10 บทเรียนให้ชีวิตสู้ ๆ จากวิธีคิดแบบกัมบัตเตะ
จากหนังสือ กัมบัตเตะ! ล้มเจ็ดครั้ง ลุกแปดครั้ง
.
.
1. กัมบัตเตะ หมายถึง “ทำให้ดีที่สุด” “อย่ายอมแพ้” “ยืนหยัดเข้าไว้” “พยายามปรับปรุงแก้ไข” “บากบั่นอดทน”
ปกติคนญี่ปุ่นจะใช้เป็นคำอวยพรให้อีกคนที่เราพูดด้วย โชคดีในการสอบ โชคดีในการเดินทาง หรือโชคดีกับชีวิตใหม่
หรือแม้แต่ใช้เวลาบอกลาครอบครัวไปทำงาน หรือไปโรงเรียน
และยังใช้เป็นคำให้กำลังใจอีกฝ่ายให้สู้ ๆ เวลาเพื่อนจะไปแข่งกีฬา หรือประสบภัยพิบัติต่าง ๆ
.
.
2. กรอบความคิดแบบกัมบัตเตะ
กรอบความคิดแบบกัมบัตเตะเป็นเหมือนการผสมให้เราลงมือทำ อดทน และอย่ายอมแพ้
ตรงกันข้ามกับกรอบความคิดแบบเฉื่อยชาและผัดวันประกันพุ่ง
เช่น “ฉันจะเริ่มลงมือทำ แม้ไม่ค่อยอยากทำ”
“ถ้าฉันยังไม่ได้ลองพยายามดู ก็จะไม่รู้ว่าคุ้มค่าหรือไม่”
“ฉันจะเปลี่ยนวิธีจากสิ่งที่ได้เรียนรู้ และลองพยายามใหม่อีกครั้ง”
“ฉันจะทำให้ดีที่สุด เทพเจ้าแห่งความโชคดีจะอยู่ข้างฉัน”
“ความสำเร็จไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด แต่เป็นการได้เรียนรู้ระหว่างการเดินทาง”
.
.
3. ชีวิตมักมอบรางวัลให้ผู้อดทนรอคอย และลงโทษผู้ที่รีบร้อน
หลายครั้งในชีวิต เมื่อเราเจอปัญหา เรามักพยายามหาวิธีแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด
จนเป็นการบุ่มบ่ามทำไปให้เสร็จ ๆ และต้องมาหงุดหงิดท้อใจเมื่อเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา
บางครั้งนั่นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
หากแต่เราต้องอดทน แล้วค่อย ๆ พิจารณาสถานการณ์ เราอาจแก้ปัญหาได้ดีกว่านี้
เหมือนที่ อาจารย์มักสอนศิษย์เสมอว่า ให้ใจเย็น และอดทน คอยฟังสิ่งรอบตัวดี ๆ ก่อนตัดสินใจแก้ปัญหา
.
.
4. บางครั้งทางเลือกที่ดีที่สุดคือ การยอมแพ้ ไม่ใช่ดิ้นรนเอาชนะ
แพ้ คือ ชนะในหลายครั้ง
หากเพียงเรามองให้ไกลไปกว่าผลลัพธ์ ที่เกิดขึ้นในทันที
เช่น ถ้าเราเถียงแพ้ลูกบ้าง ลูกก็อาจมีความภูมิใจในตัวเองมากขึ้น
ถ้าเรายอมเสียผลประโยชน์ทางธุรกิจบ้าง เราก็อาจได้คู่ค้าที่สร้างสัมพันธ์กันในระยะยาว
ถ้าเรายอมให้คนรักเราชนะบ้าง เราก็อาจได้ความสัมพันธ์อันดีในระยะยาว
ถ้าเรายอมทิ้งไอเดียตัวเองบ้าง เราก็อาจได้พันธมิตรมาช่วยงานเพิ่มขึ้น
.
ดังนั้นจงลดอัตตา และการอยากเอาชนะของตัวเองลง
.
.
5. กฎกัมบัตเตะ 10 ข้อของนักธุรกิจ
1) ลงมือทำเดี๋ยวนี้ อย่ารอพรุ่งนี้ !
