รีวิวหนังสือ ความสุขฉบับพกพา
.
.
สมุดบันทึกมอบสองสิ่งนี้ให้ผมเสมอ 1) ความสุข 2) ปัญญา
.
หนังสือเล่มใหม่ของนิ้วกลมที่จริงๆแล้วออกมาพร้อมกันสองเล่มคือ ความสุขฉบับพกพา ปัญญาฉบับกระเป๋า แต่วันนี้จะขอหยิบเล่มที่ 1 มารีวิวก่อนนะครับ
.
ความสุขฉบับพกพา เป็นหนังสือที่รวมความเรียงเกี่ยวกับความสุขของนิ้วกลม ที่นิ้วกลมทยอยเขียนไว้ในเฟสบุ๊คเพจของเขา บางตอนก็สั้นบ้าง บางตอนก็ยาวบ้าง หน้าเดียวก็มี 3-4 หน้าก็มี แต่ใจความหลักๆคือการให้กำลังใจ ให้พลังบวกแก่ผู้อ่าน ซึ่งนิ้วกลมพยายามสื่อสารมันออกมาตลอด ผ่านหนังสือหลายๆเล่ม รวมถึงPodcast ที่เขาจัด
.
หลังอ่านจบ ผมก็เกิดความรู้สึกดีๆเช่นเคย ได้รับพลังจากนิ้วกลมอีกเหมือนเดิม คือหนังสือมันไม่ได้โลกสวย ให้มองทุกอย่างแต่ในด้านดีอะไรขนาดนั้น แต่หนังสือพยายามให้ข้อคิดจากสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา บางบทก็เป็นเหมือนคำคม สั้นๆ ง่ายๆ แล้วแต่จะตีความ บางอันก็แฝงมุกตลกเล็กๆไว้
.
โดยรวมแล้ว เรื่องที่นิ้วกลมเขียนก็ยังหมุนวนอยู่กับเรื่องการใช้ชีวิตให้มีความสุขในแต่ละวัน เป็นชีวิตธรรมดาที่เปี่ยมล้นด้วยความสุข หนังสือจึงมีกลิ่นอายของความเป็นปัญญาเล็กๆ (ซึ่งผมว่านิ้วกลมก็กำลังมุ่งไปในสายนี้อยู่นะ) แต่ส่วนใหญ่แล้วภาษาอ่านง่ายมาก มีความกลมกล่อมในตัว
.
ลืมบอกว่าช่วงกลางๆของหนังสือมีเรื่องบทเรียนความรักอยู่หลายบทเหมือนกัน บางบทก็แอบผสมความเลี่ยนลงไป ผมก็แอบเซอร์ไพร๊สอยู่เล็กน้อย เพราะส่วนใหญ่จะเป็นแนวปรัชญาสอนชีวิตซะมากกว่า
.
นิ้วกลมเขียนไว้ตั้งแต่ตั้งต้นว่า อยากให้ผู้อ่านค่อยๆอ่าน ทีละบทๆ ในเวลาว่างๆ ระหว่างรอรถ ระหว่างรอเข้าประชุม ระหว่างยืนรอเพื่อน แล้วค่อยๆซึมซับเนื้อหาเข้าไปทีละน้อย เหมือนเป็นอาหารสมองดีๆ ให้อารมณ์ดี สดชื่นได้ถ้าผู้อ่านกำลังมีเรื่องกลุ้มใจ ถ้าจะดีก็หยิบหนังสือเล่มนี้พกติดตัวไปด้วย เพราะชื่อหนังสือก็บอกอยู่แล้วครับว่าเป็นฉบับพกพา
.
เนื้อหาด้านในก็อาจมีการซ้ำกันไปมาบ้าง เพราะอย่างที่บอกว่าเป็นหนังสือรวมความเรียง บางอันก็จบแบบสั้นๆ ห้วนๆ บางอันก็มีเรื่องเล่า เหมือนนิ้วกลมไปคุยกับคนนั้นคนนี้มาแล้วเอาตกผลึกเป็นบทเรียนดีๆมาเล่าให้ฟัง แต่ทุกบท feel good แน่นอนครับ
.
