รีวิวหนังสือ The Happiness of Pursuit
อย่าให้โลกเป็นกรงขังคุณ
.
.
ผู้เขียน Chris Guillebeau เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจสุดท้าทายด้วยการ ‘เดินทางท่องเที่ยวกว่า 193 ประเทศทั่วโลก !!!’ หรือทุกประเทศในโลกที่สามารถขอวีซ่าไปได้
.
เขาก็เลยเขียนบันทึกเล่าเรื่องราวการผจญภัยของตัวเองผ่านตัวหนังสือ และเขายังได้สนทนากับผู้คนมากมายที่ลุกขึ้นมาทำ ‘ภารกิจสุดท้าทาย’ ของตัวเอง เพื่อค้นหาบทเรียนของการผจญภัย รวมถึงคำตอบของตัวเขาเองและคนเหล่านี้ว่าเขาทำไปเพื่ออะไรกัน
.
ภารกิจสุดท้าทายที่ Chris เอามาเล่าสู่กันฟังนั้น มีมากมายหลากหลายตั้งแต่
- การเดินทางด้ายเท้าเปล่าผ่านหลายประเทศ
- การล่องเรือเที่ยวรอบโลกคนเดียวตั้งแต่ยังสาว
- การท่องโลกด้วยจักรยาน
- การส่องดูนกให้ครบทุกสายพันธ์บนโลก - การทำอาหารท้องถิ่นให้ครบทั้ง 195 ประเทศทั่วโลกซึ่งรวมถึงอาหารแปลกๆจากแดนแอฟฟริกา
- การวิ่งมาราธอนอย่างบ้าระห่ำแบบสัปดาห์ละหลายครั้ง รวม 250 ครั้งใน 1 ปี
- การนัดเดทกับหนุ่มจากทุกรัฐในอเมริกา
- การนอนบนต้นยูคาลิปตัสเป็นเวลา 1 ปีเพื่อประท้วงการตัดไม้ทำลายป่า
.
ภารกิจเหล่านี้มีจุดร่วมกันคือ
- ภารกิจสุดท้าท้ายต้องมีจุดเริ่มต้นและมีจุดสิ้นสุด เราต้องอธิบายภารกิจให้คนอื่นฟังได้จบภายใน 2 ประโยค
.
- ต้องท้ายทายจริง! ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายๆ อย่างการแบกเป้ไปเที่ยวญี่ปุ่น5วัน แต่ควรไม่ให้มันทำสำเร็จโดยง่ายอย่างการเรียนป.ตรี MIT ออนไลน์ให้จบภายใน 1 ปี
.
- ต้องมีการสละบางอย่าง ไม่มีทางที่เราจะได้ทุกอย่างครบหมด
.
- ต้องเป็นสิ่งมี่หัวใจเราเรียกร้องจริงๆ เช่นการดูนกกว่า 2,000 ชนิดทั่วโลก หรือการออกไปแล่นเรือรอบโลกด้วยตัวคนเดียว
.
- ต้องเป็นสิ่งที่ค่อยๆทำไปทีละน้อยอย่างต่อเนื่อง และค่อยๆสั่งสมความก้าวหน้าไปสู่เป้าหมาย เช่นการทำอาหารของทุกชาติให้ครบ เราคงทำได้วันละประเทศสองประเทศ แต่เมื่อรวมกันเป็นเวลาระยะหนึ่งเราก็จะได้ครบจำนวนเอง
.
และอีกอย่างคือ เราจะยังคงคิดถึงภารกิจเหล่านี้เสมอแม้ไม่ได้ทำมันอยู่ มันจึงไม่ได้เป็นเพียงงานอดิเรก
.
ส่วนผสมสำคัญที่จะทำให้เราเริ่มลงมือทำภารกิจสุดท้าทายนี้ คือ
ความไม่พอใจในสิ่งที่เป็นอยู่ + แนวคิดที่น่าสนใจ + ความเต็มใจที่จะลงมือทำ = การผจญภัยครั้งใหม่
.
หนังสือก็เขียนเล่าถึงเรื่องราวต่างๆตั้งแต่ จุดเริ่มต้นที่ทำให้คนมากมายลุกขึ้นมาทำภารกิจสุดท้าทายอย่าง การตกงาน การทำงานที่ไม่ชอบเป็นเวลานาน การเพิ่งเรียนจบละอยากออกไปท่องโลก การอกหักเลิกกับแฟน การไม่พอใจในการทำลายลิ่งแวดล้อม
.
ระหว่างทางการทำภารกิจเหล่านี้เองก็มีเรื่องเล่า และ lesson learnt มากมาย เช่นอย่ากลัวการถูกปฏิเสธ ให้เราลองเสี่ยงดูบ้างแม้อาจล้มเหลว เตรียม budget ต่างๆให้พร้อม (ส่วนนี้หนังสือไม่ได้แนะนำอะไรมาก นอกจากการออมเงินวันละ 2 ดอลลาร์) การใช้เทคโนโลยีเพื่อติดตามวัดผลความก้าวหน้าของภารกิจ การใช้วิธีวัดผลแบบเล่นเกมเก็ยเลเวลไปทีละด่าน พอผ่านด่านหนึ่ง ตัวเราก็จะเก่งขึ้น มี skill มากขึ้น
.