2) แม้ไม่มีประสบการณ์ก็จงลงมือทำ ค่อย ๆ เรียนรู้ไป
3) มองความผิดพลาดให้เป็นการเรียนรู้
4) จงแน่วแน่ แต่ยืดหยุ่น ถ้าทำแล้วไม่เวิร์ค ก็ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์
5) ตั้งเป้าว่าจะทำให้ได้ดีที่สุด
6) แวดล้อมด้วยคนที่มีวิสัยทัศน์แบบเดียวกัน
7) แม้ประสบความสำเร็จแล้ว ก็จงอย่าหยุดเรียนรู้
8) อดทนรอคอย
9) ให้โลกเห็นผลงาน อย่าอาย แต่จงโอบรับคำติชม
10) หมั่นฟังเสียงหัวใจตัวเอง เราย่อมรู้จักงานของเราดีกว่าใคร
.
.
6. กัมบัตเตะ กับ วะบิ ซะบิ
แนวคิด วะบิ ซะบิ คือแนวคิดที่เลียนธรรมชาติในระดับที่ว่า
ไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์แบบ
ไม่มีสิ่งใดครบถ้วน
ไม่มีสิ่งใดคงทนถาวร
เมื่อนำไปรวมกับแนวคิดกัมบัตเตะจึงหมายถึง การที่เราต้องเคลื่อนที่ไปข้างหน้า และโอบรับความเปลี่ยนแปลง
อย่าอยู่เฉยๆ และนิ่งนอนใจไปกับความขี้เกียจ เพราะเราทุกคนล้วนต้องเปลี่ยนแปลง
เราจะค่อยเติบโตไปเรื่อย ๆ และเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ ๆ ตามแนวคิดกัมบัตเตะ
ไม่มีวันที่เราจะสมบูรณ์แบบและหยุดเติบโต ทั้งแนวคิด วะบิ ซะบิ และกัมบัตเตะจึงใช้ได้ตลอดชีวิต
.
.
7. กัมบัตเตะ กับกฎแรงดึงดูด
กฎแรงดึงดูดฉบับญี่ปุ่น ปรากฎขึ้นในเรื่องราวของ มาเนกิ เนโกะ (แมวกวัก)
ที่พ่อค้าแม่ค้ามักจะนำมาตั้งอยู่หน้าร้านเพื่อเรียกลูกค้า
กฎนี้มีจะทำงานตาม 4 ขั้นตอนสำคัญคือ
1) ค้นให้พบว่าตัวเองต้องการอะไร และขอสิ่งนั้นจากจักรวาล
2) จดจ่อความคิดไปกับสิ่งที่ปราถนา
3) ประพฤติราวกับเราได้รับสิ่งนั้นแล้ว
4) เปิดใจเพื่อรับสิ่งนั้น
.
ตามหลักการของมาเนกิ เนโกะแล้ว เราต้องเริ่มจากการเปิดใจที่จะรับก่อน
จากนั้นก็ต้องทำซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้รับสิ่งนั้น ซึ่งเรื่องนี้เองที่สอดคล้องกับ กัมบัตเตะ
เพราะถ้าเรากล้าขอ และร้องเรียกซ้ำ ๆ อย่างต่อเนื่อง สุดท้าย เราก็จะได้รับสิ่งนั้นเอง
.
.
8. หลักการ “ชูฮาริ” เพื่อเป็นสุดยอดผู้ชำนาญการ
หลักการชุฮาริ มาจากการฝึกศิลปะป้องกันตัว พิธีชงชา และการเรียนรู้ศิลปะอื่น ๆ
เป็นหลักสำคัญตามแนวคิดกัมบัตเตะที่ศิษย์จะเรียนรู้ได้จากอาจารย์ และสร้างตัวเองขึ้นเป็นผู้ชำนาญการ
หลักสำคัญของชูฮาริคือ
1) ชู: เข้าใจพื้นฐานของศาสตร์และศิลป์ เราต้องเริ่มจากการเชื่อฟังอาจารย์ เพื่อรู้ถึงธรรมเนียมแบบแผนและนำไปต่อยอดทีหลัง
2) ฮา: เริ่มออกสำรวจว่าเราจะเบี่ยงเบนออกจากพื้นฐานที่เราเรียนรู้มาได้อย่างไรบ้าง
พยายามตั้งคำถามกับพื้นฐานเหล่านั้น
3) ริ: คือการก้าวขึ้นไปให้เหนือกว่าเดิม เริ่มเป็นตัวของตัวเองและทำในแบบที่คนอื่นไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งจะต้องอาศัยการหลอมรวมของศาสตร์และศิลป์ขั้นสูง
.
