top of page
  • Writer's pictureหลังอ่าน: รีวิวหนังสือ

รีวิวหนังสือ เจ้าชายน้อย

Updated: May 30, 2022




4 ข้อคิดที่จะโอบกอดหัวใจอันเปราะบาง

จากหนังสือ เจ้าชายน้อย

.

.

“เราจะมองเห็นแจ่มชัดด้วยหัวใจเท่านั้น สิ่งสำคัญนั้นไม่อาจเห็นได้ด้วยตา”

.

.

1) ‘ความรักเกิดจากเวลาที่เราใช้ไปกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

เราเปลี่ยนสิ่งนั้นจากสิ่งที่ธรรมดาทั่วไปเป็นสิ่งที่พิเศษ และมีคุณค่า’

.

เมื่อเจ้าชายน้อยสงสัยว่าทำไมดอกไม้ดอกหนึ่งบนดาวที่ตัวเองอยู่นั้นช่างพิเศษกับตัวเขาเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่เขาได้ค้นพบว่ามีดอกไม้อีกมากมายบนโลกมนุษย์

.

เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก เพราะเจ้าชายน้อยใช้เวลาอย่างมากในการทะนุถนอมดูแลเจ้าดอกไม้ดอกนั้น

เขารดน้ำดอกไม้ดอกนั้นทุกวันตอนเช้า

เอาฝาครอบมาครอบดอกไม้เพื่อกันลม

เขายอมเอาที่ครอบปากสวมลงบนปากแกะเพื่อป้องกันไม่ให้แกะมากินดอกไม้ดอกนี้

.

เวลาที่เขาทุ่มลงไปให้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทำให้เขาเกิดความผูกพัน

และทำให้สิ่ง ๆ นั้นกลายเป็นสิ่งพิเศษสำหรับเขา

.

.

เรื่องนี้เมื่อมองสะท้อนกลับมาที่ชีวิตเรา

จะเห็นว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งธรรมดาทั่วไป

แต่เพราะเราใช้เวลาทะนุถนอมสิ่ง ๆ นั้น

บางสิ่งบางอย่างจึงมีค่ากับเรามาก

ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเพียงสิ่งของ สถานที่ หรือผู้คนต่าง ๆ ที่เราใช้เวลาอยู่ด้วย

.

แต่ละคนต่างให้คุณค่ากับสิ่งต่าง ๆ แตกต่างกันไป ตามที่ตัวเองได้มีความรักและผูกพัน

.

ตัวอย่างเช่น โรงเรียนที่เราเคยเรียนสมัยเด็ก

จริงๆแล้วโรงเรียนแต่ละแห่งก็เป็นสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีการก่อสร้างอาคารหลายหลัง ล้อมด้วยสนามหญ้า แล้วเอารั้วมากั้นเป็นบริเวณไว้

จากนั้นก็นำบุคลากรที่มีวุฒิและเชี่ยวชาญด้านการศึกษามาให้ความรู้เราในช่วงเวลาหนึ่ง

แต่ทำไมเราทุกคนกลับมาความรู้สึกผูกพันกับโรงเรียนของเรามากกว่า โรงเรียนอื่นทั่วไปอีกนับแสนแห่ง

.

นั่นก็เพราะเรามีความทรงจำดี ๆ กับสถานที่แห่งนั้น

เราเจอเพื่อนดี ๆ

เราได้เล่นสนุก

เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ

และเราได้เรียนรู้ที่จะเติบโตจากสถานที่แห่งนี้

.

นั่นทำให้เราผูกพันกับโรงเรียนของเรา และทำให้โรงเรียนแห่งนั้นมีคุณค่ากับเรามากกว่าโรงเรียนอีกนับแสนแห่ง

ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้เป็นความรู้สึกพิเศษที่เกิดขึ้นเฉพาะเรากับโรงเรียนแห่งนี้

เป็นสิ่งที่ไม่อาจถูกทดแทนได้

.

.

2) ‘การจากลาแม้เป็นเรื่องที่น่าเศร้า แต่ก็เป็นการยืนยันถึงสิ่งพิเศษที่ได้เกิดขึ้นแล้ว’

.

