top of page
Writer's pictureหลังอ่าน: รีวิวหนังสือ

รีวิวหนังสือ: Machine Platform Crowd

Updated: Apr 25, 2020





รีวิวหนังสือ Machine Platform Crowd .

.

. ….. สุดยอดหนังสือมากความรู้ที่จัดได้ว่าเป็นหนังสือสำหรับคนที่รักการอ่านจริงๆ เพราะตัวหนังสือมีเนื้อหาที่เข้มข้นและอัดแน่นไปด้วยการสร้างความเข้าใจและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจ สังคม และวงการธุรกิจแทบจะทุกอุตสาหกรรม ที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีแห่งโลกยุคใหม่อันได้แก่ Machine, Platform และ Crowd เรียกได้ว่าเนื้อหาหลากหลายและมีความลึกในระดับหนึ่ง คนที่อ่านจบได้เรียกว่าน่าจะเข้าใจในเทรนด์เทคโนโลยี และการเปลี่ยนผ่านของโลกจากเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ดีขั้นเยอะครับ . ….. หนังสือเขียนโดยศาสตราจารย์สองท่านจาก MIT Sloan School of Management และเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของ Digital Economy เรียกว่าคงเป็นหนังสืออ่านในวิชาเรียนสำหรับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ หรืออาจเรียกว่ามหาลัยอันดับที่หนึ่งของโลก (ในบางสาขา) ก็เป็นได้ครับ นอกจากนี้แล้วทั้งคู่ยังเคยมีผลงานการเขียนหนังสือเรื่อง The Second Machine Age ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีโลกยุคดิจิทัลในด้านๆเช่นเดียวกัน . …… เนื้อหาโดยรวมของหนังสือ คือบทวิเคราะห์ว่าการเปลี่ยนแปลงสามด้านทางคือ เกี่ยวกับเครื่องจักร (machine) ว่ามันจะมาเข้ามาแย่งงานมนุษย์มั้ย ธุรกิจต่างๆควรจะเปลี่ยนกระบวนการตัดสินใจจากการฟังผู้เชี่ยวชาญ (expert) เป็นการใช้การประมวลข้อมูลโดยเครื่องจักรรึเปล่า (data-driven), แพลตฟอร์ม (platform) ที่เข้ามาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกผัน (disrupt) ในการดำเนินธุรกิจหรือการขายสินค้าแบบดั้งเดิม เป็นการทำธุรกรรมเหล่านี้ผ่านแพลตฟอร์ม เช่น การซื้อสินค้าผ่าน Lazada, Shoppee แทนที่จะไปเลือกซื้อตามห้างทั่วไป, การเรียก grab taxi, grab car แทนที่จะไปยืนโบกรถแท็กซี่ข้างทาง หรือ การจองโรงแรมผ่าน Agoda, Airbnb ที่ทุกวันนี้ทำให้การดำเนินชีวิตของคนเราสะดวกสบายขึ้นมาก, เรื่องสุดท้ายคือ Crowd ที่ว่าด้วยการเปิดฟอรั่มการแก้ปัญหาหรือการพัฒนาให้คนจำนวนมากได้เข้ามามีส่วนร่วม (crowd) ปัญหาที่ว่าอาจเป็นปัญหาในองค์กรหนึ่งๆที่ไม่สามารถหาบุคคลากรหรือผู้เชี่ยวชาญในองค์กรมาแก้ปัญหานี้ได้ จึงต้องเปิดประเด็นปัญหานี้ออกไปให้คนหมู่มากได้มีโอกาสเข้ามามรีส่วนร่วมในการคิดแก้ปัญหา . …… ชื่อเต็มๆของหนังสือควรจะเป็น Mind & Machine, Product & Platform และ Core & Crowd แต่ว่าอาจจะดูยาวเกินไป หนังสือเลยนตัดให้เหลือเป็นคำสั้นๆสามคำ โดยเนื้อหาทั้งหมด 300 กว่าหน้าในเล่มนี้จะเป็นการ rebalance บทบาทระหว่างขั้วสองขั้ว เช่น เมื่อก่อน machine อาจเป็นแค่เครื่องมือเล็กๆในการช่วยคนทำงานให้สำเร็จ คนยังใช้ความคิดและสัญชาตญาณ (mind) ในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆเป็นส่วนมากหรือแทบจะทั้งหมดอยู่ แต่พอ machine มีการพัฒนามากๆ จนมีผลการวิจัยออกมาให้เห็นชี้ชัดว่า การตัดสินใจโดยอ้างอิงจากข้อมูลที่ได้รับการประมวลผลมาโดย machine ให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีกว่าการตัดสินใจที่มาจากคนหรือผู้เชี่ยวชาญในองค์กร ทำให้ธุรกิจต่างๆต้องปรับตัว ปรับเปลี่ยนวิธีในกระบวนการตัดสินใจโดยอ้างอิงจากข้อมูลมากขึ้น เพื่อที่จะคงความสามารถในการแข่งขันของตัวเองไว้ให้ได้ สิ่งนี้เองที่เรียกว่าเป็นการ rebalance ระหว่าง mind กับ machine และการ rebalance นี้เองก็ได้เกิดขึ้นกับทั้ง product & platform และ core & crowd ด้วย .

