top of page
Writer's pictureหลังอ่าน: รีวิวหนังสือ

รีวิวหนังสือ: The Happiness of Pursuit อย่าให้โลกเป็นกรงขังคุณ

Updated: Aug 11, 2020




รีวิวหนังสือ The Happiness of Pursuit

อย่าให้โลกเป็นกรงขังคุณ

.

.

ผู้เขียน Chris Guillebeau เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจสุดท้าทายด้วยการ ‘เดินทางท่องเที่ยวกว่า 193 ประเทศทั่วโลก !!!’ หรือทุกประเทศในโลกที่สามารถขอวีซ่าไปได้

.

เขาก็เลยเขียนบันทึกเล่าเรื่องราวการผจญภัยของตัวเองผ่านตัวหนังสือ และเขายังได้สนทนากับผู้คนมากมายที่ลุกขึ้นมาทำ ‘ภารกิจสุดท้าทาย’ ของตัวเอง เพื่อค้นหาบทเรียนของการผจญภัย รวมถึงคำตอบของตัวเขาเองและคนเหล่านี้ว่าเขาทำไปเพื่ออะไรกัน

.

ภารกิจสุดท้าทายที่ Chris เอามาเล่าสู่กันฟังนั้น มีมากมายหลากหลายตั้งแต่

- การเดินทางด้ายเท้าเปล่าผ่านหลายประเทศ

- การล่องเรือเที่ยวรอบโลกคนเดียวตั้งแต่ยังสาว

- การท่องโลกด้วยจักรยาน

- การส่องดูนกให้ครบทุกสายพันธ์บนโลก - การทำอาหารท้องถิ่นให้ครบทั้ง 195 ประเทศทั่วโลกซึ่งรวมถึงอาหารแปลกๆจากแดนแอฟฟริกา

- การวิ่งมาราธอนอย่างบ้าระห่ำแบบสัปดาห์ละหลายครั้ง รวม 250 ครั้งใน 1 ปี

- การนัดเดทกับหนุ่มจากทุกรัฐในอเมริกา

- การนอนบนต้นยูคาลิปตัสเป็นเวลา 1 ปีเพื่อประท้วงการตัดไม้ทำลายป่า

.

ภารกิจเหล่านี้มีจุดร่วมกันคือ

- ภารกิจสุดท้าท้ายต้องมีจุดเริ่มต้นและมีจุดสิ้นสุด เราต้องอธิบายภารกิจให้คนอื่นฟังได้จบภายใน 2 ประโยค

.

- ต้องท้ายทายจริง! ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายๆ อย่างการแบกเป้ไปเที่ยวญี่ปุ่น5วัน แต่ควรไม่ให้มันทำสำเร็จโดยง่ายอย่างการเรียนป.ตรี MIT ออนไลน์ให้จบภายใน 1 ปี

.

- ต้องมีการสละบางอย่าง ไม่มีทางที่เราจะได้ทุกอย่างครบหมด

.

- ต้องเป็นสิ่งมี่หัวใจเราเรียกร้องจริงๆ เช่นการดูนกกว่า 2,000 ชนิดทั่วโลก หรือการออกไปแล่นเรือรอบโลกด้วยตัวคนเดียว

.

- ต้องเป็นสิ่งที่ค่อยๆทำไปทีละน้อยอย่างต่อเนื่อง และค่อยๆสั่งสมความก้าวหน้าไปสู่เป้าหมาย เช่นการทำอาหารของทุกชาติให้ครบ เราคงทำได้วันละประเทศสองประเทศ แต่เมื่อรวมกันเป็นเวลาระยะหนึ่งเราก็จะได้ครบจำนวนเอง

.

และอีกอย่างคือ เราจะยังคงคิดถึงภารกิจเหล่านี้เสมอแม้ไม่ได้ทำมันอยู่ มันจึงไม่ได้เป็นเพียงงานอดิเรก

.

ส่วนผสมสำคัญที่จะทำให้เราเริ่มลงมือทำภารกิจสุดท้าทายนี้ คือ

ความไม่พอใจในสิ่งที่เป็นอยู่ + แนวคิดที่น่าสนใจ + ความเต็มใจที่จะลงมือทำ = การผจญภัยครั้งใหม่

.

หนังสือก็เขียนเล่าถึงเรื่องราวต่างๆตั้งแต่ จุดเริ่มต้นที่ทำให้คนมากมายลุกขึ้นมาทำภารกิจสุดท้าทายอย่าง การตกงาน การทำงานที่ไม่ชอบเป็นเวลานาน การเพิ่งเรียนจบละอยากออกไปท่องโลก การอกหักเลิกกับแฟน การไม่พอใจในการทำลายลิ่งแวดล้อม

.

ระหว่างทางการทำภารกิจเหล่านี้เองก็มีเรื่องเล่า และ lesson learnt มากมาย เช่นอย่ากลัวการถูกปฏิเสธ ให้เราลองเสี่ยงดูบ้างแม้อาจล้มเหลว เตรียม budget ต่างๆให้พร้อม (ส่วนนี้หนังสือไม่ได้แนะนำอะไรมาก นอกจากการออมเงินวันละ 2 ดอลลาร์) การใช้เทคโนโลยีเพื่อติดตามวัดผลความก้าวหน้าของภารกิจ การใช้วิธีวัดผลแบบเล่นเกมเก็ยเลเวลไปทีละด่าน พอผ่านด่านหนึ่ง ตัวเราก็จะเก่งขึ้น มี skill มากขึ้น

.