เจ้าชายน้อย ได้พบกับสุนัขจิ้งจอกกลางทะเลทราย และได้ทำให้มันเชื่องด้วยการเข้าไปค่อย ๆ พูดคุย ทำความรู้จัก

แต่สุดท้ายก็ต้องลาจาก เพราะต่างคนต่างมีภาระหน้าที่ของตัวเอง

.

การจากลาก็คงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตเราอย่างปกติธรรมดา

แต่ความเศร้าที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่ต้องจากลา ถ้าไม่เกิดจากความกลัวที่จะสูญเสีย

ก็คงจะเกิดจากความปลื้มปิติยินดีว่าเรื่องราวดี ๆ ของเราและเขาได้เกิดขึ้นแล้ว

.

ไม่ว่าความเศร้าและน้ำตาจะเกิดจากอะไร

แต่มันก็นับเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า

เรื่องราวพิเศษระหว่างเราและสิ่ง ๆ นั้นได้เกิดขึ้นจริง และไม่อาจมีอะไรมาทดแทนมันได้

.

.

3) ‘หลายๆคนเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ ตามแบบฉบับที่สังคมกำหนดขึ้นมา

โดยลืมคิดทบทวนว่า เราทำไปเพื่ออะไร’

.

ตอนที่เจ้าชายน้อยออกเดินทางตามหาคุณค่าในตัวมนุษย์ เขาก็ไปพบกับมนุษย์บนดาวดวงเล็กๆมากมาย

เขาเจอทั้ง พระราชา นักภูมิศาสตร์ นักธุรกิจ คนจุดโคมไฟ คนขี้เหล้า และพวกหลงตัวเอง

.

คนพวกนี้มีจำนวนมากมายบนโลกมนุษย์

แต่สิ่งที่เจ้าชายน้อยได้ค้นพบก็คือ หลายครั้งที่คนพวกนี้ไม่เคยคิดตั้งคำถามกับตัวเองว่า

"สิ่งที่เขาทำอยู่นั้น ทำไปเพื่ออะไร"

.

นักธุรกิจผู้กว้านซื้อดวงดาวที่ครอบครอง อาจไม่เคยคิดว่าจะเขาจะมีดวงดาวเหล่านั้นไปทำไม

ก็คงไม่ต่างอะไรกับนักลงทุนที่กว้านซื้อที่ดิน ซื้อทองคำ แต่ไม่เคยถามตัวเองว่าจะเอาที่ดิน หรือทองคำไปทำอะไร

.

คนจุดโคมไฟ ทำหน้าที่จุดโคมไฟในตอนกลางคืน และดับโคมไฟในตอนเช้า

เขาทำแบบนี้ทุกวัน ทำไปเรื่อย ๆ

แต่ก็ไม่เคยถามว่าทำไปเพื่ออะไร นอกจากว่ามันเป็นหน้าที่ มันเป็นคำสั่ง

.

นี่เป็นสิ่งฉุกคิดที่เจ้าชายน้อยรู้สึกได้ว่า มนุษย์ช่างไร้ความหมายซะเหลือกิน เพราะพวกเขาไม่ได้มองเห็นคุณค่าที่แท้จริงในสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่

.

.

4) ‘สิ่งสำคัญไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา แต่ต้องใช้หัวใจในการมอง’

.

เจ้าชายน้อยบอกกับผู้เขียนว่า

แม้เขาจะอยู่ห่างจากดอกไม้ของเขากว่าหลายพันปีแสง เขาก็ยังคงเห็นดอกไม้ของเขาอยู่ที่ดาวดวงใดดวงหนึ่งที่ระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้า

เขามองเห็นมันอย่างชัดเจน ไม่ใช่ด้วยตาของเขา

แต่จากหัวใจเขาที่ยังคงรักและผูกพันกับดอกไม้ดอกเดียวบนดาวของเขา

.

เจ้าชายน้อยยังบอกผู้เขียนว่า ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับผู้เขียนก็จะเป็นแบบเดียวกันเมื่อเขาเดินทางกลับไปยังดาวของเขา

เรื่องราวและความทรงจำดี ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเจ้าชายน้อยกับผู้เขียนจะยังคงอยู่

และผู้เขียนจะสามารถสัมผัสมันได้ทุกครั้งที่เงยหน้าขึ้นมองดวงดาว

.

