สรุป 20 ข้อคิดดี ๆ เพื่อชีวิตที่มีความสุข
จากหนังสือ ทักษะความสุข
.
.
1. ความสุขอาจเป็น = สิ่งที่ได้รับในชีวิต – ความคาดหวัง
ใครลดเพดานความคาดหวังได้มากกว่า จึงสุขมากว่า
หลายครั้งเรามัวแต่ใส่ใจกับการเพิ่มตัวตั้ง (สิ่งที่ได้รับในชีวิต) มากเกินไป จนลืมไปว่าเราสามารถลดตัวหาร (ความคาดหวัง) ลงได้ และทำได้ง่ายกว่ามาก
เพราะสิ่งที่ชีวิตจะให้เราได้นั้นมีปัจจัยหลายอย่างที่อยู่นอกเหนือการควบคุม
ขณะที่ความคาดหวังของเรานั้นขึ้นกับเราล้วน ๆ
.
.
2. ความสุขอาจไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อเราได้รับสิ่งที่พิเศษ แต่เกิดขึ้นเมื่อเราพอใจในความธรรมดาของชีวิต
ความสุขคือการที่เรามองเห็นคุณค่า และรู้สึกขอบคุณกับสิ่งต่าง ๆ ที่เราได้รับมา
ไม่ว่าจะเป็น บ้าน รถ ข้าวของเครื่องใช้ การงาน เงินที่มี ครอบครัว เพื่อนฝูง และคนรัก
.
.
3. ถ้าเราไม่หวั่นไหวไปกับเสียงของคนอื่นที่คอยตัดสินเรา และหามุมลบมาติเราอยู่ตลอด เราอาจมีความสุขอยู่กับสิ่งที่เราเป็นอยู่แล้วก็เป็นได้
เพียงแต่เราต้องมองหาแง่มุมที่เราได้เฉิดฉายตัวเองออกมา
แง่มุมที่สวยงามในชีวิตเรา เพื่อให้ก้าวผ่านเงามืดที่คนอื่นสร้างไว้
วันที่เราสร้างสรรค์ตัวตนของเราขึ้นมา และรักในการเป็นตัวเองอย่างเต็มที่อาจเป็นวันที่เราได้เจอกับความสุขกับสิ่งที่เป็นอย่างแท้จริงก็เป็นได้
.
.
4. รู้จักให้อภัยคนอื่นเพื่อตัวเราเอง
เพราะถ้าเราคิดแต่จะแก้แค้น แม้จะทำสำเร็จ ใจเราก็จะไม่เป็นสุข เพราะเราคงจะพะว้าพะวังว่าจะโดนแก้แค้นคืนอีกทีเมื่อไหร่
แต่ถ้าเราให้อภัย เราจะได้ปลดโซ่ตรวนที่ผูกติดเราเอาไว้กับความโกรธเกลียดนั้น
เราจะภูมิใจกับตัวเอง และรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น
.
นอกจากนี้การให้อภัยยังทำให้เราวางใจ และไว้ใจคนอื่นมากขึ้น
สุดท้ายแล้วแม้มันจะยาก แต่ถ้าเราให้อภัยได้ เราจะมีความสุขมากขึ้นแน่นอน
.
.
5. มองหาความสุขจากโมเมนต์เล็ก ๆ ในปัจจุบันให้มากขึ้น เราจะพบเจอความสุขในแต่ละวันที่มากขึ้นเอง
คนเรามีสองตัวตนคือ “Experiencing self” และ “Remembering self”
ในขณะที่ตัวตน “Experiencing self” จะสัมผัสกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ตัวตน “Remembering self” จะคอยตีความ และมักคัดเลือกแต่ประสบการณ์ที่สุดโต่งเก็บไว้เป็นความทรงจำ
นี่คือสาเหตุที่เรามักจำได้แต่เรื่องราวที่สุดโต่ง ในขณะที่โมเมนต์ธรรมดาอื่น ๆ อีกมากมายถูกหลงลืมไป
.
แต่ถ้าเราเอาแต่มองหาประสบการณ์สุดโต่ง ชีวิตเราคงมีความสุขยาก เพราะไม่ใช่ว่าเราจะพบเจอประสบการณ์แบบนั้นได้ทุกวัน
ดังนั้นแล้วสิ่งที่เราควรทำมากกว่าคือการฝึกสัมผัสความสุขจากโมเมนต์เล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นได้ในทุก ๆ วัน
.
