top of page
Writer's pictureหลังอ่าน: รีวิวหนังสือ

รีวิว ความเครียดเป็นศูนย์



รีวิวหนังสือ ความเครียดเป็นศูนย์

.

.

ขอขอบคุณหนังสือจากสำนักพิมพ์ Nationbooks นะครับ

.

หนังสืออารมณ์ดีชื่อ ความเครียดเป็นศูนย์ เป็นหนังสือแปลญี่ปุ่นจากผู้เขียนนามปากกาสุดเฉียบ Testosterone ผู้โด่งดังจากงานเขียนในทวิตเตอร์ ในชีวิตจริงทำงานเป็นประธานบริษัทของตัวเอง และชอบเล่นกล้ามากกกก

.

หนังสือเป็นการรวบรวมแนวทางขจัดความเครียด ในแบบฉบับของผู้เขียน ซึ่งรวบรวมมาจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 100 ข้อ

.

แต่ละข้อเป็นบทความสั้นๆ ขนาด 2 หน้า โดยเป็นการบอกให้คนอ่าน ‘เลิก’, ‘ทิ้ง’, ‘หนี’, ‘ยอมรับ’, และ ‘ดึงดันให้ถึงที่สุด’ ในการใช้ชีวิตแต่ละวัน

.

ผู้เขียนซึ่งเล่าว่าปกติเป็นคนที่ไม่เครียด ชิลๆ สนุกกับการใช้ชีวิต แม้จะต้องทำงานในตำแหน่งประธารบริษัทที่มีความเครียดสูง ก็เป็นเรื่องน่าสนใจที่เราจะมาเจาะแนวคิดว่าเขาทำได้อย่างไร

.

หลังอ่านจบผมชอบเลยนะ ผมว่าหลายๆอันเป็นข้อแนะนำที่ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่ต้องบอกก่อนเลยว่าสไตล์ของผู้เขียนค่อนข้างเป็นคนรุ่นใหม่ มีแนวคิดที่หลุดจากกรอบ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ซึ่งนี่คือจุดเด่นของหนังสือเล่มนี้

.

หลายๆแนวคิดถ้าไม่อ่านดูว่าเป็นหนังสือแปลญี่ปุ่น ผมคงจะเข้าใจว่ามาจากฝั่งตะวันตกเสียด้วยซ้ำ เพราะข้อแนะนำส่วนใหญ่จะยึดหลักการให้ความนับถือตัวเอง การให้คุณค่ากับการมีอิสระของตัวเอง การดำเนินชีวิตด้วยไลฟ์สไตล์ที่เป็นตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ขัดกับจารีตดั้งเดิมของญี่ปุ่น

.

หลายๆข้อแนะนำก็ออกเป็นแนวให้กำลังใจ ปลุกกำลังใจให้ลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง อย่างที่บอกว่าหนังสืออิงกับประสบการณ์การเขียนของผู้เขียนโดยตรง จึงไม่ต้องมีหลักฐาน ไม่ต้องมีอะไรมายืนยันมาก นอกจากตัวอย่างจากประสบการณ์จริง และความเชื่อของตัวผู้เขียนเอง

.

แน่นอนว่าทั้ง 100 ข้อแนะนำอาจไม่ได้ตอบโจทย์ผู้อ่านได้ทุกคน บางข้ออ่านแล้วก็อาจจะแบบแงะๆ งงๆ อยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นคนที่ชอบหลุดกรอบแบบตัวผมเองก็ชอบอยู่ไม่น้อยเลย อารมณ์แบบอ่าน The subtle art of not giving a fuck แบบญี่ปุ่น ผสมๆกับพลังของการกล้าทำอะไรคนเดียว เพราะหนังสือเน้นการใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง นับถือตัวเอง แคร์สิ่งที่คนอื่นต้องการให้น้อยลง

.

จัดว่าเป็นหนังสือของเนชั่นบุ๊คที่อ่านง่ายมาก และสนุก อย่างที่บอกว่าอ่านแล้วได้กำลังใจ ปลุกไฟขึ้นมา และบางอันก็แปลกใหม่ แหวกแนว ไม่ซ้ำใคร แนะนำให้ลองหาอ่านนะครับ อ่านแล้วผมหวังว่าความเครียดจะลดลง แต่ระหว่างอ่านความเครียดผมเองก็เหลือศูนย์จริงๆแหละครับ 555

.



