top of page
Writer's pictureหลังอ่าน: รีวิวหนังสือ

รีวิว รู้แค่นี้ขายดีทุกอย่าง


10 ความลับของนักปิดการขาย

จากหนังสือ รู้แค่นี้ขายดีทุกอย่าง

.

1) เปลี่ยนความคิดใหม่ ‘งานขาย’ ไม่ใช่ ‘งานขอ’

‘นักขาย’ ไม่ใช่ ‘นักขอ’

หลายคนอาจติดความคิดที่ว่างานขายคือการเดินเข้าไป ‘ขอ’ ให้ลูกค้าซื้อของของเรา

แต่แท้จริงแล้วการขาย คือการ ‘บอกสิ่งที่ดีและประทับใจ’ ที่เรามีต่อสินค้าให้คนอื่นได้รับรู้

เหมือนตอนที่เราไปกินข้าวร้านอร่อย ๆ แล้วเอามาแชร์ให้เพื่อนฟัง

หรือตอนที่เราไปดูหนังสนุก ๆ แล้วเอามาแนะนำคนอื่นต่อ

.

ถ้าอยากขายของได้ ยังไงต้องเริ่มจากการปรับ mindset ตรงนี้ก่อน

.

2) เราจะขายก็ต่อเมื่อ สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดกับลูกค้า และมันตอบโจทย์ลูกค้าจริง ๆ

เรื่องนี้คือพื้นฐานสำคัญของการขาย

เพราะเราจะพยายามทำความเข้าใจจากมุมลูกค้าว่าเขาต้องการอะไร

และกระบวนการขายก็เกิดขึ้นมาต่อเองโดยธรรมชาติ

.

ลองคิดถึง การไปหาหมอ แล้วหมอเลือกวิธีการรักษาที่ดีที่สุดให้กับเรา

หมอช่วยแก้ปัญหา นั่นก็คือสุขภาพของเรา

ถ้าเราเข้าไปขายของใคร ก็คิดซะว่า เรากำลังเข้าไปช่วยเขาแก้ปัญหา

ถ้าเราคิดแบบนี้ เราจะขายได้อย่างภูมิใจมากขึ้น .

3) แท้จริงแล้วทุกคนคือนักขาย

เราต้องขายไอเดียอยู่ตลอดเวลา

เช่น ตอนสัมภาษณ์งาน เราก็ต้องขายตัวเองให้เจ้านาย

ตอนชวนเพื่อนไปกินข้าว เราก็ต้องขายไอเดียว่าจะกินร้านไหน

ตอนคบกับแฟน เราก็ต้องโชว์ส่วนดีของเราอออกมาให้อีกคนหลงรัก

เป็นต้น

.

4) จงอย่าเป็นแค่ ‘นักขาย’ แต่จงเป็น ‘นักปิดการขาย’

โลกไม่ได้จ่ายเงินกับคนที่เข้าไปขายของให้คนได้เยอะ ๆ

เพราะถ้าเข้าไปขายแต่เขาไม่ซื้อ ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น

แต่โลกจ่ายเงินให้กับคนที่ปิดการขายได้เท่านั้น

.

นักขาย คือคนที่ต้องไปตื้อง้อลูกค้า

แต่นักปิดการขาย คือคนคนที่ลูกค้าต้องเข้ามาง้อขอซื้อ

.

5) คนที่ประสบความสำเร็จในการขาย ไม่จำเป็นต้องพูดเก่ง แต่ต้องถามเก่ง

เป็นความเชื่อผิด ๆ ว่า นักขายที่ดีต้องพูดเก่ง

ตอนเด็ก ๆ หลายคนที่ไม่ใช่คนช่างพูด เลยโดนตราหน้ามาเป็นนักขายที่ดีไม่ได้

แท้จริงแล้ว สิ่งสำคัญกว่าการพูด คือการรับฟังลูกค้า

เพราะถ้าเราได้ข้อมูลลูกค้ามามากขึ้น เราก็จะหาทางตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงความต้องการของเขามากขึ้น

.

เหมือนหมอที่ต้องคอยถามคำถามเพื่อวินิจฉัยคนไข้

จงจำไว้ว่า ลูกค้าไม่ได้ซื้อสินค้า

แต่ซื้อวิธีการแก้ปัญหา

.

6) กระดูกสันหลังของนักขาย 4 ข้อ

1. ต้องอินกับสินค้า - เราต้องอินกับสินค้า 100% ถึงจะขายได้ เพราะถ้าเราไม่อิน ลูกค้าคนที่ฟังเราย่อมไม่มีทางอิน

แม้เราจะเสแสร้งว่าอิน แต่ท่าทางมันดูกันออก

.