สรุปแล้ว แฟนคลับนิ้วกลมพลาดไม่ได้แน่นอนครับ ส่วนใครกำลังตามหาหนังสือ feel good อีกเล่มก็ห้ามพลาดเช่นกันครับ
.
ผมขอยก 5 ข้อคิดที่ผมชอบมากที่สุดจากหนังสือ ความสุขฉบับพกพาของนิ้วกลมมาฝากกันนะครับ
.
.
1) จดสุขด้วยปากกา จดทุกข์ด้วยดินสอ
.
ความทรงจำของชีวิตในแต่ละวันของเราเปรียบเหมือนกระดาษแผ่นเปล่า เราเริ่มต้นวันด้วยกระดาษเปล่าๆ แล้วเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวันก็เหมือนดินสอและปากก็ถูกขีดเขียนลงไปบนกระดาษเปล่าๆนี้
.
แน่นอนว่าเรื่องราวเหล่านี้มีทั้งที่เป็นความสุขและความทุกข์ แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ คนเรามักจะจดสุขด้วยดินสอ และจดทุกข์ด้วยปากกา
.
ปากกาลบยากกว่าปากกา ฝังแน่นกว่า ลืมยากกว่า
.
ความทรงจำของเราจึงมักมีแต่เรื่องแย่ๆ เรื่องน่ากลุ้มใจ และความกังวล แต่ถ้าเราเปลี่ยนใหม่เป็นจดสุขด้วยปากกา และจดทุกข์ด้วยดินสอ เราก็จะจดจำความสุขได้ดีขึ้น เรื่องทุกข์ๆของเราก็จะถูกลืมเลือนได้เร็วขึ้น
.
ชีวิตของเราจึงเลือกได้ว่าเราอยากจะจดจำความสุขหรือความทุกข์มากกว่ากัน
.
.
2) อย่าเป็นทาสอารมณ์
.
อารมณ์นั้นแปรปรวน เดี๋ยวก็อยาก เดี๋ยวก็ไม่อยาก
.
และนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เราไม่ได้ลงมือทำอะไรหลายๆอย่าง เพราะเรายังคงตกเป็นทาสของอารมณ์
.
นิ้วกลมยกตัวอย่างเรื่องการฝึกวิ่งเพื่อไปมาราธอน บางวันเราอยากวิ่ง บางวันไม่อยาก ซึ่งจริงๆแล้วเป็นเรื่องปกติมากๆ แต่ถ้าปล่อยให้อารมณ์เข้ามาควบคุมเราแบบนี้ เราคงจะฝีกได้ไม่ไปไหน เพราะถ้าวันไหนตื่นมาแล้วขี้เกียจ เราก็คงจะไม่ลุกออกไปวิ่ง
.
สิ่งที่จะหยุดยั้งการตกเป็นทาสของอารมณ์ได้คือ การมีวินัย และการมีสติ
.
วินัยคือสิ่งที่ปลดแอกเราออกจากการเป็นทาสของอารมณ์ การตั้งสติเป็นจุดเริ่มต้น ถ้าตื่นเช้ามาเพื่อไปวิ่ง เราต้องตั้งสติก่อนว่า วันนี้เราจะทำอะไร ลุกขึ้นมาล้างหน้า สวมรองเท้าและลุกออกไปวิ่ง แค่นั้นเองอารมณ์เราก็เปลี่ยนแล้ว
.
คนมีสติจะไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์ แต่จะอยู่เหนือมัน และควบคุมมัน
.
.
3) ตอนนี้มือวางอยู่ไหน
.
เป็นคำถามง่ายๆที่ช่วยเรียกสติ ให้เรากลับมาอยู่ ณ ขณะ ปัจจุบัน เพราะคนเรามักจะวอกแวกไปคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต หรือความกังวลของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมาในอนาคต
.