.
6. ค่อย ๆ ก้าวออกจากหลุมความคิดลบ ด้วยความวางใจในชีวิต
หลายคนที่จมทุกข์อยู่กับเรื่องแย่ ๆ ในชีวิตมักมีความคิดว่า วันหนึ่งจะมีเรื่องราวมหัศจรรย์ที่ทำให้ชีวิตตัวเองเปลี่ยนเลย
เช่น อ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้วชีวิตจะเปลี่ยน ได้เจอกับคนคิดบวกคนหนึ่งแล้วเราจะไม่คิดลบอีกเลย
เรื่องพวกนี้เป็นการเข้าใจผิด ชีวิตไม่ได้เปลี่ยนง่ายขนาดนั้น เราเองต้องค่อย ๆ เปลี่ยนมันทีละน้อย
ด้วยการค่อย ๆ ก้าวเดินออกจากหลุมความคิดลบด้วยการสะสมเรื่องราวดี ๆที่เกิดขึ้น เช่น ความสำเร็จเล็ก ๆ
และวางใจในชีวิตว่า เมื่อเราลองออกไปทำอะไรบางอย่างแล้ว ชีวิตจะจัดหาทางออกให้ โดยการพาเราไปเจอผู้คนใหม่ ๆ และเรื่องราวใหม่ ๆ เอง
.
.
7. ความลับสุดยอดของการเจอความสุขคือ “การอยู่ตรงนั้นเพื่อใครสักคน”
คนที่เอาแต่คิดว่าชีวิตจะให้อะไรกับเรา มีแต่จะบั่นทอนความสุขของตัวเองลงเรื่อย ๆ
เพราะยิ่งเราคิดถึงความสุขของตัวเองมากขึ้นเท่าไหร่ ความสุขก็จะยิ่่งหดตัวลดลง
ในขณะที่ถ้าเราคิดถึงความสุขของตัวเองน้อยลงเท่าไหร่ ความสุขที่มีกลับขยายใหญ่ขึ้น
.
ดังนั้นแล้วเราต้องเลิกคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลกใบนี้ และมองไปที่การมอบความสุขให้คนอื่นบ้าง
ตั้งใจให้ความสุขออกไป ตั้งใจอยู่จรงนั้นเพื่อใครสักคน โดยไม่หวังอะไรตอบแทนกลับมา
สุดท้ายแล้วเราอาจได้พบความสุขลึก ๆ ในใจกับความรู้สึกที่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่น
.
.
8. ขยายขนาดของหัวใจให้กว้าง เพื่อเปิดรับประสบการณ์บวกลบที่เข้ามาในชีวิต
ยิ่งเรามีขนาดหัวใจกว้างเท่าไหร่ เราจะยิ่งปรับตัวกับประสบการณ์ที่พบเจอได้
แม้จะเป็นเรื่องทุกข์ขนาดไหน แต่ถ้าเรามีหัวใจที่กว้างพอที่ีจะปรับให้เข้ากับความทุกข์นั้น ความทุกข์ใหญ่แค่ไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้
.
เหตุผลหลักที่เราควรจะปรับใจก็เพราะเราต้องเข้าใจว่าทั้งความสุขและความทุกข์ล้วนเป็นเรื่องชั่วคราวทั้งสิ้น
ผ่านมาและก็ผ่านไป การวิ่งหาความสุขอยูู่ตลอดเวลากลับจะกลายเป็นความทุกข์เสียมากกว่า
แต่ถ้าเราปรับตัวปรับใจให้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาได้ ชีวิตเราอาจจะเป็นสุขมากขึ้นก็เป็นได้
.
.
9. เข้าใจธรรมชาติของตัวเราเอง รู้ว่าเรามีพรสวรรค์อะไร เหมาะกับงานแบบไหน
เพราะถ้าเราได้ทำงานที่เหมาะสมกับธรรมชาติของเรา ชีวิตเราจะเป็นสุขมากกว่าการที่ทำสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเรา
ชีวิตที่เป็นสุขจึงอาจเป็นการที่ถ้าเราเกิดมาเป็นปลาแล้วได้ว่ายน้ำ แต่ถ้าเราเกิดมาเป็นนกแล้วได้โบยบิน
.