. …… เพิ่มเติมในรายละเอียดของแต่ละบทนะครับ 1) Mind & Machine – จากที่อธิบายเรื่อง การเปลี่ยนการตัดสินใจจากผู้เชี่ยวชาญมาเป็น การตัดสินใจโดยอ้างอิงจากข้อมูล (data-driven decision) คำถามคือทำไมถึงเป็นเช่นนั้น หนังสือเล่มนี้ก็เลยนำคำอธิบายเกี่ยวกับ bias ของมนุษย์ที่เกิดจากการใช้ system 1 หรือระบบการทำงานของสมองแบบอัตโนมัติโดยใช้ความรู้สึก สัญชาตญาณ และประสบการณ์ในอดีตต่างๆ เป็นเหมือนระบบการตัดสินใจแบบ ‘เร็วๆ’ ที่คนเรามักจะใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน สิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกับ system 1 คือ system 2 คือสมองที่มีการประมวลผล ‘ช้า’ คือมีการคิดวิเคราะห์ ใช้ตรรกะ เหตุผลต่างๆก่อนการตัดสินใจ ซึ่งในเมื่อคนเรายังใช้ system 1 ในการตัดสินใจอยู่นี่เองทำให้ การตัดสินใจต่างๆมี bias และเกิดเป็น error ได้ การใช้ machine ประมวลผลข้อมูลจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า จาก concept เรื่องนี้หนังสือได้พัฒนาต่อไปจนถึงเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยี AI และ Robot ซึ่งปัจจุบันมีความก้าวหน้าขึ้นมาก แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในหลายๆประการอยู่ และการอธิบายเหล่านี้ก็นำมาซึ่งคำถามสำคัญที่สุดของหนังสือ และอาจเป็นคำถามที่ทุกๆคนอยากรู้คำตอบกันก็คือ แล้วคนจะทำงานอะไร ในเมื่อ AI และ Robot แทบจะเข้ามาทำงานแทนคนได้ในหลายๆประเภทงานแล้ว หนังสือจึงอธิบายถึง สิ่งที่มนุษย์ยังมีความได้เปรียบพวกเครื่องจักรหรือหุ่นยนต์เหล่านี้ และยังอาจอีกนานระยะหนึ่งก่อนที่เครื่องจักรจะได้รับการพัฒนาจนสามารถทดแทนการทำงสานของมนุษย์ได้ งานเหล่านี้ได้แก่ งานที่เกี่ยวข้องกับการใช้มือ เพราะคนยังมีความเหนือกว่าหุ่นยนต์ที่ advance ที่สุดอยู่มาก งานที่ใช้ creativity ในเชิงการนำศาสตร์และศิลป์ที่อยู่คนละ area กันมาคิดพัฒนาให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงานการแก้ปัญหาใหม่ๆขึ้นมา, การแต่งนิยาย การเขียนกลอน การทำความเข้าใจกับความรู้สึกของคนเช่น อาชีพโค้ชทีมฟุตบอลเด็ก การสร้างแรงบันดาลใจและพวกงานที่ต้องใช้ทักษะเชิงสังคม (social skills) . . . 2) Product & Platform - การ rebalance ระหว่างการขายสินค้าและบริการในแบบ traditional กับการขายผ่านแพลตฟอร์ม ซึ่งแพลตฟอร์มที่ว่านี้ก็หมายถึงหน้าเว็บไซต์ รวมไปถึง application ต่างๆบนมือถือที่ทำให้เกิดบริการใหม่ๆขึ้นมาทั่วทุกแวดวงธุรกิจ หนังสือก็อธิบายว่าทำไมการขายสินค้าและบริการผ่านแพลตฟอร์มจึงมีควสามสำคัญในโลกยุคปัจจุบัน เหตุผลอาจเรียกว่าเพราะ แพลตฟอร์มทำให้เกิดการเข้าถึงข้อมูลที่ฟรี, รวดเร็ว, และสมบูรณ์ และสามารถถ่ายทอดข้อมูลเหล่านั้ไปได้ทั่วโลกโดยไม่มีต้นทุน (หรือต้นทุนต่ำมาก) แพลตฟอร์มจึงเป็นเหมือนแหล่งเข้าถึง รวบรวม และกระจายข้อมูลที่มีต้นทุนที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับการ เข้าถึงข้อมูลของสิน้คาและบริการเหล่านี้ในรูปแบบ traditional mode นอกจากนี้แล้วหนังสือยังอธิบายหลักเศรษฐศาสตร์เบื้องหลังว่าทำไม platform IoS ของ Iphone หรือ Android ของ Samsung จึงประสบความสำเร็จนักหนา ซึ่งจริงๆแล้วเรื่องพวกนี้สามารถอธิบายโดยใช้หลักของการเลื่อนเส้น demand-supply ไปมาจากนั้นหนังสือก็อธิบายถึงเทรนด์การนำไปแพตฟอร์มไปใช้ซึ่งจะเกิดกับธุรกิจประเภท O2O (Online to Offline) มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งธุรกิจประเภทนี้ก็คือธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการจริงๆในเชิงกายภาพ (physical product and service) ไม่ว่าจะเป็น การขนส่งสินค้า, การจองคลาสโยคะ หรือการเช่าชุดราตรี สุดท้ายก็เป็นคำแนะน่าบริษัทควรมีการปรับตัวเพื่อที่จะรับมือการ การมาถึงของแพลตฟอร์มเหล่านี้ยังไงบ้าง . . .

