



รีวิวหนังสือ Sapiens: เซเปียนส์ ประวัติศาสตร์ฉบับกราฟิก เล่ม 1
.
สั้นๆง่าย ‘อ่าน สนุกมากกกกก’
.
ผมเชื่อว่านี่เป็นกลยุทธ์ที่ดีมากที่มีการตีพิมพ์เซเปียนส์ออกมาในรูปแบบการ์ตูน เพราะเนื้อหาในเล่มจริงนั้นค่อนข้างหนาและละเอียด การเลือกเฉพาะ key message สำคัญๆออกมาวาดเป็นการ์ตูนและสร้างเรื่องราวประกอบการเล่าประวัติศาสตร์ น่าจะทำให้เนื้อหาที่ Dr Yuval อยากจะสื่อเข้าถึงคนในวงกว้างมากขึ้น
.
เล่มนี้เป็นเล่มแรกของเนื้อหาฉบับการ์ตูน มีสั้นๆเพียงแค่ 4 บทเท่านั้น
.
เริ่มตั้งแต่ มนุษย์ในยุคเก็บของป่าล่าสัตว์ ก่อนการปฏิวัติเกษตรกรรมและการลงหลักปักฐาน และไล่ยาวไปถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์กลุ่มอื่นๆ และสัตว์สปีชีส์อื่นๆอีกมากมาย ถ้านับตาม timeline คือประมาณปี 80,000 ถึง10,000 ปีก่อน
.
แน่นอนว่าคนที่เคยอ่านเซเปียนส์ฉบับเต็มจะยังจำกันได้ว่า เมื่อก่อนมีมนุษย์อยู่อีกหลายเผ่าพันธุ์มาก แต่สุดท้ายแล้วก็เหลือเพียงเซเปียนส์เผ่าพันธุ์เดียว
.
นี่ก็เป็นไปได้ว่าเกิดจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือสงครามจนกระทั่งอีกฝ่ายต้องล่าถอยไปเรื่อยๆ และไม่มีที่อยู่อาศัย
.
อยากจะเล่าว่าชอบหนังสือใช้วิธีการเล่าเรื่องโดยสร้างเป็นตัวละครต่างๆ เหมือนเดินทางย้อนเวลาไป และมีการใช้ลูกเล่นเป็นฉากในการเล่าอย่างฉากในงานเสวนาที่มีผู้เชี่ยวชาญมาจากหลายสาขา และมีคนโต้แย้งความคิดเห็น หรือที่ชอบมากที่สุด คือฉากที่ตำรวจพยายามจับจำเลยมนุษย์ยุคเก็บของป่าล่าสัตว์ แล้วมีทนายของจำเลยมาแก้ต่าง การอภิปรายก่อนศาลจะตัดสินคือจุดที่พีคมาก
.
.
แน่นอนว่าเนื้อหาค่อนข้างเยอะ ผมเลยอยากมาเล่าสั้นๆแค่ 2 เรื่องนะครับ
เรื่องแรก: การปฏิวัติการรับรู้
.
เป็นที่น่าทึ่งมากว่า สัตว์ต่างๆใช้เวลาวิวัฒนาการมาอย่างยาวนานเป็นล้านๆปี แต่เซเปียนส์ใช้เวลาไม่กี่หมื่นปีก็สามารถยึดครองโลกใบนี้ไว้ได้ อะไรคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เซเปียนส์ทำแบบนั้นได้
.
สิ่งๆนั้นคือ ‘การปฏิวัติการรับรู้’
การปฏิวัติการรับรู้ อธิบายว่าความจริงสำหรับเซเปียนส์มีอยู่สองแบบนั่นคือ ความจริงที่มีสิ่งนั้นอยู่จริงๆอย่าง ภูเขา ต้นไม้ และสิงโต
.
ในขณะที่มีความจริงอีกประเภทคือ ความจริงในจินตนาการ เช่น ประเทศ พระเจ้า ศาสนา บริษัท เงินตรา และอื่นๆอีกมากมาย
.
ความจริงประเภทที่ 2 ไม่มีอยู่จริง แต่มีพลังอำนาจมาก โดยเฉพาะเมื่อถูกนำมาใช้ทำเป็นเรื่องแต่ง
.
เปรียบเทียบง่ายๆว่า ถ้าฝูงลิงต้องการป้องกันอันตรายจากสิงโต พวกมันก็มีการส่งสัญญาณบอกว่าสิงโตจะมา แล้วก็วิ่งไปหลบบนต้นไม้ แต่ถ้าพวกเซเปียนส์สามารถใช้การสื่อสารด้วยเสียงที่มีอย่างไม่จำกัดอธิบายถึงลักษณะของสิงโต ตัวใหญ่ตัวเล็ก มากันกี่ตัว ดุร้ายแค่ไหน ห่างออกไปรึเปล่า เพราะความสามารถในการจินตนาการ การรับมือกับสิงโตจึงเป็นเรื่องที่ทำได้มีประสิทธิภาพกว่าฝูงลิงมาก
.