.
10. ความสุขจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าเรานั่งเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปบนยอดเขา
เพราะความสุขลึก ๆ ที่แท้จริงอาจเป็นความสุขที่เกิดจาก ความพอใจในความสำเร็จเมื่อพิชิตเป้าหมาย + ความหมายของประสบการณ์ที่ได้รับตลอดการเดินทาง
.
.
11. ชีวิตที่มีความหมาย คือชีวิตที่เราได้พบเจอดอกกุหลาบที่รักและผูกพัน
เหมือนดั่งที่เจ้าชายน้อยได้เปรียบดอกไม้ของตัวเองไว้ว่าไม่เหมือนดอกไม้ของใครที่ไหน
ถ้าเราข้ามพ้นตัวเอง มองออกไปหาผู้อื่นในโลกอันกว้างใหญ่นี้ เราอาจได้สร้างความผูกพันดี ๆ กับมากมาย
และเราอาจได้พบเจอความหมายของชีวิตที่มีแต่ความผูกพันดี ๆ เหล่านั้น
และชีวิตที่มีความหมายนี้เอง คือชีวิตที่มีความสุข
.
.
12. ชีวิตของทุก ๆ คนล้วนมีจุดอ่อนและข้อจำกัดของตัวเอง
ไม่ต่างอะไรกับซุปเปอร์ฮีโร่อย่างซุปเปอร์แมนที่แม้จะเก่งเพียงใด แต่ก็ยังแพ้ให้กับคริปโตไนท์
ดังนั้นแล้วสิ่งสำคัญจึงไม่ใช่การยอมศิโรราบให้กับข้อจำกัดนั้น แต่คือการไม่หยุดพยายามให้ชีวิตดีขึ้นภายใต้เงื่อนไขที่ถูกกำหนดไว้
ยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบของชีวิต และทำในส่วนที่ควบคุมได้ให้ดีที่สุด
.
การพยายามอย่างเต็มที่แล้วก็อาจเหมือนการที่เราเป็นฮีโร่ในชีวิตตัวเอง
และนั่นเป็นชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยความภูมิใจและความสุข
.
.
13. สิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าชีวิตจะพาเราไปที่จุดไหน แต่คือการที่ ณ จุดนั้นเราชอบตัวเองรึเปล่า
หลายครั้งเราอาจล้มเหลว ไม่สำเร็จดั่งที่ตั้งใจไว
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายถึงชีวิตที่ไร้ความหมาย ตราบใดที่เรายังชอบตัวเอง
.
หลายคนอาจถูกตัดสินจากคนอื่นว่าเป็นคนห่วยแตก
แต่ตราบใดที่เรารู้สึกดีกับตัวเอง เสียงเหล่านั้นก็ทำอะไรเราไม่ได้
.
และการที่เราจะชอบตัวเองได้นั้น ต้องเริ่มมากจากความภูมิใจในตัวเอง
ซึ่งจะให้เราภูมิใจในตัวเองได้นั้น เราต้องพยายามให้เต็มที่ในทุก ๆ ครั้ง
เพราะเราจะภูมิใจในความพยายามของตัวเอง และชอบตัวเองมากขึ้น
และคนที่ชอบตัวเองก็คือคนที่มีความสุข
.
.
14. อย่ากลัวที่จะตัดสินใจ เพราะผ่านไปอีก 20 ปีเราจะเสียใจกับสิ่งที่ไม่ได้ทำมากกว่าสิ่งที่ทำไปแล้ว
หลายครั้งความเสียใจของคนเรามักเกิดขึ้นกับสิ่งที่เราไม่ได้ลงมือทำในอดีต ทั้ง ๆ ที่เราเลือกทำสิ่งนั้นได้
นั่นอาจเป็นเพราะเราไม่กล้า
แต่ถ้าสุดท้ายเราไม่ได้ทำ เราจะคาใจ และความคาใจนั้นจะไม่มีที่สิ้นสุด
ในขณะที่ถ้าเราตัดสินใจทำสิ่งนั้นแล้วต้องพบกับความผิดหวัง
เมื่อเวลาผ่านไป เราก็จะมูฟออน แล้วหาเหตุผลดี ๆ มาอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตได้
.
