขาย

- ถ้าเป็นลิขสิทธิ์ เราก็ยังต้องบริหาร เช่นลิขสิทธิ์หนังสือ ส่วนใหญ่จะอยู่กับสำนักพิมพ์ 3-5 ปี แล้วกลับมาเป็นของเรา ซึ่งเราก็ต้องนำไปบริหารต่อ

.

2. Passive Income ดีกว่า Active Income และรายได้จาก Active Income ไม่สามารถสร้างอิสรภาพทางการเงินได้

เรื่องนี้ต้องย้อนมาดูว่าคำว่าอิสรภาพทางการเงินหมายถึงอะไร

สำหรับโค้ชหนุ่ม คำนี้หมายถึงการได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ โดยไม่มีเงินมาเป็นเครื่องพันธนาการ

.

ดังนั้นสำหรับบางคน การได้ทำงานที่ตัวเองรักทุกวัน (Active) โดยได้รายได้เพียงพอ สุดท้ายก็นำมาซึ่งอิสรภาพทางการเงินได้เช่นกัน

.

ในกรณีของหลายคน การทำงานทั้งแบบ Active และ Passive จะช่วยเติมเต็มชีวิต และทำให้เราได้มีไลฟ์สไตล์ในแบบที่เราต้องการ

ดังนั้นไม่มีรายได้แบบไหนดีกว่า รายได้ที่เรามีล้วนเป็นเพียงเครื่องมือในการนำมาซึ่งชีวิตในแบบที่เราต้องการแค่นั้น

.

6) ลองจนกว่าจะเจอวิธีไปสู่ความมั่งคั่งที่เป็นเรา

เราจะรู้ว่าตัวเองเหมาะกับวิธีสร้างรายได้แบบไหน ไม่มีทางจะรู้ได้ด้วยการเล็ง

แต่เราต้องลองลงมือทำ

.

บางคนอาจเหมาะกับการถือหุ้นไว้ยาว ๆ แบบ Value Investor (VI) ในขณะที่บางคนอาจเหมาะกับสายเทคนิค ดูกราฟแล้วตัดสินใจ

สิ่งสำคัญคือ เราต้องหาสิ่งที่ตรงจริตกับเราให้เจอ

และมีเพียงวิธีเดียวที่จะรู้คือการลอง

.

แต่ต้องระวังเส้นบาง ๆ ที่กั้นไว้ ระหว่างการ ‘สิ่งที่ไม่ใช่เรา’ กับการ ‘เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ’

พวกที่ลองแล้วไม่ใช่ จะสามารถทำสิ่งที่ไม่ชอบได้อย่างอดทน มุมานะ พยายาม

แต่พวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อคือ คนที่ไม่อดทน ไม่พยายามกับอะไรทั้งสิ้นไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ

.

.

………………………………………………………………………………………..

ผู้เขียน: จักรพงษ์ เมษพันธุ์

จำนวนหน้า: 224 หน้า

สำนักพิมพ์: ซีเอ็ดยูเคชั่น

………………………………………………………………………………………..

.

สั่งซื้อหนังสือได้ที่

.

#หลังอ่าน #หนังสือควรอ่านก่อนอายุ30 #เส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงินอย่างแท้จริง



 
 
 

Comments


Post: Blog2_Post

Subscribe Form

Thanks for submitting!

+66865274864

©2018 by Langarnbooksreview.com. Proudly created with Wix.com

bottom of page