. 3) Core & Crowd – Core ในที่นี้หมายถึงองค์กร บริษัท หรือสถาบันต่างๆที่เป็นแหล่งรวมผู้เชี่ยวชาญในการทำงานเพื่อตอบโจทย์ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับองค์กรนั้นๆ ในขณะที่ crowd คือคนนอกองค์กรเหล่านี้ หรือใครก็ได้ที่อยู่บนโลกที่สามารถเข้ามาช่วยแก้ประเด็นปัญหาให้กับองค์กรเหล่านี้ได้ หนังสืออธิบายว่าทำไมเดี๋ยวนี้กระแสถึงเกิดการให้คนหมู่มากเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหามากขึ้นกว่าแต่ก่อนที่มักจะอิงกับคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในองค์กรอย่างเดียว ก็มีคำอธิบายเชิงเศรษศาสตร์ จิตวิทยา และปรัชญาที่หนังสือนำเสนอ และฟังดูมีน้ำหนักสำหรับผมอยู่ แต่จะไม่ขอลงรายละเอียดเพราะเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก และแอบมีความซับซ้อนในตัว หนังสือได้ยกเคสตัวอย่างที่การใช้ crowd ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า core แต่ก็ยังมีบางตัวอย่างที่การใช้ crowd ก็ล้มเหลวโดยสิ้นเชิงเหมือนกัน แต่สิ่งที่หนังสือหยิบมาพัฒนาเป็นประเด็นการอธิบายต่อคือเรื่องของ ‘decentralising concept’ หรือการกระจายอำนาจออกไปให้คนหมู่มาก หรือทุกๆคน แทนที่จะกักเก็บสิ่งๆนั้นไว้กับหน่วยงาน หรือองค์กรเพียงองค์กรเดียว ซึ่ง concept นี้ตรงกับการมาถึงของเทคโนโลยี Blockchain เทคโนโลยีที่นำมาช่วยให้คนหมู่มากหรือทุกๆคนในระบบสามารถเป็นผู้เก็บและดูแลรักษาข้อมูลๆหนึ่งไว้ได้ ไม่จำเป็นต้องเก็บข้อมูลๆนั้นไว้กับศูนย์กลางอย่างธนาคารอีกต่อไป หนังสือจึงอธิบายที่มาและ concept ของ Bitcoin และ Blockchain และโอกาสทางธุรกิจมากมายที่เกิดขึ้นจากการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ สุดท้ายหนังสือพัฒนาประเด็นที่ว่าโลกในอนาคตจะเป็นในรูปแบบกระจายศูนย์ (decentralise) ไปหมดเลยหรือ? แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นการมีอยู่ขององค์กรหรือบริษัทยังมีความจำเป็นอยู่มั้ย? ซึ่งประเด็นสุดท้ายนี้หนังสือก็สรุปผิดประเด็นว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่กับองค์กรและบริษัททั่วโลกแน่นอน แต่ว่าองค์กรและบริษัทเหล่านี้ยังคงจำเป็นที่จะต้องมีอยู่เพราะว่า หนึ่ง ‘ข้อจำกัดในเรื่องของการทำสัญญา’ ซึ่งเมื่อคนสองคนจะทำงานร่วมกันได้ มันต้องมีสัญญาที่ระบุข้อตกลงร่วมกันของทั้งสองฝ่ายอยู่ แต่หลักความเป็นจริงคือไม่มีสัญญาฉบับไหนในโลกที่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ สัญญาไม่มีทางถูกเขียนให้ครอบคลุมกรณีต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้หมด การมีอยู่ของระบบองค์กรหรือบริษัทจึงช่วยทำให้ปัญหาเรื่องสัญญานี้หมดไป และข้อที่สอง ‘ตำแหน่งพวกผู้จัดการหรือผู้นำ (manager & leader)’ ยังมีหน้าที่อื่นนอกจากการใช้ความเชี่ยวชาญในการทำงาน คือการช่วยให้เกิดการทำงานร่วมกันของคนในทีมได้ การทำให้เกิดเป้าหมายร่วมกัน การทำให้เกิดวัฒนธรรมขององค์กร และคุณค่าขององค์กร (value) ร่วมกัน องค์กรหรือบริษัทจึงยังคงมีความสำคัญในระบบโลกนี้อยู่ .

