top of page
  • Writer's pictureหลังอ่าน: รีวิวหนังสือ

รีวิว Healthitude


รีวิวหนังสือ Healthitude

สุข(อุดม)คติ

(Healthy + Attitude)

.

.

ขอขอบคุณคุณหมอบาย และทีมงานที่ส่งหนังสือดีๆมาให้อ่านนะครับ

.

เรียกว่า ในเพจหลังอ่านแทบไม่เคยมีหนังสือเกี่ยวกับสุขภาพมาก่อนเลย เล่มนี้ก็จัดเป็นเล่มแรกๆที่จะมาเปิดประเดิมแนวนี้กันครับ

.

หนังสือเขียนโดย นพ. พิจักษณ์ วงศ์วิศิษฎ์ โดยเป้าประสงค์หลักของหนังสือก็คือการสะกิดชีวิตคนรุ่นใหม่แบบแรงๆให้หันมาสนใจสุขภาพกันหน่อย

.

เพราะคุณหมอพบว่าจริงๆแล้ว คนในยุคนนี้มีความรู้มาก มีความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพดี แต่ไม่ได้ใส่ใจ ไม่ได้เอาความรู้ที่มีช่วยให้ตัวเองสุขภาพดีจริง

.

พูดง่ายๆก็คือ ปัญหามาจากเรื่อง Attitude

.

คุณหมอจึงนำเสนอวิธีการรักษาสุขภาพแบบต่างๆที่เอามาปรับใช้ได้ง่าย ไม่ต้องใช้พลังเยอะ และเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน

.

ยอมรับว่าคุณหมอเล่าเรื่องทางวิทยาศาสตร์ยากๆได้เข้าใจง่ายมาก และอ่านไปเพลินๆ

.

ส่วนนึงคงต้องขอบคุณคนดีไซน์หนังสือ ที่ทำให้หนังสือมีสีสัน ดูมีชีวิตชีวา และมีรูปประกอบแก้ง่วงตลอดเล่ม

.

ส่วนเนื้อหา หนังสือเล่มนี้ครอบคลุมตั้งแต่เรื่อง

- การปรับทัศนคติเกี่ยวกับการมีสุขภาพที่ดี

- ความเครียด

- การนอน

- การรับวิตามิน ดี ที่เพียงพอในแต่ละวัน

- การปรับสมดุลลำไส้

- การป้องกันอัลไซเมอร์

.

เนื้อหาแยกเป็นบทย่อยๆสั้นๆ กระชับ มีใจความหลัก พร้อม key message สื่อสารชัดเจน พร้อมงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เป็นข้อมูลสนับสนุน

.



โดยรวมแล้ว ผมขอเลือกเรื่องที่น่าสนใจมานำเสนอ ทั้งหมด 7 เรื่องดังต่อไปนี้ครับ

.



1) ปรับทัศนคติ เพิ่ม Active Lifestyle

.

เนื่องด้วยไลฟ์สไตล์ในยุคปัจจุบันของเรามีความ ‘ขี้เกียจ’ อยู่เยอะมาก แทบไม่ได้ขบับร่างกาย เช่นสั่งอาหารแบบ delivery มากินที่บ้าน นานๆทีก็ไปเข้าฟิตเนสเพื่อถ่ายรูปลงโซเชียลให้ตัวเองดูดี แต่ว่าตอนเดินไปขึ้นบันไดเลื่อน แทนที่จะเดินขึ้นบันไดแบบวอร์มอับร่างกาย

.

ไมโครเวฟที่ใช้อุ่นอาหารกินทุกๆวันก็มีรังสีที่ใช้ทำลาย ไฟโตนิวเทรียนท์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในพืชผักผลไม้ ทำให้ร่างกายเสียสมดุลในเชิงพลังงาน

.

ยังมีงานวิจัยบอกอีกว่า โดยเฉลี่ยแล้วเรานั่งอยู่กับที่ถึงวันละ 21 ชั่วโมงต่อวัน เคลื่อนไหวเพียงแค่ 3 ชั่วโมงต่อวันเท่านั่น

.

คุณหมอจึงแนะนำให้ลองปรับไลฟ์สไตล์ นั่งให้น้อยลง เดินให้มากขึ้น และที่สำคัญคือ ต้องปรับทัศนคติเรื่องนี้ใหม่ พยายามปรับสู่สมดุลของธรรมชาติ

.