2. ต้องรู้ลึกสินค้า – ต้องไม่ใช่ ‘รู้เพื่อซื้อ’ เหมือนตอนที่เราเป็นผู้บริโภค แต่เราต้อง ‘รู้เพื่อขาย’ คือรู้หมดทุกอย่างเกี่ยวกับสินค้าที่เราขาย

เช่น ปุ่มรีโมท ถ้ารู้เพื่อใช้งาน ก็อาจรู้เพียงไม่กี่ปุ่ม แต่ถ้ารู้เพื่อขาย คือต้องรู้ทุกปุ่ม และสามารถแสดงให้ลูกค้าเห็นได้หมด

.

3. ต้องรู้รอบลูกค้า - รู้จักลูกค้าให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ พยายามหาข้อมูลลูกค้าไว้ล่วงหน้า แล้วลองพิจารณาดูว่าเขามีลักษณะนิสัยยังไง น่าจะมีปัญหาตรงไหน จะได้หาวิธีตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้มากที่สุด

.

4. รู้เทคนิคการขาย – ตั้งแต่การพูดเมื่อพบกันเป็นครั้งแรก การดึงความสนใจ การปิดการขาย รู้จักการใช้คำพูด รู้ว่าคำพูดไหนควรเลี่ยง

การขายเหมือนสูตรคณิตศาสตร์ ใครรู้และประยุกต์ใช้เป็นก็จะได้เปรียบ

.

7) ลูกค้าตัดสินใจจากอารมณ์เสมอ

เบื้องหลังเหตุผลที่ลูกค้าให้มา มักจะเป็นอารมณ์แฝงอยู่เบื้องหลัง

ถ้าเราเข้าใจพื้นฐานเรื่องนี้ เราจะอธิบายและสื่อสารกับลูกค้าให้เข้าใจกันได้มากขึ้น

เราจะสื่อสารอะไรที่ลึกไปกว่าเพียงเหตุผลเบื้องต้นที่ลูกค้าเล่ามา

.

8) ลูกค้า 4 จริตที่พบประจำ และวิธีปิดการขายให้ลูกค้าแต่ละแบบ

1. โทสะจริต - พวกคนคาดหวังกับโลกเยอะ อยากให้โลกเป็นแบบที่ตัวเองต้องการ เป็นพวกเจ้าระเบียบ คำไหนคำนั้น ชอบอะไรเร็ว ๆ ไม่ชอบรายละเอียด

วิธีขายกับคนพวกนี้ต้องเน้นที่ประโยชน์ที่เขาจะได้รับ ไม่ต้องลงรายละเอียดมาก พูดชัด ๆ ด้วยความมั่นใจ

.

2. ราคะจริต - คนพวกนี้พูดเพราะ นุ่มนวล เป็นคนที่สนใจภาพลักษณ์ ต้องการการยอมรับในสังคม ชอบทำตัวเป็นจุดเด่น

วิธีขายคนพวกนี้ต้องเน้นคำชม เน้นว่ามันจะไปเสริมภาพลักษณ์ของเขายังไง และพยายามทำตัวให้เหมือนเพื่อนของเขา

.

3. วิตกจริต – คนพวกนี้เป็นพวกบ้าข้อมูล รอบคอบ มีเหตุผล คิดเยอะ อาจรู้จักสินค้าดีกว่าคนขาย

วิธีขายคนพวกนี้คือเน้นการให้ข้อมูล และอย่าไปคิดแทนลูกค้า เพราะเขาชอบอะไรที่อิงกับข้อมูลแน่น ๆ

.

4. โมหะจริต – เป็นคนที่มองตัวเองต่ำกว่าความเป็นจริง เชื่อคนง่าย ชอบพึ่งพาคนอื่น ไม่มีความมั่นใจ ไม่มีพิษมีภัย แต่เป็นพวกแค้นฝังหุ่น

วิธีขายคนพวกนี้ต้องบอกว่า ถ้าเขาซื้อไปมันจะเกิดประโยชน์กับคนที่เขาแคร์ เพราะเขาห่วงคนรอบข้างมากกว่าตัวเอง

.

9) รู้จักวิธีหยุดนิ้วโป้งด้วยนิวโรมาร์เก็ตติ้ง

ในยุคที่ทุกคนเล่นสมาร์ทโฟน และโลกเอ่อล้นไปด้วยข้อมูล

เราต้องหาวิธีหยุดนิ้วมือการไถฟีดของผู้บริโภคให้ได้

ศาสตร์นี้เรียกว่า นิวโรมาร์เก็ตติ้ง

เทคนิคที่ช่วยให้โพสต์ของเราน่าสนใจขึ้นจนอาจหยุดนิ้วโป้งได้ คือ

1. ภาพ before & after ที่แตกต่าง

2. ภาพที่จับต้องได้ ไม่เป็นนามธรรม

3. พยายามใช้เรื่องเล่าเสมอ

4. พยายามใช้เรื่องใกล้ตัวคนดู พยายามให้เขาคิดว่าเป็นเรื่องของเขาเอง

.