. ……. โดยสรุปแล้วผมว่า หนังสือไม่ได้เหมาะกับคนทั่วไปครับ เพราะว่ามันลึก ละเอียด และมีเนื้อหาที่เข้าใจยาก พร้อมตัวอย่างแปลกๆที่ไม่ค่อยจะใกล้กับชีวิตประจำวันของพวกเราเท่าไหร่ แต่ความรู้ที่ได้จากหนังสือสำคัญมาก เรียกได้ว่าถ้าใครอ่านจบก็มีเรื่องไป discuss กับเพื่อนๆคนรู้จักเกี่ยวกับเทคโนโลยีและการเปลี่ยนผ่านสู่โลกสมัยใหม่ได้อีกเยอะเลยละครับ นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ คนที่ทำงานทางสายเทคโนโลยี หรือคนที่สนใจในเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัลและโลกยุคใหม่จริงๆต้องไม่พลาดครับเล่มนี้ . . …………………………………………………………………………. ผู้เขียน : Andrew McAfee, Erik Brynjolfsson แนวหนังสือ : เทคโนโลยี, เศรษฐศาสตร์, บริหารธุรกิจ ………………………………………………………………………….. . . . ‪#‎หลังอ่าน‬‬‬‬ ‪#‎รีวิวหนังสือ‬‬‬‬ ‪#หนังสือ2019 #หนังสือ2562 #‎reviewหนังสือ‬‬‬‬ #MachinePlatformCrowd #AndrewMcAfee #ErikBrynjolfsson #หนังสือเทคโนโลยี #หนังสือเศรษฐศาสตร์ #หนังสือบริหารธุรกิจ #หนังสือโลกอนาคต


45 views0 comments

Comments


Post: Blog2_Post
bottom of page