top of page
  • Writer's pictureหลังอ่าน: รีวิวหนังสือ

รีวิว Wink: มั่งคั่งมากกว่าที่ตาเห็น



15 ข้อคิดสำคัญต้องจด จากหนังสือ Wink: มั่งคั่งมากกว่าที่ตาเห็น

.

.

1) คิดไว้ จดไว้ ลงมือทำ ทบทวน

เราต้องหมั่นคิดวิเคราะห์สถานการณ์

ถ้าเกิดได้รับข้อมูลดี ๆ หรือมีไอเดียใหม่ ๆ ก็หาสมุดจดไว้จะได้ไม่ลืม

และที่สำคัญเราต้องลงมือทำในสิ่งที่เราจดไว้ด้วย

เพราะการไม่ลงมือทำ ก็เท่ากับการไม่ได้คิดอะไรเลยนั่นเอง

.

.

2) จงเริ่มจากการมีวิสัยทัศน์

ถ้าเราเป็นในสิ่งที่เราเป็นให้ดีขึ้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

เช่น ถ้าเราเป็นวิศวกร เราก็อาจกำหนดวิสัยทัศน์ของเราให้เป็นวิศวกรที่ดีขึ้น

แล้วสิ่งเหล่านั้นจะนำมาซึ่ง จุดมุ่งหมาย และความชัดเจน ในสิ่งที่เราต้องทำ

.

.

3) เลือกระดับที่ต้องการเล่นให้เหมาะสม

ระดับการสื่อสารมีแตกต่างกันอยู่ 4 ระดับ

ระดับที่ 1: แลกเปลี่ยน

เป็นการบ่นและการพูดคุยสัพเพเหระ ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร

.

ระดับที่ 2: ติดต่อ

เป็นการพูดคุยที่สร้างคุณค่า และทำให้เกิดสายสัมพันธ์อันดีต่อกันและกัน

.

ระดับที่ 3: กระตุ้นให้ลงมือทำ

เป็นการดึงคนอื่นมามีส่วนร่วมในการสร้างจุดมุ่งหมายของตัวเองด้วย ถ้าสื่อสารระดับนี้จะทำให้เกิดแรงขับเคลื่อนไปข้างหน้า

.

ระดับที่ 4: สร้างแรงบันดาลใจ

เป็นระดับของผู้นำ ที่สื่อสารจนเกิดแรงบันดาลใจให้คนอื่นเลือกเดินไปสู่ความมั่งคั่งด้วยกันทั้งหมด

.

ถ้าเราอยากเป็นผู้นำและประสบความสำเร็จ เราต้องเลือกระดับการสื่อสารของเราให้เหมาะสม

.

.

4) จงถาม แล้วเราจะได้รับ

หลายสิ่งหลายอย่างจะได้มาก็ต่อเมื่อ เราเอ่ยปากถาม

ถ้าเราไม่พูด ไม่ปริปากในสถานการณ์ที่จำเป็น เราก็อาจพลาดสิ่งสำคัญไปได้

.

.

5) ลงทุน “เงิน” และ “เวลา” ให้มากขึ้น ใช้มันให้น้อยลง

สิ่งที่แตกต่างกันคือ เมื่อเรา “ลงทุน” เงินและเวลาไปกับสิ่งใดก็ตาม เราจะได้สร้างอะไรสักอย่างขึ้นมา

แต่ถ้าเราเอาแต่ “ใช้” เงินและเวลาไปกับสิ่งไม่มีประโยชน์ สุดท้ายผ่านไปทั้งสัปดาห์ เราก็อาจไม่ได้สร้างอะไรขึ้นมาเลย

.

.

6) บ่อน้ำแห่งความมั่งคั่งอาจอยู่ที่ “คำพูด” ของเราเอง

ถ้าเราเลือกถาม “คำถาม” ที่ดีขึ้น เราก็อาจเปิดตัวเองไปสู่โอกาสแห่งความมั่งคั่งที่มากขึ้น

.

.

7) ความปรารถนาอันแรงกล้า จะเป็นเข็มทิศนำทางชีวิตเรา

จงมองหาความปรารถนาอันแรงกล้าของตัวเองให้เจอ

.

.

8) รู้แต่ไม่ทำ มีค่าเท่ากับไม่รู้

ถ้าเราเอาแต่อ่านตำรา ท่องหนังสือ แต่ไม่เคยลงมือทำจริง ก็คงไม่เกิดผลอะไรขึ้นมา

แม้เราจะรู้กลยุทธ์การทำธุรกิจมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่เคยลองนำมาใช้ เราก็ไม่มีทางจะทำธุรกิจสำเร็จได้

.

.

9) จงสร้าง “คุณค่า” เพราะมันเปรียบเหมือนแม่น้ำพัดพาความมั่งคั่งให้หลั่งไหลเข้ามา

คุณค่าที่ว่านี้รวมถึงคุณค่าในผลิตภัณฑ์ที่ขาย คุณค่าในบริการ คุณค่าที่เราสร้างให้กับลูกน้อง เป็นต้น

.

.

