

รีวิว หมาน้อยสอนรวย
.
‘นิทานการเงิน ที่ควรให้ลูกอ่านตั้งแต่เด็ก’
.
น่าแปลกใจมากว่า ผมเพิ่งได้มาเจอหนังสือเล่มนี้ตอนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
และรู้สึกผิดหวังมากว่า น่าจะได้เล่มนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย
เพราะหมาน้อยสอนรวย เป็นการสอนเบสิคความเข้าใจด้านการเงินและการลงทุนที่เข้าใจง่ายมาก
พอทำออกมาในรูปแบบนิทานเล่มเล็ก ก็ยิ่งอ่านสนุก
แถมมีปมต่าง ๆ ให้ผู้อ่านอยากติดตามต่อตลอดเล่ม
.
หมาน้อยสอนรวยแปลจากภาษาเยอรมัน
ออกมากว่า 20 ปีแล้ว ทำให้บริบทในเรื่องอาจไม่ทันสมัยมาก
เช่น มีเรื่องหนังสือพิมพ์ มีทีวี
แล็ปท็อปก็ดูจะเป็นเรื่องใหม่มากในยุคนั้น
แต่บทเรียนจากหนังสือยังคลาสสิคและนำไปใช้ได้จริงแน่นอน
.
หนังสือหมาน้อยสอนรวย เป็นเรื่องราวของเด็กผู้หญิงวัย 12 ขวบ ชื่อ ‘คีรา’
ที่ชีวิตเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเมื่อได้เจอกับหมาลาบราดอร์สีขาวตัวหนึ่งโดยบังเอิญ
หมาลาบราดอร์น่าจะเกิดอุบัติเหตุพลัดหลงกับเจ้านาย และอาจโดนหมาตัวอื่นรุมกัด เลยมานอนอยู่ตรงพุ่มไม้หน้าบ้านคีรา
คีราตั้งชื่อให้เจ้าหมาตัวดังกล่าวว่า ‘มันนี่’
.
แล้วอยู่มาวันหนึ่ง คีราก็ค้นพบว่าหมามันนี่พูดได้ !
และใช้วิธีพูดโดยการส่งกระแสจิตเข้ามายังสมองของเธอโดยตรง
แต่มันนี่จะพูดเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับเงินเท่านั้น
และเรื่องนี้คือความลับเฉพาะของคีรากับมันนี่ จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด
.
นับตั้งแต่วันนั้นมาหมามันนี่ก็ค่อย ๆ เริ่มสอนเรื่องการเงินกับคีรา
เริ่มตั้งแต่การตั้งเป้าหมาย การค้นหาหนทางที่จะไปสู่เป้าหมาย การสร้างความเชื่อมั่นในตัวเอง
การเผชิญหน้ากับความกลัว
และที่สำคัญที่สุดคือการจดบันทึกความสำเร็จในทุก ๆ วัน
.
พอคีราค่อย ๆ เรียนรู้เรื่องการเงินไป
ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
มีโอกาสใหม่ ๆ และผู้คนหน้าใหม่เข้ามาหา
มีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้น
เหมือนคีราได้ออกไปผจญภัยทุกวัน
.
สุดท้ายชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปมาก
เธอกลายเด็กที่มีความรู้เรื่องเงินตั้งแต่อายุยังน้อย
มีคอนเนคชั่นเป็นผู้ใหญ่หลายคนที่เข้าใจเรื่องเงินเป็นอย่างดี
เริ่มเปิดธุรกิจ และเริ่มลงทุนตั้งแต่ยังเด็ก
.
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเล่มนี้เป็นนิทานสำหรับเด็ก
เนื้อเรื่องหลายอย่างอาจไม่สมจริงสักเท่าไหร่
หลายเรื่องดูจะลงเอยด้วยดีมากเกินกว่าโลกความเป็นจริง
และเนื้อหาเรื่องการเงินเองก็มีหลายส่วนที่ไม่ได้ตรงตามความเป็นจริงขนาดนั้น
.