และเช่นเคยครับ ผมขอเลือก 7 ข้อที่ผมชอบมากที่สุดจาก 100 แนวคิดในหนังสือมาฝากกันครับ

.



1) เลิกคิดว่าไม่อยากถูกเกลียด

.

บางคนกลัวเรื่องนี้มาก ถึงขนาดว่าจะปฏิบัติตัวอะไรกับใครก็จะระมัดระวัง และกลัวการถูกใครเกลียดมาก แต่หนังสือเขียนไว้ชัดเจนว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่ไม่ถูกเกลียด เพราะว่าการเกลียดของคนเรามันไม่มีเหตุผลนั่นเอง

.

แม้แต่เด็กแบเบาะไม่มีพิษมีภัยต่อใครก็ยังถูกเกลียด จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะป้องกันการถูกเกลียดจากคนทั้งโลกได้ เราจึงควรคิดว่าจะโดนเกลียดก็ช่าง จะเป็นยังไงก็ช่าง

.

หรือเทคนิคที่ผู้เขียนนำเสนอคือ ให้คิดซะว่าเวลาเราโดนเกลียด คือเขาให้ความสนใจเรานะ ดีกว่าการที่เราไม่มีตัวตน เขาไม่สนใจเรา

.

.



2) ทิ้งความสำเร็จและความล้มเหลวภายใน 3 วัน

.

นี่เป็นกฎการปรับสภาพจิตใจใหม่ทุกๆ 3 วัน เพื่อให้เรามีสติทำสิ่งตรงหน้าด้วยใจที่สงบเรียบง่าย เพราะถ้าเรายังมัวแต่ยึดติดกับความล้มเหลว หรือความสำเร็จที่เกิดขึ้นนั้น เราก็ไม่เสียใจจนทำอะไรไม่ถูก ก็คงจะทะนงตนจนไม่ก่อให้เกิดความคิดอะไรใหม่ๆ

.

เรื่องนี้ยึดโยงกับการมีสติ และการทำใจให้เรียบง่ายกับปัจจุบัน เวลา 3 วันเป็นเวลาที่เพียงพอแล้วในการลิ้มรสชาติของความล้มเหลว หรือความสำเร็จ

.

.



3) หนีไปอยู่ตามลำพังเมื่อรู้สึกหดหู่

.

เมื่อจิตใจของเราหดหู่เศร้าหมองจากความทุกข์ ลองหาเวลา 1 วันที่เราใช้ชีวิตคนเดียวโดยไม่ต้องพบปะผู้คน

.

แล้วพยายามกินให้อิ่ม กินของที่เราชอบอย่างเต็มที่ ออกกำลังกาย นอนให้เพียงพอและนอนอย่างมีคุณภาพ พร้อมหากิจกรรมที่ชอบทำเพื่อลดความเครียด สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายเราปรับสมดุลฮอร์โมนและระบบประสาทอัตโนมัติให้กลับมาเป็นปกติ ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องถึงสภาพจิตใจของเรา

.

การใช้ชีวิตคนเดียว และหลีกหนีจากอิทธิพลของคนอื่น รวมไปถึงโซเชียลมีเดีย ในบางครั้งจะทำให้เราได้ให้เวลากับจิตใจอันบอบอบบางของตัวเองและช่วยลดความเครียดได้

.

.



4) ยอมรับความขัดแย้ง

.

อย่ากังวลไปเมื่อเราพบเจอความขัดแย้ง เพราะว่าความขัดแย้งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเสมอๆ สาเหตุก็เป็นเพราะว่ามนุษย์มีความต้องการไม่สิ้นสุด พัฒนาการความต้องการของมนุษย์มีมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้จักพอ ความขัดแย้งก็เลยเกิดขึ้นมากขึ้นตาม

.

แม้แต่ตัวเราเองก็ตาม บางครั้งก็จะมีความขัดแย้งทางความคิดที่เกิดขึ้นในหัว ซึ่งจุดนี้ผู้เขียนแนะนำว่าจงยอมรับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในตัวซะ และเลือกใช้ความคิดที่เราคิดว่าตอบโจทย์เป้าหมายและทัศนคติของเรา ณ เวลานั้นๆได้ดีที่สุด

.

เมื่อเป้าหมาย หรือทัศนคติของเราเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา ความคิดของเราก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ การขัดแย้งกันของตัวเราเองตอนนี้กับตัวเราเองในอดีตจึงเป็นแค่เรื่องธรรมดา

.