10) จงมองให้เห็นไม้จากต้นไม้

ซึ่งหมายความถึงการพยายามมองให้เห็นโอกาสที่มักมีอยู่ทุกที่

.

.

11) ความมั่งคั่งที่ยั่งยืนเป็นไปตามจังหวะ ทำเต็มที่ พักเต็มที่

ตอนที่โอกาสกำลังเข้ามากำลังมา นับเป็นจังหวะเวลาของเรา เราก็ต้องอุทิศตัวเราอย่างเต็มที่

แต่พอถึงเวลาที่เราควรพัก เราก็ควรพักผ่อนให้เต็มที่เช่นกัน

.

เช่น อย่าลงมือทำแค่สเกล 6 แล้วพักที่สเกล 6

แต่ให้ลงมือทำที่สเกล 20 แล้วพักผ่อนให้เต็มที่ที่สเกล 20

.

.

12) สิ่งสำคัญคือการรู้ว่าควรลงมือทำเมื่อไหร่

นั่นหมายถึงเราต้องรู้จักรอให้ถึงจังหวะเวลาของเรา

อาจมีหลายครั้งที่ไอเดียธุรกิจของเราดีมาก แต่ก็ไม่มีใครสนใจ เพียงเพราะยังไม่ใช่จังหวะเวลาที่ถูกต้อง

.

13) เมื่อเราเริ่มสั่นพ้องไปตามจังหวะและโอกาสที่เข้ามา ความมั่งคั่งจะเริ่มพอกพูล

เพราะตัวเราจะเริ่มดึงดูดสิ่งต่าง ๆ ที่สำคัญเข้าหาตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ

.

.

14) สิ่งแวดล้อมรอบตัวคือสนามเด็กเล่น

ที่จะกำหนดระดับความมั่งคั่งของเรา

การเลือกคนที่จะอยู่ด้วย รวมถึงสถานที่ในการเบิกบานจึงสำคัญมาก

.

.

15) ตัวเราคือผลลัพธ์จากการเลือกของเราเอง

.

.

รีวิวสั้น ๆ

หนังสือนิทานสอนการเงินคลาสสิคจาก โรเจอร์ แฮมิลตัน

ดำเนินเรื่องโดยเด็กชายคนหนึ่งอายุ 9 ขวบ เป็นลูกช่างไม้ และอยู่กับพ่อ 2 คน

พ่อเด็กชายเป็นคนทำงานหนักมาก แต่ไม่เคยมีเงินเก็บเลย สุดท้ายสุขภาพเขาก็เสีย

แล้วนอนซมอยู่ที่บ้าน ทำงานหนักแบบเดิมไม่ได้อีกต่อไป

เด็กชายจึงเริ่มออกตามหาวิธีที่จะทำให้เขาและพ่อมีความมั่งคั่ง

.

ตลอดเล่ม เด็กชายเดินทางไปเจอผู้คนจากหลากหลายอาชีพ

ตั้งแต่ช่างตัดแว่น ช่างประปา คนจัดสวน คนหาปลา คนพายเรือ จนไปถึง ผู้จัดการรีสอร์ท

ทุกคนล้วนมีความมั่งคั่งในด้านการเงิน และต่างให้บทเรียนแก่เด็กน้อยตลอดการเดินทาง

.

เมื่ออ่านจบอาจรู้สึกว่า เนื้อหาในแบบนิทานนั้นอ่านง่าย สนุก แปป ๆ ก็จบ

แต่ความจริงแล้ว เนื้อหาอาจต้องอาศัยการตีความที่ลึกไปกว่านั้น

เล่มนี้จึงอาจต้องหยิบมาอ่านหลายรอบ ถึงจะเข้าใจแก่นแท้ที่หนังสืออยากจะสื่อสาร

.

ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 30

และได้มีอิสรภาพทางการเงินตอนอายุ 30

ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่หลายธุรกิจ

และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำสิ่งที่เขาปรารถนาอย่างแรงกล้า คือการให้คำปรึกษาและสร้างแรงกระตุ้นให้ผู้คน

.

ส่วนตัวคิดว่า เป็นเล่มที่สามารถอ่านเพลิน ๆ เพื่อกระตุกแนวคิดทางการเงินได้

แต่จะให้ดีกว่านั้น อาจต้องอ่านหลาย ๆ รอบ

เพราะเมื่อเราออกไปเจอสถานการณ์ในชีวิตที่แตกต่างกัน มุมมองต่อเรื่องราวในหนังสือก็อาจเปลี่ยนไป

.

.

...................................................................................................

ผู้เขียน: โรเจอร์ แฮมิลตัน

ผู้แปล: จักรพงษ์ เมษพันธุ์

จำนวนหน้า: 136 หน้า

สำนักพิมพ์ : ลีฟ ริช ฟอร์เอฟเวอร์, บจก.

เดือนปีที่พิมพ์: 2018

...................................................................................................

.

.

สั่งซื้อหนังสือได้ที่

https://bit.ly/3FNQp9e

.

.

#หลังอ่าน #หนังสือควรอ่านก่อนอายุ30 #Winkมั่งคั่งมากกว่าที่ตาเห็น



279 views0 comments
Post: Blog2_Post
bottom of page