อีกเรื่องที่ผมชอบมากในหนังสือคือ เรื่องการพบเจอกับความน่าเบื่อจำเจ ซึ่งผู้เขียนเล่าว่าเป็นส่วนหนึ่งของการทำภารกิจสุดท้าทาย เช่นตัวเขาที่เดินทางรอบโลก ก็ต้องเสียเวลาส่วนหนึ่งไปกับการรอ รอเครื่องบินออก รอเครื่องบินดีเลย์ รอรถติด เขาบอกว่าความสามารถด้านการรอของเขาเพิ่งขึ้นมาก เขาสามารถรอเรื่องเหล่านี้ได้โดยไม่กระวนกระวายแม้แต่น้อย แม้จะไม่รู้ว่าเครื่องบินจะดีเลย์ไปถึงเมื่อไหร่

.

หรือตัวอย่างเรื่องชายหนุ่มที่จะเรียนคอร์สออนไลน์ของ MIT ให้จบภายใน 1 ปี ก็ต้องเจอกับกิจวัตรแห่งความน่าเบื่อทุกวันๆ เพราะเขาต้องเรียนแบบจันทร์ถึงศุกร์ ตั้งแต่เช้ายันเย็น ต้องตื่นเช้า ต้องอยู่บนหน้าจอคอมอย่างนาน แต่ก็นะไม่ว่าจะทำอะไร เราคงต้องเจอเรื่องนี้กันหมด

.

หรือการทำภารกิจสุดท้าทายไปได้ครึ่งทางละหยุด หนังสือก็เล่าเคสกระตุ้นว่า เราต้องไม่ยอมท้อถอยให้กับเป้าหมายโดยง่าย เพราะถ้าเราทำมันไม่เสร็จ ก็อาจเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นเลย

.

สุดท้ายแล้วที่น่าสนใจคือ เมื่อเรามาถึงเส้นชัย อะไรรอเราอยู่ แน่นอนว่าหลายๆคนจะรู้สึกเคว้งๆ งงๆ ว่าพรุ่งนี้เช้าตื่นมาจะทำอะไร เพราะไม่มีภารกิจให้พิชิตอีกแล้ว แต่แน่นอนว่าเราได้เรียนรู้อะไรมากมายระหว่างทางแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการอับเลเวลการพึ่งพาตัวเอง ความมั่นใจ มีพลังในการใช้ชีวิตมากขึ้น มีวุฒิภาวะมากขึ้น รวมถึงมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลขึ้นด้วย

.

หนังสือแนะนำให้เรากลับไปพักที่บ้าน บอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์อันน่าสนใจให้คนอื่นฟัง ไม่ต้องเล่าทั้งหมด แค่เล่าเรื่องชวนว้าว ชวนโอ้โหก็พอ และก็ที่สำคัญคือเตรียมงวางแผนทริปต่อไปได้เลย

.

สุดท้ายคำคมที่หนังสือทิ้งไว้คือ ทำไมเราต้องทำภารกิจสุดท้าทาย นั่นก็เพราะเราแต่ละคนกำลังเขียนเรื่องราวของตัวเองและเรามีโอกาสเดียวที่จะทำมันให้ถูกต้อง สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทำภารกิจสุดท้ายทายคือ สิ่งที่ไม่มีใครเอาไปจากตัวเราได้

.

.

โดยรวมแล้วผมว่าเป็นหนังสือแนวปลุกใจ ให้เราลุกออกมาทำสิ่งที่เคยตั้งเป้าอยากทำไว้ บางคนฝันอยากเดินทางรอบโลกตั้งแต่อายุยังน้อย ผู้เขียนนี่แหละคือคนที่ทำมาแล้ว เหมาะจะอ่านเรื่องราวเขามากๆ

.

บางคนอยากรู้ว่า คนที่เดินทางรอบโลกเขาทำไปเพื่ออะไร ก่อนเดินทางอะไรคือแรงจูงใจ ระหว่างเดินทาง เขาพบเจออะไรบ้าง มีความน่าเบื่อเกิดขึ้นบ้างมั้ย และหลังเดินทางจบเขารู้สึกอย่างไร เล่มนี้มีคำตอบครับ

.

แต่เล่มนี้จะไม่ได้อธิบายละเอียดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในระหว่างการเดินทาง จะไม่เหมือนพวกหนังสือเถื่อนเจ็ด ที่เน้นเล่าว่าสถานที่ที่เขาไปเป็นยังไง เขารู้สึกอย่างไร และสอนบทเรียนอะไรเขาได้บ้าง เล่มนี้เน้นแค่ทำไมถึงควรออกเดินทางมากกว่าครับ

.

ผมเองยังรู้สึกว่า ว่างๆจะมานั่งเขียน ‘สิ่งที่อยากทำตอนมีชีวิตอยู่’ ซะหน่อย และคงต้องเจียดเวลาและงบประมาณมาส่วนหนึ่ง จะได้เริ่มได้เร็วๆครับ

.

.

.

📚สั่งซื้อหนังสือได้ที่:

.

.

………………………………………………………………………….

✍🏻ผู้เขียน: Chris Guillebeau

🏠สำนักพิมพ์: Welearn

📚แนวหนังสือ : พัฒนาตัวเอง

………………………………………………………………………..

.

.

.

‪#‎หลังอ่าน ‪#‎รีวิวหนังสือ ‪#หนังสือ2020 #หนังสือ2563 #‎reviewหนังสือ #TheHappinessofPursuit #อย่าให้โลกเป็นกรงขังคุณ #ChrisGuillebeau #Welearn #สำนักพิมพ์Welearn #หนังสือพัฒนาตัวเอง


605 views0 comments

Comentarios


Post: Blog2_Post
bottom of page