หาเวลาว่างจากงานอันวุ่นวายบ้าง หาเวลาไปพักผ่อน สูดอากาศที่บริสุทธิ์ ให้เวลากับคนรอบข้าง คิดบวก ฝึกสมาธิ สื่อสารกับใจตัวเอง

.

.



2) เดินให้ครบวันละ 10,000 ก้าว

.

เป็นเหมือน magic number ที่ตั้งขึ้นมาให้เราตั้งเป้าเล็กๆกับตัวเองในทุกๆวัน

.

แต่ความจริงแล้วยังมีงานวิจัยรองรับตัวเลขมหัศจรรย์เหล่านี้ด้วย เช่น เดินให้เกินวันละ 4,400 ก้าวจะช่วยลดอัตรการตายจากทุกโรคได้อย่างมีนัยสำคัญ

.

หรือเดินให้เกินวันละ 8,400 ก้าวก็จะลดอัตรการตายได้ถึง 66%

.

.



3) Your DNA is not your destiny

.

การค้นพบ epigenetics ช่วยมาหักล้างความเชื่อเดิมๆที่ถ้าพ่อแม่เสี่ยงเป็นโรคร้ายๆอะไร เราก็มีโอกาสสูงที่จะได้รับพันธุกรรมโรคร้ายๆเหล่านั้นด้วย

.

แต่จริงๆแล้ว ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในแต่ละวันของเราก็เป็นตัวกำหนดสุขภาพเราได้เช่นกัน โดยถ้าเราเลือกคุมอาหารที่ดี คุมสมดุลลำไส้ไว้ได้ดี ไม่ปล่อยให้อ้วน ออกกำลังกายอย่างชาญฉลาดอยู่อย่างสม่ำเสมอ

.

ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรมแบบไหน เราก็ยังสามารถกำหนดโชคชะตาของเราได้

.

.



4) ความเครียดก็เหมือนน้ำแก้วเดียว วางมันลงเมื่อไหร่ ความเครียดก็หายไปแล้ว

.

แน่นอนว่าความเครียดมีผลเสียต่อสุขภาพมากมาย ทั้งเรื่องอารมณ์แปรปรวน สมดุลในร่างกายผิดปกติ นาฬิกาชีวิตผิดเพี้ยนไปจากเดิม เกิดการอักเสบตามจุดต่างๆในลำไส้

.

ทั้งยังทำให้ร่างกายต้องหลั่งฮอร์โมน อดรีนาลีน และคอร์ติซอลที่ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น

.

และที่สำคัญคือทำให้เรากินเก่งขึ้นด้วย

.

.

วิธีในการแก้จริงๆนั้นเรียบง่ายมาก คือปล่อยวาง รู้ให้เท่าทันความคิด ความเครียดที่ก่อตัวขึ้น และรู้จักที่จะวางมันลงไป

.

เหมือนแก้วน้ำที่เราถือไว้ ถ้าเรารู้จักปล่อยมันไป ความเครียดมันก็หายไปแล้ว

.

วิธีหนึ่งที่เริ่มเป็นที่นิยมทำกันเพื่อช่วยลดความเครียด และทำให้จิตใจเราปลอดโปร่งก็คือ การนั่งสมาธิ ซึ่งจะส่งผลต่อเรื่องอื่นๆในร่างกายด้วย นอกจากลดความเครียด เช่นทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น มีเวลากับตัวเองมากขึ้น ชะลอวัย เห็นใจคนอื่นเพิ่มขึ้น และสนใจสิ่งต่างๆกว้างขึ้นด้วย

.

.



5) การอดนอน คือการเร่งแก่

.

เพราะการอดนอนทำให้ร่างกายเร่งผลิตฮอร์โมนที่ควรผลิตในอนาคต มาใช้ชดเชยความเสียหายจากการอดนอนในปัจจุบัน

.

คนที่อดนอนจึงเกิดฮอรโมนตกเร็ว และแก่เร็วขึ้นอย่างน่าตกใจ

.

แต่จริงๆแล้วเรื่องการนอนนั้น นอนมากเกินไปก็ไม่ดี และจากผลการวิจัยแล้ว ทั้งนอนมากไป และนอนน้อยไป ล้วนส่งผลเสียต่อร่างกายทั้งสิ้น

.

