15 บทเรียนหลังอ่านชีวิตไม่ไร้ความหมาย
Man's Search for Meaning
.
.
1. อาจไม่มีฝันใดที่เลวร้ายไปกว่าความเป็นจริงอันแสนหดหู่ในค่ายนาซีอีกแล้ว
ถึงขนาดที่ว่าปล่อยให้เพื่อนนอนหลับฝันร้าย ทุกข์ทรมานต่อไปอีกสักนิด ยังดีกว่าตื่นขึ้นมาเผชิญความเป็นจริงที่โหดร้ายยิ่งกว่า
.
.
2. เมื่ออยู่ในสภาวะที่หมดสิ้นแล้วทุกอย่าง สิ่งที่ยังทำให้มนุษย์คนนึงรอดพ้นสภาวะเหล่านั้นมาได้อาจเป็นอาณุภาพแห่งความรัก
การได้นึกถึงหน้าคนรัก อาจทำให้คน ๆ หนึ่งหลุดพ้นจากสภาวะที่เป็นทุกข์ในปัจจุบัน แล้วเข้าไปหลับฝันในห้วงแห่งความรักสักครู่นึง
.
.
3. ในช่วงที่จิตวิญญาณของเราแห้งแล้งจากความลำบากยากแค้น และความว่างเปล่า จินตนาการของเราอาจจะโลดแล่นไปสุู่เหตุการณ์ในอดีตที่เป็นความทรงจำที่ดี ที่อาจไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
เป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่เราจะนึกภาพเหตุการณ์เหล่านั้นได้ในทุกรายละเอียด และทราบซึ้งไปกับมันจนน้ำตาไหลพรากได้
.
.
4. เคล็ดลับอย่างหนึ่ึงในการดำรงชีวิต คือการพยายามสร้างอารมณ์ขันและมองสิ่งรอบตัวให้เป็นเรื่องน่าขัน
แม้ชีวิตจะหดหู่สักเพียงใด แต่ถ้าเราสามารถสร้างเรื่องขำขันจากสิ่งนั้นได้ โดยอาจนึกภาพไปยังอนาคต เราก็อาจหลุดพ้นจากความทุกข์ได้ชั่วคราว
.
.
5. เมื่อเราตกอยู่ในสภาวะนักโทษที่อับจนหนทาง นักโทษหลายคนอาจกลายเป็นคนที่รอคอยแต่โชคชะตาให้คอยช่วยเหลือ
โดยไม่ตัดสินใจทำอะไรเลย เพราะกลัวจะไปทำให้โชคชะตาตัวเองแย่ลง
แต่ความจริงแล้ว พวกเขาควรเป็นคนกำหนดชะตาตัวเองบ้าง แม้จะมีความเสี่ยง แต่ถ้าเดิมพันชนะ มันก็คุ้ม นี่เป็นเรื่องสำคัญในตอนที่พวกเขาต้องตัดสินใจหนีออกจากค่ายกักกัน
.
.
6. สิ่งที่กดชีวิตนักโทษในค่ายกักกันลงไปมากกว่าสภาพร่างกายที่ผอมโทรม ก็คือการด้อยค่านักโทษ
ที่จากการที่เคยเป็นคนสำคัญ กลายเป็นคนที่แทบไม่มีตัวตนอยู่เลย
.
.
7. แม้จะถูกลิดรอนทางเลือกทั้งหมดที่มีหลังจากมาอยู่ในค่ายกักกัน
นักโทษแต่ละคนยังคงมีทางเลือกที่สำคัญของตัวเองในแต่ละวันอยู่นั่นก็คือ
พวกเขาจะยอมให้ถูกลิดรอนตัวตน และเสรีภาพภายในจิตใจไปด้วยหรือไม่
ถ้าใจแข็งพอ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็คงไม่มีใครเอาสิ่งนี้ไปจากพวกเขาได้
.
.
8. ความทุกข์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไม่ต่างอะไรกับชะตากรรมและความตาย
สิ่งสำคัญคือเราต้องค้นหาความหมายจากความทุกข์ให้ได้
แม้จะตกอยู่ในสภาพการณ์ที่แสนลำเค็ญ แต่การค้นหาความหมายของความทุกข์จนเจอก็อาจทำให้เราค้นพบความลุ่มลึกของชีวิตได้มากขึ้น
.
.
9. ความหมายของชีวิตคนเราย่อมแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงเวลา
จึงยากที่จะหาประโยคสั้น ๆ มานิยามความหมายของชีวิตอย่างครอบคลุมได้
และยากที่จะนำความหมายของชีวิตของคนแต่ละคนมาเปรียบเทียบกัน
เพราะต่างคนต่างมีภารกิจชีวิตที่แตกต่างกัน และสร้างโชคชะตาที่เป็นของตัวเอง
สถานการณ์หนึ่ง ๆ ที่เกิดจากการเลือกตอบสนองต่อโชคชะตาแบบหนึ่งอาจนำไปซึ่งความหมายแบบหนึ่ง
ซึ่งตอบไม่ได้ว่าดีกว่า หรือแย่กว่าการตอบสนองอีกแบบ
และการตอบสนองต่อเหตุการณ์หนึ่ง ๆ นั้นก็อาจมีคำตอบที่ถูกต้องมากมายหลายแบบจนไม่อาจนำมาเทียบอะไรกันได้
.
.
10. เมื่อคนเราตระหนักได้ว่า ไม่มีใครมาแทนเราได้ เนื่องด้วยภารกิจชีวิต และความหมายของชีวิตที่แตกต่างกันออกไปทุกคน
เราก็อาจมีความรับผิดชอบที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ และไม่โยนชีวิตทิ้งไปง่าย ๆ
.