10) ของแพงไม่มีจริงในโลก

สิ่งที่เรียกว่าแพงก็เพราะลูกค้าคิดว่า สิ่งที่ได้ไม่คุ้มกับราคาที่ต้องจ่ายออกไป

ซึ่งมีปัจจัยที่ทำให้เราขายของแพงไม่ได้ เพราะ

- หลายคนมักขาดความเชื่อมั่นในสินค้าของตัวเอง คิดว่าสิ่งที่ตัวเองขายแพงเกินไป

- คิดว่าลูกค้าไม่มีเงิน ซึ่งอาจหลงเชื่อตามสิ่งที่ลูกค้าพูด แต่แท้จริงแล้ว ถ้าสิ่งที่เราขายสำคัญจริง ๆ ยังไงลูกค้าก็เบิกงบมาจ่ายให้เราได้

- กลัวขายไม่ได้ – สิ่งนี้แก้ได้ด้วยการเพิ่มราคาในใจลูกค้า (willingness to pay) ถ้าเราอธิบายให้ลูกค้าเห็นภาพได้ว่าทำไมเขาถึงต้องซื้อมัน มันจำเป็นกับชีวิตเขายังไง เขาก็อาจมีราคาในใจที่เพิ่มมากขึ้น และยอมจ่ายในราคาที่แพงขึ้น

.

.

รีวิวสั้น ๆ

เป็นหนังสือเกี่ยวกับการขายที่อ่านเข้าใจง่ายมากที่สุดเล่มหนึ่ง

และเนื้อหาละเอียดมาก ไม่ได้บอกแค่คอนเซ็ปต์คร่าว ๆ

แต่มีการเล่ารายละเอียด ทั้งวิธีปฏิบัติจริง คำพูดที่ควรใช้ ท่าทาง และการสื่อสารกับลูกค้าแบบต่าง ๆ เพื่อปิดการขาย

เรียกว่าอ่านจบก็นำไปใช้ได้ทันที

ค่อนข้างอธิบายได้สำเร็จรูปมาก

.

เนื้อหาแบ่งเป็นบทย่อย ๆ ช่วงแรก ๆ เล่าหลักการสำคัญของการเป็นนักขาย

และเน้นย้ำว่า แท้จริงแล้วทุกคนก็คือนักขาย ไม่ว่าแง่ใดแง่หนึ่ง

จากนั้นหนังสือเริ่มลงรายละเอียด เกี่ยวกับการขายต่าง ๆ มากขึ้น

ทั้งวิธีขายแบบออฟไลน์ ออนไลน์ โทรศัพท์

วิธีรับมือกับคำปฏิเสธของลูกค้ารูปแบบต่าง ๆ

ซึ่งอย่างที่บอกว่า หนังสือมีรายละเอียดเยอะมาก และค่อนข้างครบถ้วน

เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่เป็นเซลล์แมน หรือคนที่ต้องขายของเป็นงานหลัก

.

และอย่างที่หนังสือบอกว่า แท้จริงแล้วทุกคนก็คือนักขายไม่มุมใดก็มุมหนึ่ง

ดังนั้นแล้ว ใคร ๆ ก็อ่านได้ ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็ตาม

และถ้าจับหลักดี ๆ ก็ลองเอาเทคนิคจากสถานการณ์ต่าง ๆ ที่หนังสือเล่าไปประยุกต์ใช้ดู

อาจประยุกต์ใช้ได้มากน้อยแตกต่างกันไป

แต่คิดว่ายังไงก็น่าจะนำไปใช้ได้บ้าง แน่นอนครับ

.

สุดท้ายขอเน้นย้ำว่า หนังสืออ่านง่ายมาก

และเนื้อหาไม่กลวงเลย

มีเทคนิคดี ๆ แทรกอยู่มาก

เทียบกับหนังสือแปลหลายเล่ม เล่มนี้ไม่มีน้ำเลย

เนื้อเน้น ๆ มุ่งไปที่การขายเป็นหลัก

ยังไงถ้ามีเวลา ใครสนใจเรื่องการขาย ต้องหยิบมาอ่านนะครับ

.

.

.......................................................................................................

ผู้เขียน: สุภกฤษ กุลชาติวิจิตร (โค้ชแบงค์)

จำนวนหน้า: 256 หน้า

สำนักพิมพ์: I AM THE BEST

เดือนปีที่พิมพ์: 2020

.......................................................................................................

.

สั่งซื้อหนังสือได้ที่

.

.

#หลังอ่าน #หนังสือควรอ่านก่อนอายุ30 #รู้แค่นี้ขายดีทุกอย่าง





49 views0 comments

Comments


Post: Blog2_Post
bottom of page