โดยเฉลี่ยแล้วเราควรจะนอนประมาณ 7-8 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำหนักคงที่ ถ้านอนน้อยกว่านี้หรือมากกว่านี้ก็อาจทำให้น้ำหนักเพิ่ม ไขมันเพิ่ม และภูมิต้านทานตกได้

.

.

สิ่งสำคัญอีกเรื่องคือ การนอนหลับนั้น คือการดีท๊อกซ์ของเสียออกจากร่างกาย ทั้งขยะจากการเผาผลาญอาหาร และขยะจากการออกกำลังกาย รวมถึงขยะทางอารมณ์อีกด้วย

.

โดยสรุปแล้วการนอนหลับจึงเป็นเรื่องที่สำคัญชนิดจาดไม่ได้ต่อชีวิต

.

.



6) วิตามิน D มันดี๊ดีจริงๆ

.

หนังสือเน้นย้ำประโยชน์ของวิตามิน D อยู่หลายบท ซึ่งหลักๆคงเป็นเพราะ ตามงานวิจัยแล้ว ค่อนข้างน่าตกใจว่าคนไทยกว่า 50% ได้รับวิตามิน D ไม่เพียงพอ

.

วิตามิน D สามารถได้รับจากแสงแดด แต่เพราะชุมชนเมืองที่คนไม่ยอมออกไปตากแดดกัน วิตามิน D จึงหลายเป็นปัญหาสำคัญอย่างหนึ่ง

.

วิตามิน D มีประโยชน์มากมายเช่น ช่วยควบคุมการทำงานของเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นส่วนหลักในการสร้างระบบภูมิต้านทานที่ป้องกันโรคติดเชื้อต่างๆ ช่วยลดการเกิดโรคภูมิแพ้

.

วิตามิน D ยังส่งผลต่อการควบคุมและแสงดออกทางอารมณ์ ทำให้เป็นการลดการเกิดโรคซึมเศร้าทางอ้อม และยังส่งผลต่อการทำงานของสมองอีกด้วย

.

เพราะฉะนั้นแล้ว ลองเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ และออกนอกอาคารไปรับแสงแดดอ่อนๆบ้างเถอะครับ

.

.



7) สุขภาพดีเริ่มต้นที่ลำไส้

.

ลำไส้นั้นเป็นศูนย์รวมระบบภูมิต้านทานในร่างกายเรามากถึง 70-80% เป็นเหมือนฐานทัพใหญ่ และเป็นด้านหน้าในการป้องกันการบุกรุกของศัตรูไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย

.

เหตุผลนึงที่ลำไส้สำคัญมากก็เพราะเป็นส่วนที่มีจุลินทรีย์รวมอยู่อย่างมหาศาล

.

เพราะฉะนั้นแล้วการเลือกกินอาหารจึงส่งผลต่อจุลินทรีย์ และระบบการทำงานของลำไส้เราอย่างมีนัยสำคัญ

.

วิธีนึงที่ช่วยรักษาสมดุลลำไส้ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือ การกินผักผลไม้ให้ครบทุกสี สีเขียว สีขาว สีเหลือง สีส้ม สีแดง สีแดงม่วง (Eat the rainbow) เพื่อให้ร่างกายได้รับแร่ธาตุที่จำเป็น ไฟโตนิวเทรียนท์ และจุลินทรีย์จากสารอาหารธรรมชาติที่ไม่ถูกแปรรูปได้อย่างครบถ้วนกระบวนความ

.

.

นอกจากที่เล่ามา 7 เรื่องแล้ว หนังสือยังมีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับสุขภาพอีกหลายเรื่องนะครับ ถ้าใครสนใจเรื่องสุขภาพ เล่มนี้ไม่ควรพลาดครับ

.

.

.

......................................................................................................................

ผู้เขียน: นพ. พิจักษณ์ วงศ์วิศิษฎ์ (หมอบาย)

จำนวนหน้า: 174 หน้า

สำนักพิมพ์: พิจักษณ์ วงศ์วิศิษฎ์

แนวหนังสือ: สุขภาพ

เดือนปีที่พิมพ์: 2/2021

......................................................................................................................

.

สั่งซื้อหนังสือได้ที่

https://bit.ly/2R61ayH

.

.

#หลังอ่าน #รีวิวหนังสือ

#Healthitude #สุข(อุดม)คติ #หมอบาย #พิจักษณ์วงศ์วิศิษฎ์ #หนังสือสุขภาพ



47 views0 comments
Post: Blog2_Post
bottom of page