เช่น ทั้งเรื่องคีราจะเจอแต่กับผู้ใหญ่ใจดี ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
เจอเพื่อนที่ดีที่คอยสนับสนุน
ในโลกความเป็นจริง ถ้าเธอเป็นคนพูดตรงไปตรงมาขนาดนี้ คงจะโดนหลายคนเอาเปรียบได้
.
หรือเรื่องการเงินที่คีราสามารถไปเปิดบัญชีเงินฝาก หรือเปิดบัญชีกองทุนได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
ไม่ต้องมีผู้ปกครองคอยช่วยเหลือ
และเรื่องอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ดูสูงเกินกว่าที่เราเห็นกันในโลกปัจจุบัน
ในหนังสือเขียนไว้ว่า 3% เท่าที่ผมเห็นตอนนี้ทุกธนาคารในไทยเราให้อยู่ไม่ถึง 1%
ผลตอบแทนการลงทุนในหุ้นและกองทุนก็ดูจะสูงเว่อร์ ๆ
หนังสือเขียนไว้ว่ากว่าปีละ 12-15%
ส่วนตัวเท่าที่รู้ แค่ประมาณปีละ 8-10% ก็หรูแล้ว
ยังไม่นับหุ้นที่ราคาดิ่งลงเหว แต่หนังสือแนะนำให้ถือไว้รอผ่านฤดูหนาวอีก
.
แต่นั่นก็เป็นเพียงข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าเทียบกับข้อคิดสอนใจดี ๆ จากหนังสือ
ที่ถ้ารู้แต่เด็กคือโชคดีมาก
แม้แต่โตแล้วก็ยังอ่านได้ หลายเรื่องเองก็อาจไม่เคยรู้มาก่อนเหมือนกัน
.
โดยสรุปแล้ว ส่วนตัวชอบหนังสือแบบนี้มาก
อ่านแล้วสบายใจดี
เป็นนิยายสั้น ๆ ที่แทรกการสอนแง่คิดเรื่องการเงินตลอดเรื่อง
อ่านจบแล้วก็อดเปรียบเทียบไม่ได้ว่า
ตอนเราอายุเท่าเด็กคีราในเรื่อง เราทำอะไรอยู่กันนี่ !
ยังไงแนะนำให้ลองอ่านกันนะครับ เรื่องไหนพอรู้อยู่แล้ว ก็ข้าม ๆ ไป
.
.
อยากหยิบ 7 เรื่องที่ชอบจากหนังสือ หมาน้อยสอนรวยมาแชร์กันครับ
1) เขียนเป้าหมายที่ต้องการ 10 ข้อ แล้ววงกลมเลือก 3 ข้อที่สำคัญที่สุด
ลองคิดว่าเราจะรวยไปเพื่ออะไร
เราต้องการเงินไปทำไม
ลองลิสต์เป้าหมายออกมาให้ได้ 10 อย่าง
แต่ให้วงกลมเพียงแค่ 3 อย่างที่เราต้องการมากที่สุด
เพราะจะทำให้เราโฟกัสอยู่กับสิ่งที่ต้องการได้
.
.
2) จงมองหา สิ่งที่เรารู้ สิ่งที่เรามี และสิ่งที่เราทำได้
หลายคนติดกับดักตรงนี้ เพราะชอบไปคิดถึงสิ่งที่ทำไม่ได้
แต่แท้จริงแล้ว เราควรโฟกัสไปที่สิ่งที่เรา ‘ทำได้’ มากกว่า
และพยายามเปลี่ยนสิ่งนั้นให้เป็นเงิน
.
เช่น ลูกพี่ลูกน้องของคีราที่ชอบขี่จักรยานอยู่แล้ว
เขาก็เลยอาสาขี่จักรยานส่งขนมปัง
.
หรือตัวคีราเองที่รักหมา ชอบดูแลหมา
สุดท้ายเธอก็เลยรับจ้างพาหมาไปเดิน สอนทริคต่าง ๆ ให้หมา เช่น การนั่งรอ การให้มือ เป็นต้น
.
สิ่งสำคัญอีกเรื่องคือ สิ่งที่เราทำต้องเป็นการแก้ปัญหาให้คนอื่น
เช่น คนอาจไม่อยากออกไปซื้อขนมปังด้วยตัวเอง เลยต้องหาเด็กส่งขนมปัง
หรือหลายคนที่ไม่มีเวลาดูแลหมาของตัวเอง เลยต้องการหาคนมาพาหมาไปเดิน
.