การเรียนรู้ศาสตร์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะหรือดนตรี เราต้องเริ่มมาจาก การทำพื้นฐานให้แน่นก่อน ถึงจะต่อยอดได้
ศิษย์หลายคนมักอยากข้ามขั้นไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเร็ว ๆ
ซึ่งตรงนี้ต้องนำแนวคิด กัมบัตเตะ หรือการอดทนรอคอย และการต้านไม่ให้ตัวเองก้าวเร็วเกินไปเข้ามาใช้
เพราะเราจะเรียนรู้และก้าวขึ้นมาเป็นผู้เชี่ยวชาญได้เมื่ออยู่ในสภาวะไหลลื่น (Flow)
ซึ่งถ้าเราก้าวเร็วเกินไป โดยพื้นฐานไม่แน่น เราจะไม่สามารถเข้าไปในสภาวะไหลลื่นได้
.
.
9. ปรัชญาสโตอิกและกัมบัตเตะ
พื้นฐานสำคัญของปรัชญาสโตอิกคือ การยอมรับสิ่งต่าง ๆ ตามแบบที่มันเป็น โดยไม่ปล่อยให้ตัวเองเอนเอียงไปตามอารมณ์ และความปราถนา
ปรัชญาสโตอิกและแนวคิดกัมบัตเตะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เราก้าวข้ามสิ่งกีดขวางและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เจอได้ดังนี้
1) สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้น และรู้สึกถึงหัวใจของตัวเองในแต่ละช่วงเวลา
ระวังอย่าให้อารมณ์ด้านลบมาควบคุมการตัดสินใจ
2) หากเจอโชคร้าย หรืออุปสรรค ให้เอาหลักกัมบัตเตะมาใช้
อย่ายอมแพ้ต่ออุปสรรค แต่จงหาวิธีก้าวเดินต่อไป
3) ถ้าปัญหานั้นควบคุมได้ ก็ให้ กัมบัตเตะ ! ต่อไป
แต่ถ้าเป็นปัญหาที่ควบคุมไม่ได้ เราก็ควรเลิกกังวลได้แล้ว
.
.
10. กฎกัมบัตเตะ 10 ข้อเพื่อความรักที่ยืนยาว
1) ไตร่ตรองให้ดี ๆ ก่อนจะเลือกคู่ และผูกมัดชีวิตกับใคร
2) รักด้วยวิถีไคเซ็น ค่อย ๆ รัก แต่มั่นคงและยั่งยืนเหมือนการวิ่งมาราธอน
3) อย่าชะล้าใจ แม้จะเป็นแฟนกันแล้ว แต่เราต้องพยายามเหมือนเดิมในทุก ๆ วัน
4) ระวังคำพูดของตัวเอง เพราะอาจทำให้เรื่องบานปลายได้
5) ระลึกไว้เสมอว่าอะไรนำพาเรา 2 คนมาคู่กัน
6) ยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบของอีกฝ่าย
7) สร้างแผนการใหม่ ๆ อยู่เสมอ
8) เคารพพื้นที่ส่วนตัวของอีกฝ่าย
9) ชื่นชมอีกฝ่ายอยู่เสมอ ๆ ไม่ว่าจะเรื่องความสำเร็จ หรือเรื่องเล็ก ๆ ใด ๆ ก็ตาม
10) หมั่นหัวเราะด้วยกัน แม้จะเป็นเรื่องชวนเศร้า แต่เมื่อผ่านกาลเวลาไป ก็มักจะทำให้ขำได้เสมอ
.
.
รีวิวสั้น ๆ หลังอ่าน
หนังสือเสนอแนวคิดญี่ปุ่นที่อ่านสนุกมาก
กัมบัตเตะสามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกเรื่องจริง ๆ
และเป็นหลักสำคัญที่ทำให้เราสร้างชีวิตตามใจปรารถนาได้ในระยะยาว
ใครชอบอ่านแนวคิดญี่ปุ่น เล่มนี้พลาดไม่ได้ครับ
.
.
…………………………………………………………………………….
ผู้เขียน: โนบูโอะ ซูซูกิ
ผู้แปล: เขมลักษณ์ ดีประวัติ
จำนวนหน้า: 184 หน้า
สำนักพิมพ์: อมรินทร์ How To, สนพ.
เดือนปีที่พิมพ์: 3/2022
ชื่อเรื่องต้นฉบับ: Ganbatte!
…………………………………………………………………………….
.
.
สั่งซื้อหนังสือได้ที่
.
.
Commenti