การปฏิวัติการรับรู้ยังทำให้มนุษย์สามารถสื่อสารได้อย่างไร้ขีดจำกัด ข้อมูลมามายมหาศาลสามารถส่งทอดถึงกันได้ เกิดเป็นความเหนียวแน่นทางสังคม การเรียนรู้ของมนุษย์จึงเป็นไปได้อย่างเร็ว และก้าวหน้าขึ้นกว่ามนุษย์กลุ่มอื่นมาก
.
นอกจากนี้ การที่เซเปียนส์รับรู้ถึงจินตนาการในแบบเดียวกันยังช่วยส่งผลให้สมาชิกในเผ่าร่วมมือกันทำงานในแบบที่สัตว์ชนิดอื่นไม่สามารถทำได้ เช่น บอกว่าวันนี้จะล่าสัตว์เพื่อขอบคุณพระเจ้า ใครไม่ออกแรงจะต้องถูกพระเจ้าลงโทษ ทุกคนก็คงจะร่วมมือร่วมแรง และคิดกลยุทธ์วิธีการล่าใหม่ๆที่เอาชนะสัตว์ใหญ่ รวมถึงมนุษย์กลุ่มอื่นๆได้อย่างไม่ยากเย็น
.
เรื่องเล่านี้ทรงพลังมาก เพราะหนังสือเล่าว่าทุกวันนี้ บริษัท ห้างร้านต่างๆก็คือเรื่องเล่า เซเปียนส์คิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาเองล้วนๆ แบรนด์รถยนต์ แรงงาน ค่าตอบแทน ภาษีที่ต้องเสีย ทุกสิ่งอย่างคือสิ่งในจินตนาการ แต่ก็เป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนความเจริญก้าวหน้าของเผ่าพันธ์เซเปียนส์ไปอย่างมาก
.
.
เรื่องที่ 2: การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
.
แน่นอนว่าในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า ทำไมมนุษย์กลุ่มอื่นๆถึงสูญพันธุ์ รวมถึงทำไมไม่ว่าเซเปียนส์จะไปถึงที่ไหนสัตว์ทั้งหลายก็พากันสูญพันธุ์ภายในเวลาไม่กี่พันปี
.
แต่แน่นอนว่าด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาการ และการร่วมมือกันของเซเปียนส์ ไม่มีสัตว์ชนิดไหนที่จะต่อกรได้ และหนังสือตั้งประเด็นว่าเพราะว่าโดยปกติสัตว์ใช้เวลานานในการปรับตัวให้แวดระวังภัยคุกคามใหม่ๆ แต่เมื่อเซเปียนส์ไปถึงดินแดนใหม่ๆ เช่นออสเตรเลีย หรือทวีปอเมริกา และเริ่มออกล่า สัตว์ท้องถิ่นเหล่านั้นก็ปรับตัวไม่ทัน และถูกล่าตายไปอย่างมากมาย จนสัตว์ใหญ่หลายชนิดสูญพันธุ์ไปในช่วงเวลายุคเก็บของป่าล่าสัตว์
.
แน่นอนว่าจะโทษแต่เซเปียนส์ก็คงจะไม่ยุติธรรมเท่าไหร่ เพราะหลักฐานที่มีก็ไม่ได้แน่นหนาพอ และมีคำอธิบายอื่นๆที่เป็นไปได้เช่น การเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศอย่างรุนแรง ซึ่งนับเป็นภัยคุกคามสำคัญของประชากรสัตว์จำนวนมาก
.
รวมไปถึงการที่มองจากมุมมองของเซเปียนส์ในยุคนั้นแล้ว เวลาเพียงชั่วคน 70-80 ปีก็ไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรกับประชากรสัตว์มาก เพราะกระบวนการสูญพันธุ์กินเวลาเป็นพันปี คนในยุคนั้นจึงไม่อาจตระหนักถึงภัยอันตรายที่ตัวเองสร้างขึ้น
.
ดังนั้นแล้วจะโทษแต่เซเปียนส์ยุคหาของป่าล่าสัตว์ก็อาจไม่ถูกต้องนัก และที่สำคัญที่สุดคือ คลื่นการสูญพันธุ์ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องอีกหลายระลอกแม้จะผ่านยุคสมัยของการเก็บของป่าล่าสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่มนุษย์ได้ตระหนักถึงผลกระทบเหล่านั้นแล้ว
.
หนังสือปิดงามๆด้วยการตบหน้าเหล่าเซเปียนส์ในปัจจุบันอย่างรุนแรงในเรื่องของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการดำรงคืไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์อื่นที่ล้วนแต่เป็นเพื่อนร่วมโลกของเรา
.
.
สั่งซื้อหนังสือได้ที่
.
.
…………………………………………………………………………………………………..
ผู้เขียน: Yuval Noah Harari, David N. Daniels
ผู้แปล: ดร. นำชัย ชีววิวรรธน์
แนวหนังสือ: ประวัติศาสตร์
จำนวนหน้า: 248 หน้า
สำนักพิมพ์: ยิปซี, สนพ.
ปีที่พิมพ์ : 2021
…………………………………………………………………………………………………..
.
.
#หลังอ่าน #Sapiens #เซเปียนส์ประวัติศาสตร์ฉบับกราฟิก #YuvalNoahHarari #สำนักพิมพ์ยิปซี
Comments