.
11. ไม่ว่าจะอยู่ในสถาการณ์ใดก็ตาม ชีวิตของมนุษย์ไม่เคยไร้ความหมาย
รวมถึงสถานการณ์นอนรอความตายอย่างเจ็บปวดก็ตาม
เราสามารถมองสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างให้มีความหมายได้เสมอ
.
.
12. ไม่มีเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่บริสุทธิ์โดยสมบูรณ์ มนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ล้วนมีดีเลวปะปนกันไป
เพราะทั้งสองด้านมีเพียงเส้นแบ่งบาง ๆ ขางกั้นอยู่
แม้ในค่ายกักกัน ชาวยิวด้วยกันก็อาจทำเลวใส่กันได้
หรือทหารในค่ายกักกันก็มีคนที่มีน้ำใจต่อนักโทษด้วยเหมือนกัน
.
.
13. มนุษย์ไม่ควรจะถามคำถามกับชีวิตว่า ความหมายของชีวิตเขาคืออะไร
แต่ต้องตระหนักว่าตัวเขาเองต่างหากที่ถูก “ชีวิตตั้งคำถาม”
และเขาทำได้เพียงแสวงหาคำตอบนั้นให้ชีวิตอย่างมีความรับผิดชอบ
เพราะเขาเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่หาคำตอบให้คำถามของชีวิตตัวเองได้
.
.
14. หลายครั้งเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้ เราทำได้เพียงเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อโชคชะตานั้น ๆ
เช่น ชายคนหนึ่งที่ต้องสูญเสียภรรยาอันเป็นที่รัก
เขามองไม่เห็นความหมายในความทุกข์ครั้งนี้ของเขา
แต่แท้จริงแล้ว ความหมายที่ซ่อนอยู่ในเรื่องนี้อาจเป็นความหมายแห่งการเสียสละ
เพราะถ้าเขาตายก่อนภรรยา คนที่มานั่งทนทุกข์กับการสูญเสีย แทนที่จะเป็นตัวเขา ก็กลับมาเป็นภรรยาของเขาแทน
.
.
15. ที่่จริงแล้วเราอาจไม่จำเป็นต้องหาความหมายเลย
แต่ถ้าเราต้องการจะหา เราจะสามารถหาความหมายได้จากทุกอย่าง แม้จะอยู่ในสภาพที่เป็นทุกข์แค่ไหนก็ตาม
.
.
รีวิวสั้น ๆ หลังอ่าน
Man’s search for meaning เป็นหนังสือคลาสสิคที่ถูกอ้างอิงบ่อยที่สุดเล่มหนึ่งที่ผมเคยอ่านมา
หนังสือเขียนโดย วิคเตอร์ อี. ฟรังเคิล จิตแพทย์ชาวออสเตรีย ที่ถูกจับเข้าไปอยู่ในค่ายกักกันของนาซีนานหลายปี ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
เขาถูกแยกขาดจากภรรยาและครอบครัว และเพิ่งมารู้หลังได้รับอิสรภาพว่า คนรักของเขาได้จากเขาไปหมดแล้ว
เขาเป็นผู้รอดชีวิตคนเดียวของครอบครัว
.
แต่ค่ายกักกันไม่ได้จำกัดความหมายของใรชีวิตของเขา
หลังจากกลับออกมาสู่อสิรภาพ วิคเตอร์ยังได้กลับมาทำงานเป็นจิตแพทย์ และเขียนหนังสือเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในค่ายกักกันให้โลกรู้ และที่สำคัญเขาได้เสนอจิตวิทยาการมีชีวิตอยู่เพื่อแสวงหาความหมาย
.
หลังอ่านต้องบอกว่าครึ่งแรกของหนังสือหดหู่มาก เพราะเล่าเรื่องราวของค่ายกักกันนาซี
ที่ทำกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเหมือนไม่ใช่มนุษย์
ความโหดร้ายเกินจะจินตนาการของนาซีถูกบอกเล่าผ่านเรื่องราวของวิคเตอร์ แต่เขาก็พยายามหาความหมายของสิ่งต่าง ๆ โดยเฉพาะความทุกข์ที่เขาต้องเจอตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในค่าย
.
ครึ่งหลังของหนังสือเป็นการสรุปทฤษฎีโลโกเทอราปี หรือการบำบัดที่ใช้แนวทางบำบัดจิตโดยเชื่อว่าแรงขับปฐมภูมิของมนุษย์ไม่ใช่ การไขว่คว้าหาความสุขตามที่ฟรอยด์กล่าว
หรือการแสวงหาความเหนือกว่าแบบที่แอดเลอร์กล่าว แต่เป็นการแสวงหาความหมายในชีวิต
.
ขอเน้นว่า หนังสือค่อนข้างหนัก และอ่านยาก เนื่องด้วยภาษาที่เก่า และอาจเป็นเรื่องของสำนวนการแปล
แนะนำว่าต้องค่อย ๆ อ่านและค่อย ๆ ย่อยเนื้อหา
ค่อยๆ ตีความตัวอักษรที่ผู้เขียนพยายามอธิบาย
.
โดยรวมแล้ว นี่นับเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ควรอ่านสักครั้งหนึ่งในชีวิต
.
.
.......................................................................................
ผู้เขียน: วิคเตอร์ อี. ฟรังเคิล (Victor E. Frankl)
ผู้แปล: นพมาส แววหงส์
จำนวนหน้า: 232 หน้า
สำนักพิมพ์: Sophia
เดือนปีที่พิมพ์: 2022
.......................................................................................
.
.
พิกัดการสั่งซื้อ: https://shope.ee/LCJY9Xmsa
.
.
Comments