ดังนั้นถ้าเป็นสิ่งที่เรามีโอกาสครั้งเดียว และการตัดสินใจนั้นไม่ได้เป็นการตัดสินใจที่ถ้าผิดพลาดขึ้นมาจะแก้ไขอะไรไม่ได้ จงกล้าที่จะทำ !!
.
.
15. เปลี่ยนคำถามจาก “มีมากแค่ไหนถึงจะพอ” เป็น “มีน้อยแค่ไหนถึงจะพอ”
ชีวิตของเราอาจเต็มไปด้วยสิ่งต่าง ๆ มากมายที่มีมากเกินไปจนรกรุงรัง และทำให้เรามองไม่เห็นคุณค่าที่แท้จริง
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เพียงสิ่งของ แต่หมายรวมถึงผู้คน
เมื่อเราตัดส่วนเกินของชีวิตออกแล้ว เราอาจค้นพบได้ว่า เรามีความสุขกับของน้อยชิ้น เพื่อนน้อยคน แต่ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นและมีคุณค่า
.
.
16. เพิ่มช่วงเวลาไครอสให้ชีวิต
โครนอส คือ เวลาที่ไหลไปเรื่อย ๆ เป็นนาที ชั่วโมง
ไครอส คือ เวลาที่วัดออกมาไม่ได้ด้วยตัวเลข แต่คือโมเมนต์หรือประสบการณ์ที่น่าจดจำของชีวิต เช่น มื้ออาหารมื้อหนึ่ง หรือ ช่วงเวลาที่ตกอยู่ในห้วงยามของความรัก
สิ่งสำคัญคือ ชีวิตเราอาจยึดติดกับเวลาแบบโครนอสมากเกินไป จนหลงลืมที่จะใช้เวลาแบบไครอส คือปล่อยให้ชีวิตได้รื่นรมย์ไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น เช่น การเพลิดเพลินไปกับการขี่จักรยานหลายกิโลเมตรไปจ่ายตลาด
ถ้าเรามีไครอสมากขึ้น เราอาจมองเห็นคุณภาพของเวลาที่ผ่านไปได้มากขึ้น และรู้สึกเต็มอิ่มกับชีวิตที่เป็นสุขมากขึ้นด้วย
.
.
17. นกสีฟ้าตัวนั้นอาจไม่มีจริง แต่เราอาจมีนกสีเหลืองอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด
นิทานที่ว่าด้วยการตามหา “นกสีฟ้า” ซึ่งจะเป็นนกที่ทำให้เราได้มีความสุขชั่วนิรันดร์ แต่แท้จริงแล้วแม้เราจะเดินตามหาไปทั่วโลกก็คงไม่อาจพบเจอนกตัวนั้น
แต่เมื่อเรากลับมาบ้าน เราอาจได้เจอ “นกสีเหลือง” ที่ร้องเพลงได้เพราะไม่แพ้กันอยู่ในบ้านของเราเอง
นกสีเหลืองเปรียบเหมือนความสุขของคนเราที่แตกต่างกันออกไป ไม่จำเป็นต้องเหมือนนกสีฟ้าสัญลักษณ์แห่งความสุขชั่วนิรันดร์ที่คนอื่นบอกไว้
เพราะคนเรามีเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ที่แตกต่างกัน
นกสีเหลืองอาจเป็น พ่อแม่ คนรัก มื้ออาหารแสนอร่อย สัตว์เลี้ยงแสนรัก งานเล็ก ๆ ที่เราทำ
เพียงแต่ว่าหลายครั้งมันธรรมดาสำหรับเราจนเรามักมองข้ามไป
.
.