5) ดึงดันที่จะพยายามให้ถึงที่สุด

.

ความพยายามที่ผู้เขียนกล่าวถึงนั้นที่จริงแล้วต้องไม่ทำให้เรารู้สึกดึงดัน เพราะมันควรจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในอุปนิสัยประจำวันของเรา วิถีชีวิตที่เราใช้อยู่ๆทุกวันก็ล้วนแล้วแต่ช่วยให้เราเดินทางไปสู่ความสำเร็จ

.

เราจึงไม่ควรมาคิดมารู้สึกว่าเรากำลังพยายามอยู่ แต่ให้ใช้ชีวิต ใช้อุปนิสัยของเราไปเรื่อยๆในแต่ละวัน

.

นี่เป็นสิ่งที่ผู้เขียนอธิบายว่าทำไมเวลาเราไปถามเคล็ดลับความสำเร็จจากคนที่สำเร็จจริงๆแล้ว คนเหล่านั้นถึงชอบตอบแค่ว่า ไม่ได้มีเคล็ดลับอะไรเป็นพิเศษ นั่นก็เพียงเพราะว่า เขาทำความพยายามเหล่านั้นให้กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่พิเศษสำหรับตัวเขาเองนั่นเอง .

.



6) ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะรักษาสุขภาพให้ดีตลอดไป

.

‘ไม่มีงานไหนในโลกที่มีค่าพอที่จะยอมเสียสละสุขภาพเพื่อทำมัน’ เป็นเรื่องที่ผู้เขียนย้ำว่ายังไงก็ตามนี่คือความถูกต้อง

.

เพราะถ้าเราไม่รักษาสุขภาพของตัวเองให้ดีแล้ว ร่างกายและจิตใจของเราจะถึงขีดจำกัดและพังลงได้ การทำงานของเราก็ถูกกระทบต่อไปเป็นโดมิโน การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายและบั่นทอนสุขภาพของเราจึงเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง

.

ในทางกลับกันถ้าเรามีสุขภาพที่ดีแข็งแรง เราก็จะพร้อมทำงาน และทำผลงานได้ดีขึ้นไปอีก สุขภาพจึงต้องมาก่อนเสมอ

.

.



7) จงเล่นกล้าม!!!!!

.

อย่างที่บอกว่าผู้เขียนชอบการเล่มกล้ามมาก ตลอดทั้งเล่มจะมีการแทรกถึงตัวอย่างข้อดีและประโยชน์ของการเล่มกล้ามมาเป็นพักๆ และข้อสุดท้ายที่เขาแนะนำในการช่วยลดความเครียดคือการเล่นกล้าม

.

อย่างที่บอกว่าหนังสือเล่มนี้เน้นการรักษาสุขภาพเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะลงมือทำงานสำคัญ การเล่มกล้ามก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ใช้ร่วมกับการควบคุมอาหาร และการนอนอย่างมีคุณภาพที่มีประสิทธิภาพมากๆในการช่วยปรับระบบประสาทอัตโนมัติและสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย

.

พอเรามีสุขภาพที่ดี ความเครียดเราก็จะน้อยลง เราก็จะรู้สึกมีคุณค่ามากขึ้น เพราะชอบพัฒนาการของตัวเองในทุกวัน มีความรู้สึกนับถือตัวเองมากขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น และลุยทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย

.

จริงๆผู้เขียนยงัเขียนประโยชน์ของการเล่มกล้ามอยู่มาก แต่ควต้องไปตามอ่านต่อในหนังสือเล่มอื่นของผู้เขียนที่เน้นไปที่การเล่มกล้ามเพียงอย่างเดียว

.

.

………………………………………………………………………….

✍ผู้เขียน: Testosterone

🏬สำนักพิมพ์: Nationbooks

📚แนวหนังสือ: จิตวิทยา, พัฒนาตัวเอง

…………………………………………………………………………..

.

.

📚สนใจสั่งซื้อหนังสือได้ที่

.

.

‪#‎หลังอ่าน‪#‎รีวิวหนังสือ‪#หนังสือ2020 #หนังสือ2563 #‎reviewหนังสือ#ความเครียดเป็นศูนย์ #Testosterone #สำนักพิมพ์Nationbooks #หนังสือจิตวิทยา #หนังสือพัฒนาตัวเอง





181 views0 comments

Comentarios


Post: Blog2_Post
bottom of page