3) จดบันทึกความสำเร็จในทุก ๆ วัน
ลองมองหาเรื่องราวที่เราทำได้สำเร็จในแต่ละวัน
อาจเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ได้
แต่ให้จดบันทึกอย่างต่อเนื่องเรื่อย ๆ
.
พยายามจดให้ได้วันละ 5 เรื่อง
แม้ในวันที่สำเร็จแล้ว เราก็ยังควรจดบันทึกดังกล่าวอยู่
อย่าลืมตัว และหยุดเรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเอง
.
แท้จริงแล้ว การจดบันทึกความสำเร็จจะช่วยสร้างความมั่นใจในตัวเองได้
การมีความมั่นใจเป็นเรื่องสำคัญมาก
มีความมั่นใจมากเกินไป ยังดีกว่ามีความมั่นใจน้อยจนเกินไป
.
แล้วในวันที่รู้สึกกลัว ประหม่า จงหยิบบันทึกความสำเร็จของตัวเองมาอ่านบ่อย ๆ
.
.
4) กฎ 4 ข้อสำหรับคนมีหนี้สิน
กฎข้อที่ 1: ใครก็ตามที่มีหนี้สิน ต้องโยนบัตรเครดิตทิ้งไปให้หมด
กฎข้อที่ 2: ควรจะจ่ายหนี้คืนให้น้อยที่สุด เพราะถ้าต้องผ่อนสูง ก็จะยิ่งมีเงินใช้ต่อเดือนน้อยลง
กฎข้อที่ 3: จงออมเงินไว้ 50% และอีก 50% นำไปจ่ายหนี้อุปโภคบริโภค แต่ถ้าไม่ก่อหนี้อุปโภคบริโภคเลยจะดีที่สุด
กฎข้อที่ 4: ถามตัวเองชัด ๆ จำเป็นแน่หรือที่จะจ่ายเงินออกไป
.
.
5) แบ่งเงินใส่ห่านทองคำ
ห่านทองคำคือ ห่านที่ผลิตไข่ทองคำออกมาเรื่อย ๆ
เปรียบเหมือน เงินก้อนที่เอาไปลงทุน แล้วผลิตดอกเบี้ย เงินปันผล ค่าเช่า ค่าลิขสิทธิ์ หรือรายรับทางอื่น ๆ ออกมาให้เจ้าของห่านทุกเดือน
.
สิ่งสำคัญคือเราต้องสร้างห่านทองคำของตัวเอง
โดยเราควรแบ่งเงินเป็น
50% ใส่ในห่านทองคำ 40% เก็บไว้ในกระปุกความฝัน และ 10% ไว้ใช้จ่าย
.
.
6) ค่าแรงคิดเป็นครึ่งหนึ่งของรายได้ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งคือ การใช้ความคิดและกล้าที่จะทำความคิดนี้ให้เป็นจริง
ดังนั้นแล้ว เมื่อเราเปิดธุรกิจมา เราต้องหาผู้ช่วย
มาช่วยทำให้ธุรกิจมันเดินไปได้ โดยแบ่งรายได้บางส่วนให้ลูกจ้างเรา
.
.
7) สิ่งสำคัญ 3 ข้อในการลงทุน
ข้อที่ 1: ควรจะลงทุนเงินอย่างปลอดภัย
ข้อที่ 2: เงินที่ลงทุนควรจะออกไข่ทองคำให้ได้มาก ๆ
ข้อที่ 3: การลงทุนควรจะเข้าใจง่าย
.
.
.
.
……………………………………………………………………………………………………………
ผู้เขียน: โบโด เชฟเฟอร์
ผู้แปล: เจนจิรา เสรีโยธิน
สำนักพิมพ์: บี มีเดีย, สนพ.
จำนวนหน้า: 176 หน้า
แนวหนังสือ: การเงิน
……………………………………………………………………………………………………………
.
สั่งซื้อหนังสือได้ที่
.
.

Comments