ผู้เขียนจะรู้ได้ทันทีว่า ในดวงนับล้านดวงบนท้องฟ้า มีอยู่ดวงหนึ่งที่เป็นดาวที่เจ้าชายน้อยอยู่

เมื่อนั้นผู้เขียนคงจะยิ้มและรู้ได้ทันทีว่าเจ้าชายน้อยต้องกำลังหัวเราะอยู่ แม้จะมองไม่เห็นได้ด้วยตาก็ตาม

.

เราต่างมีสิ่งที่ผูกพัน สิ่งที่มีคุณค่าพิเศษสำหรับเราเพียงคนเดียว

แต่เรายังมองเห็นสิ่งนั้นอยู่มั้ย ท่ามกลางชีวิตอันวุ่นวาย ความกดดันจากสภาพแวดล้อมและสังคม

เรายังจะสัมผัสสิ่งเหล่านั้นได้อยู่มั้ย

ถ้ามันมองไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

.

.

.

รีวิวสั้น ๆ

ส่วนตัวเคยอ่านเจ้าชายน้อยตั้งแต่เด็ก ๆ โดยรวมน่าจะอ่านเกิน 3 ครั้งแล้ว

แต่บอกตรงๆว่าตอนเด็ก ๆ อ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง เนื่องจากประสบการณ์อันน้อยนิด

และหนังสือมีการใช้คำอุปมาอุปไมยเชิงเปรียบเทียบค่อนข้างเยอะ

.

แต่พอขึ้นมาได้หยิบหนังสือเล่มเดิมมาอ่านอีกครั้ง

ความรู้สึกต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไปพอสมควร

ข้อคิดที่ได้ ก็ดูเหมอืนจะค่อย ๆ เผยตัวออกมาให้เห็นมากขึ้น

.

ทุกครั้งที่เราอ่านหนังสือ แม้จะเป็นเล่มเดิม แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ความรู้สึกที่ได้จากการอ่านก็อาจต่างจากเดิมได้

โดยเฉพาะนิทานที่อ่านง่าย แต่แฝงข้อคิดไว้มากมายแบบนี้

.

เจ้าชายน้อยเป็นนิทาน สั้น ๆ

อ่านง่าย สนุก เพลิน ๆ

แต่แฝงแง่คิดชีวิตไว้มากมาย

ถ้าจะอ่านสนุกอย่างเดียวก็คงได้

แต่ถ้าจะให้ดี อาจต้องกลับมาเปิดอ่านหลาย ๆ ครั้ง

.

ข้อคิดที่ได้ยังขึ้นกับการตีความอีกด้วย เมื่เราตีความข้อความในหนังสือแตกต่างไป

เราก็ยังคงเรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ ได้เสมอ ๆ

.

อ่านกี่รอบผมก็ยังคงทึ่งว่า ผู้เขียนเจ้าชายน้อย อองตวน เดอ แซงเตก-ซูเปรี เป็นนักบิน

ผู้ขับเครื่องบินรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 และต้องเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติภารกิจ

แต่วรรณกรรมสั้นๆที่เขาเขียนกับกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทั้งโลก

และทิ้งแง่คิดดี ๆ ให้เราได้นำมาคิดทบทวนชีวิตในแต่ละวัน

.

เล่มนี้เป็น a must ที่นักอ่านทุกคนน่าจะลองอ่านสักครั้งในชีวิตครับ

.

.

………………………………………………………………………….

ผู้เขียน: อองตวน เดอ แซงเตก-ซูเปรี (Antoine de Saint-Exupery)

ผู้แปล: อำพรรณ โอตระกูล

สำนักพิมพ์: จินด์

แนวหนังสือ : วรรณกรรมเยาวชน

…………………………………………………………………………..

.

.

สนใจสั่งซื้อหนังสือได้ที่

https://bit.ly/38tCoB6

.

‪#‎หลังอ่าน #หนังสือควรอ่านก่อนอายุ30 ‪ #เจ้าชายน้อย #trancestudio




238 views0 comments
Post: Blog2_Post
bottom of page