อีกเรื่องที่ผมชอบมากในหนังสือคือ เรื่องการพบเจอกับความน่าเบื่อจำเจ ซึ่งผู้เขียนเล่าว่าเป็นส่วนหนึ่งของการทำภารกิจสุดท้าทาย เช่นตัวเขาที่เดินทางรอบโลก ก็ต้องเสียเวลาส่วนหนึ่งไปกับการรอ รอเครื่องบินออก รอเครื่องบินดีเลย์ รอรถติด เขาบอกว่าความสามารถด้านการรอของเขาเพิ่งขึ้นมาก เขาสามารถรอเรื่องเหล่านี้ได้โดยไม่กระวนกระวายแม้แต่น้อย แม้จะไม่รู้ว่าเครื่องบินจะดีเลย์ไปถึงเมื่อไหร่
.
หรือตัวอย่างเรื่องชายหนุ่มที่จะเรียนคอร์สออนไลน์ของ MIT ให้จบภายใน 1 ปี ก็ต้องเจอกับกิจวัตรแห่งความน่าเบื่อทุกวันๆ เพราะเขาต้องเรียนแบบจันทร์ถึงศุกร์ ตั้งแต่เช้ายันเย็น ต้องตื่นเช้า ต้องอยู่บนหน้าจอคอมอย่างนาน แต่ก็นะไม่ว่าจะทำอะไร เราคงต้องเจอเรื่องนี้กันหมด
.
หรือการทำภารกิจสุดท้าทายไปได้ครึ่งทางละหยุด หนังสือก็เล่าเคสกระตุ้นว่า เราต้องไม่ยอมท้อถอยให้กับเป้าหมายโดยง่าย เพราะถ้าเราทำมันไม่เสร็จ ก็อาจเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นเลย
.
สุดท้ายแล้วที่น่าสนใจคือ เมื่อเรามาถึงเส้นชัย อะไรรอเราอยู่ แน่นอนว่าหลายๆคนจะรู้สึกเคว้งๆ งงๆ ว่าพรุ่งนี้เช้าตื่นมาจะทำอะไร เพราะไม่มีภารกิจให้พิชิตอีกแล้ว แต่แน่นอนว่าเราได้เรียนรู้อะไรมากมายระหว่างทางแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการอับเลเวลการพึ่งพาตัวเอง ความมั่นใจ มีพลังในการใช้ชีวิตมากขึ้น มีวุฒิภาวะมากขึ้น รวมถึงมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลขึ้นด้วย
.
หนังสือแนะนำให้เรากลับไปพักที่บ้าน บอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์อันน่าสนใจให้คนอื่นฟัง ไม่ต้องเล่าทั้งหมด แค่เล่าเรื่องชวนว้าว ชวนโอ้โหก็พอ และก็ที่สำคัญคือเตรียมงวางแผนทริปต่อไปได้เลย
.
สุดท้ายคำคมที่หนังสือทิ้งไว้คือ ทำไมเราต้องทำภารกิจสุดท้าทาย นั่นก็เพราะเราแต่ละคนกำลังเขียนเรื่องราวของตัวเองและเรามีโอกาสเดียวที่จะทำมันให้ถูกต้อง สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทำภารกิจสุดท้ายทายคือ สิ่งที่ไม่มีใครเอาไปจากตัวเราได้
.
.
โดยรวมแล้วผมว่าเป็นหนังสือแนวปลุกใจ ให้เราลุกออกมาทำสิ่งที่เคยตั้งเป้าอยากทำไว้ บางคนฝันอยากเดินทางรอบโลกตั้งแต่อายุยังน้อย ผู้เขียนนี่แหละคือคนที่ทำมาแล้ว เหมาะจะอ่านเรื่องราวเขามากๆ
.
บางคนอยากรู้ว่า คนที่เดินทางรอบโลกเขาทำไปเพื่ออะไร ก่อนเดินทางอะไรคือแรงจูงใจ ระหว่างเดินทาง เขาพบเจออะไรบ้าง มีความน่าเบื่อเกิดขึ้นบ้างมั้ย และหลังเดินทางจบเขารู้สึกอย่างไร เล่มนี้มีคำตอบครับ
.
แต่เล่มนี้จะไม่ได้อธิบายละเอียดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในระหว่างการเดินทาง จะไม่เหมือนพวกหนังสือเถื่อนเจ็ด ที่เน้นเล่าว่าสถานที่ที่เขาไปเป็นยังไง เขารู้สึกอย่างไร และสอนบทเรียนอะไรเขาได้บ้าง เล่มนี้เน้นแค่ทำไมถึงควรออกเดินทางมากกว่าครับ
.
ผมเองยังรู้สึกว่า ว่างๆจะมานั่งเขียน ‘สิ่งที่อยากทำตอนมีชีวิตอยู่’ ซะหน่อย และคงต้องเจียดเวลาและงบประมาณมาส่วนหนึ่ง จะได้เริ่มได้เร็วๆครับ
.
.
.
📚สั่งซื้อหนังสือได้ที่:
.
.
………………………………………………………………………….
✍🏻ผู้เขียน: Chris Guillebeau
🏠สำนักพิมพ์: Welearn
📚แนวหนังสือ : พัฒนาตัวเอง
………………………………………………………………………..
.
.
.
#หลังอ่าน #รีวิวหนังสือ #หนังสือ2020 #หนังสือ2563 #reviewหนังสือ #TheHappinessofPursuit #อย่าให้โลกเป็นกรงขังคุณ #ChrisGuillebeau #Welearn #สำนักพิมพ์Welearn #หนังสือพัฒนาตัวเอง
Comentarios