แต่จริงๆ แล้วเรากำลังใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน เรากำลังสัมผัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ถ้าเราอยากลิ้มรสชีวิตอย่างเต็มที่ เราต้องอยู่ ณ ชั่วขณะนี้ ปล่อยวางสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต หรือกำลังจะเกิดในอนาคต
.
ลองถามตัวเองสั้นๆก็ได้ว่า ตอนนี้มือวางอยู่ที่ไหน แล้วเราจะสัมผัสได้ว่าเรากำลังมีชีวิตอยู่ ณ ปัจจุบันจริงๆ
.
.
4) แต้มสีสันลงบนผืนผ้าใบแห่งชีวิต
.
นิ้วกลมเปรียบชีวิตคนเราเป็นเหมือนผืนผ้าใบที่รอการแต่งแต้มสีสันต่างๆ เมื่อเราเจอเรื่องราวต่างๆ ชีวิตของเราก็จะมีสีสันหลากหลายขึ้น
.
ถ้าเราเติมสีไหนหนักเกินไป ก็เหมือนกับเรากำลังให้ความสำคัญกับด้านใดด้านหนึ่งในชีวิตมากเกินไป เราควรจะลองเอาสีอื่นมาแต้มบ้าง เช่น ถ้าทำงานมามากแล้ว ลองเปลี่ยนมาอออกกำลังกายบ้าง ถ้าออกกำลังกายมาหนักแล้ว ลองกลับมานอนเฉยๆบ้าง หรือถ้าจมอยู่กับความคิดของตัวเองมากจนเกินไปแล้ว ลองฟังความคิดเห็นคนอื่นดูบ้าง
.
สุดท้ายแล้ว แม้ภาพพวกนี้ไม่มีทางที่จะเพอร์เฟค แต่มันจะสมดุลในตัวมันเอง และเป็นภาพที่น่าประทับใจ
.
.
.
5) แม่คือบ้านที่ทำให้เชื่อว่าโลกนี้ปลอดภัย
.
ผมชื่นชอบการเขียนบทนี้ของนิ้วกลมมาก ที่นิ้วกลมเขียนถึงแม่ว่า ทุกครั้งที่เขารู้สึกเหนื่อยอ่อน เหมือนถูกโลกทำร้ายมา เขามักจะกลับล้มตัวลงนอนในสถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง นั่นก็คือบ้านที่มีแม่อยู่
.
การได้เจอหน้าแม่สำหรับนิ้วกลมเหมือนการได้กลับบ้าน และได้ปลดปล่อยตัวเองจากโลกที่โหดร้าย พักกายพักใจ ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรมาก็ตาม การเจอแม่เหมือนเป็นการได้หลบเข้ามาในที่ปลอดภัยเสมอ
.
แน่นอนว่าการที่เรามีใครสักคนที่สามารถช่วยให้เราได้พัก ได้รู้สึกปลอดภัย ได้รู้สึกชาร์จพลังที่จะออกไปสู้รบกับโลกภายนอกอีกครั้งเป็นเรื่องสำคัญมาก
.
เพราะชีวิตเราต้องการบ้าน บ้านที่ทำให้เชื่อว่าโลกใบนี้มีสถานที่ปลอดภัยไว้ให้เราหลบภัยเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั้นก็ตาม
.
.
.
.
.
………………………………………………………………………….
✍ผู้เขียน: นิ้วกลม
🏬สำนักพิมพ์: KOOB
📚แนวหนังสือ: ปรัชญาความสุข, จิตวิทยาพัฒนาตัวเอง
…………………………………………………………………………..
.
.
📚สนใจสั่งซื้อหนังสือได้ที่
.
.
.
#หลังอ่าน#รีวิวหนังสือ#หนังสือ2020 #หนังสือ2563 #reviewหนังสือ#ความสุขฉบับพกพา #นิ้วกลม #สำนักพิมพ์KOOB#หนังสือปรัชญาความสุข #หนังสือจิตวิทยาพัฒนาตัวเอง
Comments