18. คนที่มีความสุขคือคนที่ไม่ได้ต้องการความสมบูรณ์แบบจากชีวิต แต่คือคนที่ยอมรับในสิ่งที่ชีวิตให้มา และเล่นไพ่ที่อยู่ในมือให้ดีที่สุด
บางครั้งก็ไม่ใช่ทุกสิ่งที่ต้องซ่อมแซมให้สวยงามเสมอไป เพราะชีวิตคนเราก็มักจะมีความบุบ ๆ บี้ ๆ อยู่เสมอ
แต่ถ้าเรายอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบนี้ได้ แล้วนั่งรถบุบ ๆ บี้ ๆ ของเราไปอย่างมีความสุขจนกว่าสวนสนุกแห่งชีวิตเราจะปิดตัวลง เราก็อาจจะได้สร้างสรรค์ชีวิตตัวเองให้น่าจดจำและเป็นชีวิตที่มีความสุข
.
.
19. หากเราตระหนักว่า ความสำเร็จของเรานั้นเกิดจากตัวเองน้อยมาก เราจะไม่ด่วนตัดสินคนอื่นว่าเป็นคนไม่เอาไหน ไม่พยายาม แต่เป็นเพียงเพราะเขามีต้นทุนที่ต่างจากเรา
เรื่องนี้ยังสอนให้เราคิดถึงตัวเองน้อยลง และคิดถึงคนอื่นเพิ่มขึ้น
ถ้าเราเป็นคนที่โชคดีกว่า เราก็สามารถทำตัวเองเป็นปัจจัยช่วยคนอื่นให้โชคดีขึ้นได้
การแบ่งปันโชคออกไป จึงเป็นการเพิ่มทั้งความสุขให้ตัวเอง คนอื่น และสังคมโดยรวม
.
.
20. เปลี่ยนจากการ “เสพ” มาเป็นการ “สร้าง”
ลดการเสพโซเชียลมีเดียลง เพราะความสุขจากโซเชียลมีเดียวป็นความสุกที่เกิดขึ้นเพียงแปปเดียว ไม่นานก็จางหายไป
ต่างจากความสุขทีเกิดจากการสร้าง ที่ลึกซึ้งและยืนยาว
การสร้างนี้หมายรวมถึงการสร้างผลงานดี ๆ การสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และการสร้างความสุขในชีวิตทุก ๆ วัน
.
.
รีวิวสั้น ๆ หลังอ่าน
สุดยอดหนังสือในตำนานของนิ้วกลม ที่เรียกว่าน่าจะเป็นเล่มที่ผมชอบที่สุดตั้งแต่อ่านผลงานของนิ้วกลมมากว่าหลายสิบเล่ม
เล่มนี้เป็นเนื้อหาที่รวบรวมมาจาก Podcast ความสุขโดยสังเกตที่นิ้วกลมจัดกับ The Standard อยู่ช่วงหนึ่ง
ก่อนที่จะเปลี่ยนออกมาทำ Live และช่อง Youtube เป็นของตัวเอง
.
เนื้อหาในหนังสือเป็นการรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับความสุขที่อ่านแล้วหัวใจพองฟู และซาบซึ้งไปกับข้อคิดมากมาย ที่คมคายและบาดลึกไปสุดขั้วหัวใจ
สิ่งที่โดดเด่นของหนังสือเล่มนี้คือเรื่องราวที่นิ้วกลมนำมาเล่า หลายเรื่องล้วนเป็นเรื่องที่น่าประทับใจ และทำให้เราตระหนักถึงข้อคิดตกผลึกที่เขียนไว้ในท้ายบทมากขึ้น
.
บอกได้คำเดียวว่า ต้องไปอ่านเอง
เพราะอ่านแค่สรุปข้อคิด ก็อาจไม่อิน และจดจำได้ไม่ดีเท่าการอ่านเนื้อหาที่นิ้วกลมเรียบเรียงไว้อย่างดีในแต่ละตอน
หยิบมาอ่านปีละครั้ง เพื่อเตือนสติชีวิตตัวเองก็ยังได้
สุดท้ายขอย้ำอีกครั้งว่า ถ้าให้เลือกผลงานของนิ้วกลมมา 1 เล่ม สำหรับผมแล้ว เล่มนี้คือเล่มโปรดที่สุดครับ
.
.
พิกัดสั่งซื้อ: https://shope.ee/7pJonp85o1
.
.
................................................................................................................
ผู้เขียน: นิ้วกลม
จำนวนหน้า: 424 หน้า
สำนักพิมพ์: KOOB, สนพ.
เดือนปีที่พิมพ์: 2020
................................................................................................................
.
.
Comments